การเที่ยวคือกำไรของชีวิต ยิ่งเป็นการเที่ยวที่ออกนอกเส้นทางด้วยแล้วยิ่งตื่นเต้นและสนุกมากขึ้น และยังดูดพลังงานสร้างกำลังใจในการกลับไปต่อสู้ชีวิต มีบางเวลาบางครั้งที่เราเหนื่อยกับระบบชีวิตในแต่ละวัน ต้องตื่นแต่เช้าเดินทางไปทำงาน ถึงเวลาเลิกงาน แวะซื้ออาหาร และรับลูกแล้วกลับบ้าน เสียอารมณ์กับการเดินทาง รถติด รถเสียหรือหลายๆ อย่างที่ทำให้หัวร้อน จนบางทีทำให้หน้าแก่เกินวัยเดียวกันกับเพื่อน วิธีง่ายๆ เพียงการพัก และผ่อนคลาย เดินทางเที่ยว ขึ้นไปนั่งโง่ๆ รับลมมองทะเลภูเขาท่ามกลางอากาศหนาว แค่นี้ก็ทำให้ลดความทุกข์ภายในใจได้ หรืออาจจะขึ้นไปแล้วตะโกนสุดเสียงก็ไม่มีใครสนใจเรา เพราะต่อให้ตะโกนดังเท่าไหร่ เราก็จะได้ยินกลับมาหาตัวเองเสมอ ความฝัน ฝันที่อยากขึ้นบนดอยสักครั้งหลังจากเรียนจบ แม้ว่าจะเป็นคนไทยน้อยครั้งนักที่จะได้เที่ยวประเทศไทย อาจจะด้วยเวลาโอกาส รวมไปถึงสิ่งที่สำคัญ (เงิน) ไม่เหลือพอสำหรับการเที่ยว จนวันหนึ่งวันที่เราได้ทำงานและหาเงินเองได้ และเป็นช่วงรอยต่อของวันหยุดพักผ่อน ก่อนเริ่มงานในอาทิตย์ถัดไป ครั้งนี้ได้มีโอกาสมาเที่ยวเล่นเชียงใหม่ ไหว้พระเกจิสายธรรมยุตเก้าวัดทริปไว้พระรอบถิ่นแดนเหนือ ครั้งนี้มีเวลา 5 วัน เพียงพอสำหรับการเที่ยวเลาะแบบสบายไม่ต้องรีบร้อน วางแผนในการเที่ยวเอง ในกลุ่มมาด้วยกันสี่คนที่พักใช้ส่วนลดของพนักงานจอง พวกเราเลือกพักที่โรงแรมเล็กๆ นอกเมืองเพราะเช่ารถเก๋งจากสนามบิน คนขับพร้อมไปไหนได้หมด สถานที่แห่งนี้ที่กำลังจะพูดถึงนั้นไม่ได้มีในแผน หลังจากขับรถเที่ยวมาทั้งวัน พอดีมีคนหนึ่งอยากทานสตรอว์เบอร์รีขึ้นมา ซึ่งถามทางกับเจ้าถิ่นข้างทางบอกต้องขับเลี้ยวไปทางซอยขึ้นม่อนแจ่ม หลังจากซื้อเสร็จ มองเห็นป้ายบอกทางว่าอีกสามกิโลถึงจุดชมวิวดอยม่อนแจ่ม จึงเป็นที่มาของการเล่นบทละคร ขอร้องคนขับให้พาขึ้นอยากเห็นสักครั้ง และแล้วก็เป็นผล ถึงแล้วดอยม่อนแจ่ม พอรถจอดเท่านั้น เปิดประตูลงมองไปด้านหน้า สวยแบบร้องตะโกน รีบวิ่งไปสูดบรรยากาศและอ้าแขนรับลมอย่างชื่นใจ ตอนที่ขึ้นมานั้นทางขึ้นค่อนข้างสูงชันรถขึ้นลำบาก จนบางครั้งคนขับหันกลับมาถามว่า กลับไหมทางขึ้นสูงอันตรายขับรถไม่ค่อยถนัดเส้นทาง เพื่อเอาใจวัยรุ่นจึงยอมขับขึ้นมาให้ ด้านบนอากาศดีลมโกรก น่านอนเอนกายและหลับตา ด้านข้างของทางเดินเพื่อขึ้นมาปลายของยอดดอย ทุกอย่างมันดูโล่ง แต่แอบมีกลัวเล็กน้อย เวลาที่ยืนอยู่บนที่สูงชอบคิดว่าถ้าหากเราตกลงไปจะเป็นยังไงจะรอดไหม ซึ่งความงามของธรรมชาตินั้นได้จัดสรรไว้อย่างดีต้นไม้ทุกต้นทำหน้าที่ในการเกาะยึดหน้าดินไว้ ตอนเย็นคนที่นี่จะเยอะ เพราะมีบางคนบางกลุ่มขึ้นมาตอนเย็นเพื่อนอนบนดอยม่อนแจ่มเพื่อที่จะนอนดูดาว รุ่งเช้าหมอกก็จะเดินทางกลับอย่างสวยงาม การเดินทาง การเดินทางนั้นสามารถเดินทางขึ้นด้วยรถทุกชนิด ต้องเป็นรถส่วนตัวเช่าได้ ทางขึ้นรถอาจจะต้องมีกำลัง ตลอดทางจะมีป้ายบอกตลอดทาง ประมาณสามสิบกิโล ตอนที่ขึ้นนั้นค่อนข้างจะตัดสวพืชของชาวบ้าน มองไปทางไหนก็เหมือนกันหมด สามารถถามทางจากชาวบ้านได้ เมื่อเราเดินลงจากรถ เราจะต้องเดินเรียบผาเพื่อไปที่ลานด้านบนของดอยม่อนแจ่ม สองข้างเรียบหน้าผาสูงมีกระท่อมน้อยตั้งเรียงกันประมาณห้าที่ การจะนั่งได้นั้นเราจะต้องเช่าสถานที่ ราคาประมาณสามร้อยบาท นั่งได้ประสานเจ็ดคนจะเห็นวิวถ่ายรูปที่งดงาม ตอนที่เราขึ้นไปท้องฟ้าโปร่งไม่ทันพระอาทิตย์ อากาศด้านบนเย็นเฉียบ ถ่ายรูปท่าสุดฮิต ด้านหน้าอาจจะไม่สวย ยืนหันหลังให้ตากล้องเราใช้เพียงโทรศัพท์ของเราถ่ายไม่ต้องมีฝีมือมากก็จะได้ภาพที่สวยเป็นที่พอใจเพียงแฉะเดียวเท่านั้น ด้านหน้าเป็นทะเลภูเขา ไม่ใช่เพียงแถวเดียว ภูเขานั้นได้ทับซ้อนกันจำนวนมาก ยิ่งดูยิ่งประทับใจ ซึ่งมองไปบนพื้นดินต่อหน้าของเรา 🌳จะถูกปลูกเป็นระยะเพื่อความสวยงาม ชาวสวนกำลังปลูกผักหลายอย่างเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว สภาพดินดีคิดในใจมิน่าผักจึงงอกงามดี ความงามของธรรมชาติที่น่ามอง ศาลาที่อยู่รอบขับติดหน้าผาทำด้วยไม้และหญ้าคา บริเวณตลอดรอบพื้นที่ทั้งหมดสะอาด เพราะมีการแยกขยะชัดเจน เมื่อมองไปด้านหน้าอย่างน้อยก็ดีที่ยังมีเขาเป็นเพื่อน จริงไหม สำหรับพื้นที่ด้านบนนั้นทางเดินจะเป็นดินธรรมดา สลับกับการปลูกผักที่เจริญเติบโตดีในฤดูหนาว ในการขึ้นไปเที่ยวด้านบนสามารถมองเห็นทุกคนหมดเพราะพื้นที่ไม่ค่อยกว้างนัก มีสะพานไม้ไผ่ทอดยาวให้ได้ขึ้นไปถ่ายภาพและนั่งพัก ฟินสุด ท้องฟ้าช่วงนี้อากาศสดใสน่ามอง ตอนที่เดินเล่นมองไปรอบๆ คนที่นี่ช่างน่าอิจฉานอกจากอากาศจะดี ซึ่งได้ปลูกพืชในโครงหลวง จะเป็นพืชพรรณตามฤดูกาล พื้นที่ด้านบนมีพื้นที่เรียบไม่เยอะ ส่วนมากจะเป็นแนวลาดลงไปต้องใช้ความระวังในการเดิน เดินเก็บความสุขของชีวิตประมาณ สามครึ่งชั่วโมง ก็กลับขึ้นรถเพื่อกลับลงจากดอยม่อนแจ่มกลับไปที่พัก เพราะถ้าเราลงตอนดึกมากจะทำให้การขับรถไม่ค่อยปลอดภัย ช่วงที่ไปนั้นไม่ใช่ฤดูหนาว อากาศจึงยังไม่หนาวมาก แต่ก็ทำให้แสบจมูกได้ น้าที่ดูแลต้นสตรอว์เบอร์รีบอกว่า ถ้ามาในฤดูหนาวจะสวยกว่านี้เพราะดอกไม้ส่วนมากที่ปลูกจะบานในฤดูหนาว และเมื่อมองไปรอบข้างสีสันสะดุดตามากกว่า ผู้เขียนคิดในใจว่า ตอนนี้ยังไม่หนาวยังขนลุกถ้าหนาวจะขนาดไหนกัน เสื้อสองชั้นพอไหม และยังถามอีกด้วยว่า นอนพักค้างคืนบนดอยไหม มีจุดบริการที่พัก แต่เราก็ตอบกลับว่า ขึ้นมาชมบรรยากาศไม่นานจะกลับลงไปพักที่โรงแรมนอกเมือง แล้วก็ยิ้มกลับไป น้าเขาน่ารักดีแก้มแดงๆ ฝั่งด้านนี้ค่อนข้างจะเป็นกระท่อมใหญ่ ถ้าไปแบบครอบครัวใหญ่ๆ แม้จะเป็นเวลาเพียงสิบกว่านาที ที่อยู่บนดอยม่อนแจ่มแต่เวลาที่คิดถึงครั้งใดก็สุขใจ การเที่ยวหนึ่งครั้งเราจะประทับใจสถานที่ที่เราชอบ เพราะมันเหมือนสถานที่แห่งความฝันของหลายคน ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว)🗺แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”