เที่ยวเวียงจันทน์ 2 วัน 1 คืน (ไปเสาร์-กลับอาทิตย์) - เล่าละเอียดนิดนึง งบน้อยก็เที่ยวได้ -วันที่ 1 (วันเสาร์) เริ่มทริปนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพ (ดอนเมือง) - อุดรธานี ไฟลท์ช่วงสายๆ (นั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีหมอชิต แล้วต่อรถเมล์ไปสนามบินดอนเมือง หรือจะนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดงไปลงดอกเมืองได้เหมือนกัน พอไปถึงสนามบินอุดรธานี มีรถตู้จากสนามบินไปลงหน้าด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพหนองคาย (ราคา 200 บาท) เมื่อถึงด่านพรมแดนแล้วก็เข้าพิธีการ ตม. (สามารใช้ Passport สามารถอยู่ได้ 30 วัน) สำหรับใครที่ไม่มี Passport ใช่ใบขอบัตรผ่านแดนชั่วคราว (Temporary Border Pass) เพียงยื่นสำเนาบัตรประชาชน 1 ฉบับ พร้อมรูปถ่าย 2 นิ้ว 2 รูป และค่าธรรมเนียม ประมาณ 100 บาท (อันนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้) หลังผ่านพิธีการ ตม. ของไทยแล้วก็ต้องนั่งรถข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ถ้าใครที่นั่งรถบัสมาจากสถานีขนส่งอุดรฯ ก็ขึ้นรถคันเดิม ส่วนใครที่นั่งรถตู้มาลงหน้าด่านหนองคายต้องเสียค่ารถข้ามสะพานประมาณ 35 บาท (เหมือนรถเมล์ร้อน) ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีข้ามแม่น้ำโขงถึงด่าน ตม. สปป.ลาว หลังผ่านพิธีการ ตม. แล้ว การเข้าประเทศลาวมีค่าภาษีนักท่องเที่ยว หรือเรียกกันว่า "ค่าเหยียบแผ่นดิน" คิดเป็นเงินไทยประมาณ 20 บาท (จ่ายที่ ตม.ของ สปป.ลาว)หลังจากนั้นเราก็ไปแลกเงิน (เป็นธนาคารต่างๆของลาว) เราถือเงินเป็นล้าน(กีบ) ก็คราวนี้แหล่ะ หรือใครที่จะใช้เน็ตมือถือใน สปป.ลาว ก็สามารซื้อซิมเน็ตของ สปป.ลาว มีหลายค่ายให้เลือกกัน หลายราคาด้วย ตามวันที่อยู่ในลาว แต่เราอยู่ 2 วัน 1 คืน เลยซื้อประมาณ 100 บาท ได้มา 10 GB (เหลือเฟือเลย)หลังจากนั้นก็เข้าเมืองเวียงจันทน์ด้วยรถประจำทางสาย 14 (สีเขียว-ขาว) ราคาประมาณ 12,000 LAK ไปลงที่สถานี Khua Din Bus Station ตั้งอยู่ใกล้ๆ Talat Sao Shopping Mall 2 หลังจากนั้นก็เข้าพีกที่โรงแรมในเวียงจันทน์ ซึ่งมีเยอะมาก โดยครั้งนี้เข้าพักที่ Syri boutique guesthouse restaurant & cafe (ไม่ได้ค่าแนะนำโรงแรมนะครับ) ที่ห้องพักแบบมินิมอล เน้นสีขาว และมีน้องแมว น้องหมาคอยต้อนรับแขก สต็าฟของโรงแรมบริการดีพิกัดของโรงแรม SYRI Guesthouseพอ Check-in โรงแรมเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วก็ออกเที่ยว โดยมีความตั้งใจจะมามูเตลูที่เวียงจันทน์ โดยมีสถานที่สำคัญๆ ดังนี้ เริ่มจากสถานที่สำคัญรอบนอกของเมือง พร้อมประวัติความเป็นมาเล็กน้อยให้รู้สึกเหมือนไปด้วยกัน และพิกัดใน Google Map พระธาตุหลวง หรือ ພຣະ ທາດຫຼວງ (สามารถนั่งรถเมล์ปรับอากาศในเวียงจันทน์ไปได้)สร้างพร้อมกับการสถาปนาเวียงจันทน์ โดยสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช ถือเป็นสถานที่สำคัญของกรุงเวียงจันทน์ และถ่านรูปสวยด้วยครับ ทุกปีจะมีงานบุญนมัสการพระธาตุหลวงประจำปีทุกวันเพ็ญเดือน 12 (ถ้ามีโอกาสไปงานบุญพระธาตุ และจะกลับมาเล่าให้อ่านกันนะครับ)พิกัด: Pha That Luang Vientiane ประตูชัย หรือ ປະຕູໄຊตั้งอยู่บนถนนล้านช้าง สร้างเสร็จประมาณปี พ.ศ. 2512 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงทหารผู้เสียสละชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 และการต่อสู้เพื่อประกาศเอกราชจากฝรั่งเศส หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า รันเวย์แนวตั้ง เพราะใช้ปูนที่อเมริกาจะนำมาใช้สร้างสนามบินแห่งใหม่ แต่ยังไม่ได้สร้าง เพราะอเมริกาแพ้สงครามเวียดนามก่อนพิกัด: Patuxay หลังจากนั้นก็เข้ามาภายในตัวเมืองเก่า ธาตุดำ หรือ ທາດດຳเป็นปูชนียสถานสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเวียงจันทน์ มีความเชื่อกันว่าเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาคเจ็ดเศียรที่คอยปกป้องเมืองเวียงจันทน์จากการถูกบุกรุกจากกองทัพชาวสยามในปี ค.ศ. 1827 (ช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น)พิกัด: That Dam Stupa วัดองค์ตื้อมหาวิหาร (Wat Ong Teu) หรือ ວັດອົງຕື້ ມະຫາວິຫານพระเจ้าองค์ตื้อเป็นพระประธาน ที่สร้างพร้อมกับพระสุก พระใส พระเสริม (ถ้ามีโอกาสจะมาเล่าประวัติให้อ่านกันนะครับ) เป็นวัดสำคัญที่ทางราชการของ สปป.ลาวใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมสําคัญ เช่น พิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาฝ่ายอาชญาสิทธิ์การปกครองต่างๆ และพิธีทําบุญของทางราชการ และหลังงานบุญพระธาตหลวงแล้ว จะมีพิธีฉลองพระองค์ตื้อกันอีกครั้งพิกัด: Wat Ong Teu วัดสีสะเกด หรือ ວັດສີສະເກດเป็นวัดที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2361 เป็นวัดที่ไม่ถูกทำลาย เพราะเป็นสถานที่ตั้งทัพของกองทัพสยาม ทำให้สิม(โบสถ์หรือพระอุโบสถ) และหอไตรได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะรัตนโกสินทร์อย่างมากพิกัด: Wat Sisaket หอพระแก้ว หรือ ຫໍພະແກ້ວตั้งอยู่ตรงข้ามวัดสีสะเกด และตั้งอยู่ทิศตะวันออกติดกับทำเนียบประธานประเทศ (Presidential Palace) เพราะสมัยก่อนพระมหากษัตริย์จะนอนหันพระเศียรมาทางหอพระแก้ว โดยเคยเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระแก้วมรกต โดยพระเจ้าไชยเชษฐาอันเชิญมาจากเมืองเชียงใหม่มาประดิษฐานที่กรุงเวียงจันทน์เป็นเวลา 214 ปี (มีค่าเข้า 3 หมื่นกีบ หรือประมาณ 60 บาท)พิกัด: Ho Phrakeo Museum วัดสีเมือง หรือ ວັດສີເມືອງเป็นวัดหลวงที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2106 ในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ซึ่งเป็นที่ตั้งของเสาหลักเมือง และจะมีความเชื่อเรื่องยกช้างเสี่ยงทาย หากยกขึ้นจะได้กลับมาเวียงจันทน์อีกครั้ง และจะมีการจัดพิธีกรรมทำบุญที่วัดสีเมืองก่อนงานบุญนมัสการพระธาตุหลวงประจำทุกปีตอนไหว้ย่าแม่สีเมืองที่วัดสีเมือง มีเด็กน้อยเดินมาดูกล้องถ่ายรูปที่เราถ่ายภาพด้วย เลยถ่ายรูปเด็กน้อยนั้นไปด้วย แต่เอารูปมาลงไม่ได้ (กลัวละเมิดสิทธิส่วนบุคคล) พิกัด: Wat Si Muangพอไปมูสถานที่ต่างๆเสร็จแล้วก็ไปนั่งจิบกาแฟ (มีเยอะมาก) และเดินเล่นดูบ้านช่องในบริเวณเมืองเก่าที่อยากแนะนำJoma Bakery Café สาขาน้ำพุพิกัด: Joma Bakery Café Nam PhouLaminim Coffee ร้านกาแฟเปิดใหม่พิกัด: Laminim Coffeeเฝอ อาหารยอดนิยมPhoZap Branch Hatsadeeพิกัด PhoZap Branch Hatsadeeลานน้ำพุ สถานที่เป็นเหมือนสวนสาธารณะ (พบแมวจร)พิกัด Nam Phou Fountain ช่วงค่ำๆไปเดินดูตลาดมืดเลียบแม่น้ำโขง ส่วนใหญ่จะเป็นของขาย ถ้าหาของกินเยอะๆจะต้องไปถนนคนเดิน Center Point หรือถนน Sihom พิกัด Center Point Soymilkหลังจากนั้นก็กลับไปพักผ่อนและตื่นเช้ามาวิ่งเลียบแม่น้ำโขงแบบเบาๆ 5 กม.เดินทางกลับประเทศไทยโดยนั่งรถเมล์สาย 14 ที่สถานี Khua Din Bus Station เพื่อไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว และนั่งรถตู้จากด่านหนองคายกลับสนามบินอุดรธานีเพื่อนั่งเครื่องกลับกรุงเทพความประทับใจในการเดินทางครั้งนี้ ชอบผู้คนที่เป็นมิตรคนไทยมาก และประทับใจสถานที่ต่างๆ แม้จะไม่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ก็สวยงาม ค่าใช้จ่ายใกล้เคียงกับค่าใช้จ่ายในไทย โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ถูกมาก รสชาติดีด้วยอยากให้ลองมากันดูนะครับ อีกไม่นานน่าจะสามารถนั่งรถไฟจากสถานีกลางบางซื่อข้ามแม่น้ำโขงมาลงที่ใกล้ๆเมืองเวียงจันทน์ได้เลย (สถานี Vientiane-Tai Railway Station) โดยปัจุบันสามารถนั่งรถไฟจากสถานีหนองคายมาลงสถานีท่านาแล้งที่อยู่ใกล้ๆด่านพรมแดนฝั่งลาวและนั่งรถต่อเข้าเมืองภาพถ่ายทั้งหมด ถ่ายโดยผู้เขียนวันลาเหลือใช่ไหม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !