หลังจากที่ผลการจับสลากการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกออกมาก็พบว่าทีมชาติไทยต้องอยู่กลุ่มเดียวกับ เวียดนาม ซึ่งถือว่าเป็นประเทศคู่รักคู่แค้นกันเลยในเรื่องของฟุตบอล ผมจึงตัดสินใจไม่ยากที่จะตามมาเชียร์ทีมชาติไทยในต่างแดนอีกครั้งและคราวนี้ผมก็เลือกมาที่ประเทศเวียดนาม การเดินทางท่องเที่ยวบวกชมฟุตบอลครั้งนี้จะเป็นยังไงสนุกแค่ไหน เชิญอ่านกันได้เลยครับ 18 พฤศจิกายน 2562 การเดินทางของผมเริ่มต้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยครั้งนี้ผมเลือกเดินทางกับสายการบินประจำชาติเวียดนามอย่าง Vietnam Airlines Fight VN 614 ออกเดินทางในเวลา 15.55 น. ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงสนามบินนอยไบ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเสร็จเรียบร้อยก็มาหารถโดยสารเข้าเมืองโดยวิธีที่ประหยัดที่สุดในการเข้าเมืองฮานอยคือการนั่งรถบัสสาย 86 ที่จะเข้าไปถึงย่านเมืองเก่าฮานอยในราคา 40-50 บาท รอบนี้เนื่องจากผมมาคนเดียวผมจึงเลือกพัก Hostel เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายจึงเลือกที่ The signature inn ซึ่งอยู่บริเวณ old quater เมื่อเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้วท้องเริ่มร้องต้องออกไปหาไรทานสักหน่อย ผมจึงเลือกร้านอาหารท้องถิ่นที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเมืองฮานอย อาหารจานนี้ก็คือบุ่นจ๋านั่นเอง ซึ่งเป็นหมูย่างในน้ำซุปทานคู่กับขนมจีนและผัก ซึ่งร้านนี้มีชื่อเสียงระดับโลกเพราะเป็นร้านที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บารัค โอบามา เคยมานั่งกินถึงในร้าน โดยราคาก็ชุดละประมาณ 80,000 ดอง เมื่อทานเสร็จจึงได้เวลาพักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวและชมฟุตบอลซึ่งจะแข่งขันกันในวันพรุ่งนี้ วันที่สองซึ่งเป็นวันที่ฟุตบอลแข่งเราเริ่มเดินทางท่องเที่ยวกันในตอนเช้าโดยการเดินรอบทะเลสาบฮว่านเกียม ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนฮานอยในยามเช้า เดินออกกำลังกาย รำไท่เก๊ก เมื่อเดินชมรอบทะเลสาบเสร็จแล้วจึงเดินทางต่อไปที่วงเวียนใจกลาง Old qurter เพื่อถ่ายรูปเป็นที่ระลึก เมื่อเสร็จแล้วจึงเดินทางไปขึ้นรถบัสที่กลุ่มแฟนบอลไทยในฮานอยนัดรวมตัวกันเพื่อที่จะขึ้นรถบัสไปที่สนามกีฬาแห่งชาติหมีดิ่น ซึ่งจะเป็นสังเวียนฟาดแข้งของเกมที่พบกันระหว่างทีมชาติไทยและทีมชาติเวียดนามในคืนนี้ เนื่องจากทีมชาติไทยเป็นทีมเยือนจึงได้นั่งชมในฝั่งหลังประตู ซึ่งระหว่างเกมก็ค่อนข่างดุเดือดแลกกันทั้งสองฝั่ง ก่อนที่จบลงด้วยผลเสมอ 0-0 ซึ่งถือว่าไม่เป็นผลดีของทีมชาติไทย ในเมื่อเกมจบลงแล้วแต่การเดินทางของเรายังไม่จบ เราจึงต้องเดินทางท่องเที่ยวกันต่อในวันต่อไป วันที่สามของการเดินทาง วันนี้จะมาในสาย colonial day โดยจะเดินทางท่องเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในเมืองฮานอย ซึ่งได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส โดยจะเริ่มต้นที่สุสานโฮจิมินห์ เป็นสุสานที่บรรจุศพของอดีตท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ โดยในทุกๆ 1 เดือนใน 1 ปี จะมีการนำศพของประธานาธิบดีไปล้างน้ำยาที่รัสเซียและนำกลับมาที่เวียดนามอีกที โดยถือว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญแห่งหนึ่งในกรุงฮานอย หลังจากนั้นจึงเปิด google map และเดินไปที่วิหารวรรณกรรม ซึ่งในอดีตเป็นที่สอบจอหงวนของกรุงฮานอย โดยวิหารวรรณกรรมมีค่าเข้าชมที่ 30,000 ดอง หลังจากนั้นจึงเดินทางไปเก็บแลนด์มาร์คในที่อื่นๆต่อ และไหนเราเป็นทริปท่องเที่ยว+ชมฟุตบอลแล้ว จึงแวะไปที่สนามฮังแด ซึ่งเป็นสนามเหย้าของสโมสรฮานอย เอฟซี ซึ่งเป็นแชมป์วีลีกของเวียดนาม ในปีล่าสุด หลังจากนั้นจึงเปิด google map ละเดินไปที่วิหารกวาญแท่น ซึ่งเป็นวิหารที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในฮานอย มีค่าเข้าชม 10,000 ดอง เมื่อถ่ายรูปเสร็จแล้วจึงเดินทางไปที่ เจดีย์เตริ่นก๊วก ด้วยการเดินจากวิหารกวาญแท่นซี่งใช้เวลาประมาณ 5 นาที เป็นวัดเจดีย์ริมแม่น้ำที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของกรุงฮานอย เมื่อเสร็จแล้วจึงเดินทางกลับเข้าไปเมืองในเมืองไปกินร้านอาหารชื่อดังในกรุงฮานอย ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติชื่อร้านว่า Pho 10 โดยราคาตกชามละ 50,000 ดอง เมื่ออิ่มหนังท้องตึงแล้วจึงได้เวลาเข้านอนโดยที่พรุ่งนี้จะเป็นอีกหนี่งไฮไลท์ของทริปนี้คือการซื้อทัวร์ไปท่องเที่ยวฮาลองบก ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดนินบินห์ โดยนั่งรถจากเมืองฮานอยไปประมาณสองชั่วโมง เช้าวันที่สาม ซึ่งวันนี้ผมได้ซื้อทัวร์ไปฮาลองบกกับบริษัท The sinh tourist ซึ่งบริษัทนี้ดีไม่หลอกแน่นอน ผมแนะนำครับไม่ได้ค่าโฆษณาทั้งสิ้น เวลา 8.30 น. ก็นัดแนะไกด์ให้มารับที่หน้าโรงแรมเลยโดยนั่งรถบัสของบริษัทออกไปที่เมืองนินบินห์ โดยที่แรกที่ไกด์พาแวะคือ เมืองเก่าฮวาลือ เป็นโบราณสถานชื่อดังในเวียดนาม ที่แทบทุกทัวร์ฮาลองบกต้องพาแวะก่อนที่จะไปฮาลองบก เมื่อเสร็จแล้วทางทัวร์จึงพาไปล่องเรือที่ตามก๊อก หรืออีกชื่อนึงคือ ฮาลองบก เป็นเขาหินปูนที่ตรงกลางเป็นลำธารให้นักท่องเที่ยวได้ล่องบรรยากาศคล้ายๆเมืองวังเวียง โดยเรือของนักท่องเที่ยวจะมีคนพายนั่งอยู่ข้างหลัง ซึ่งเมื่อนั่งเสร็จแล้วกลับมาบนฝั่งทางไกด์ก็แนะนำให้ทิปกับคนพายเรือให้เราเป็นสินน้ำใจเล็กๆน้อย เมื่อพายเรือเสร็จแล้วไกด์จึงพาไปในที่สุดท้ายของทัวร์คือ Mua Cave คือจุดชมวิวที่เป็นเขาซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดไปหลายร้อยขั้นแต่ต้องยอมรับว่าเมื่อขึ้นไปแล้วพอเห็นวิวแล้วรู้สึกคุ้มค่ากับความเหนื่อยที่เดินขึ้นมา เมื่อเสพกับความสวยงามจนเป็นที่พอใจจึงได้เวลาลงแล้วขึ้นรถกลับเมืองฮานอยเป็นอันสิ้นสุดทัวร์ในครั้งนี้ หลังจากนั้นจึงกลับโรงแรมมาพักผ่อนเนื่องจากเหนื่อยจากการเดินทางวันนี้มาทั้งวัน วันที่ 4 วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วคงไม่มีอะไรมากนอกจากตื่นขึ้นมาแล้วเช็คเอ้าท์โรงแรมแล้วกลับไปรอรถเมล์สาย 86 ตรงข้ามทะเลสาบฮว่านเกียมเพื่อรอรถบัสกลับสนามบิน ซึ่งสนามบินนอยไบถ้านอกประเทศจะมีแค่เทอร์มินัลเดียวซึ่งง่ายเลยทีเดียวจากนั้นจึงนั่งเครื่องบินกลับประเทศไทยมาลงที่สนามบินสุวรรณภูมิโดยด้วยสายการบิน Vietnam Airlines โดยใช้เวลาเพียงแค่สองชั่วโมงก็มาถึงโดยสวัสดิภาพ สรุปค่าใช้จ่าย ค่าเครื่องบิน Vietnam Airlines ไป-กลับ 4,211 บาท ค่าโฮสเทล 4 คืน 384 บาท ค่าเดินทาง+อาหาร 2,600 บาท ค่าบัตรชมฟุตบอล 350 บาท รวมทั้งหมด 7,545 บาท สำหรับฮานอยทริปนี้ในเวลาสี่วันถือว่าเป็นทริปเดินทางท่องเที่ยวบวกดูบอลที่คุ้มค่ามากๆในการเดินทางแค่สองชั่วโมงจากกรุงเทพ เราก็สามารถมาพบมาเห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างได้โดยค่าครองชีพถูกกว่าบ้านเราด้วยซ้ำไป หลายคนบอกเวียดนามอันตรายคนโกงนักท่องเที่ยวเยอะ แต่ถ้าหากเราระมัดระวังมีสติตลอดเวลาปัญหาแบบนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ก็ถ้าทีมชาติไทยมาเยือนเวียดนามอีก ก็อยากเชิญชวนแฟนบอลชาวไทยตามมาเชียร์กันเยอะๆนะครับ