ผมเคยเดินทางไป อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร มาหลายครั้งแล้ว แต่การไปครั้งนี้ เจ้าถิ่นได้อาสาพาไปเที่ยวสถานที่ที่พวกเรายังไม่เคยไป เพื่อสร้างความตื่นตาตื่นใจในพรานกระต่ายและจุดหมายของพวกเราอยู่ใกล้กว่าที่คิด คือห่างจากตัวอำเภอพรานกระต่ายเพียง 7 กิโลเมตรเท่านั้นสถานที่แห่งนี้คือ สำนักสงฆ์ หรือวัดถ้ำใหญ่จอมโลกอุดร ตั้งอยู่ที่ 124 ม.9 บ้านเขาสว่าง ต.พรานกระต่าย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชรhttps://goo.gl/maps/g51pQjTQwyWV856Y6บรรยากาศในวัดนี้มีความร่มรื่นจากต้นไม้ บวกกับความเย็นของภูเขาหินปูนสูงชัน ทำให้พวกเรารู้สึกเย็นใจสบายๆ เหมือนอยู่ในห้องแอร์ธรรมชาติมองไปที่หน้าผาของภูเขา เห็นผนังปูน ประตูไม้ ก็นึกว่าเป็นกุฏิพระ แต่เมื่อเปิดเข้าไปจึงทราบว่านี่คือถ้ำพระ ที่เป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง การก่อผนังและบานประตูก็คงทำไปเพื่อรักษาทรัพย์สินของทางวัดภายในถ้ำนั่นเองน่าเสียดายที่พวกเราเดินทางไปถึงในช่วงเวลาที่กระแสไฟฟ้าดับ จึงไม่ได้เห็นแสงสีภายในถ้ำ และต้องเดินชมความงามของถ้ำ และหินงอกหินย้อยหลากหลายแบบ ด้วยไฟฉาย ซึ่งก็ให้บรรยากาศเข้มขลังไปอีกแบบป้ายแรกเขียนว่า “ขอเชิญนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุและพระพุทธรูปหินแกรนิต” เมื่อเปิดเข้าไปก็เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม พื้นปูหินอ่อน ทำให้เดินได้ง่าย และเข้าไปนมัสการพระพุทธรูปหินปางนาคปรกองค์ใหญ่ภายในถ้ำนั้น เท่าที่ลองกะประมาณคร่าวๆ ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีสถานการณ์โควิดระบาด ถ้ำนี้ก็น่าจะสามารถรองรับผู้ปฏิบัติธรรมได้ประมาณ 20-30 คนเลยทีเดียวป้ายที่สองเขียนว่า “พระพุทธมงคลเทพนิมิตโลกอุดร” ซึ่งในถ้ำนี้ประดิษฐานรูปแกะสลักหินของหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งเป็นพระภิกษุบรมครูผู้ทรงอภิญญาในตำนาน ซึ่งไม่มีใครทราบที่มาที่แท้จริงของท่าน แม้แต่นามเรียกขานก็เป็นนามที่ผู้พบเห็นได้ตั้งขึ้นเอง มีเรื่องเล่าว่า พระภิกษุหลายรูปที่เดินทางไปธุดงค์ในป่าในถ้ำ ได้พบเจอกับหลวงปู่เทพโลกอุดร ที่ท่านปรากฏกายมาสอนกรรมฐาน จนพระภิกษุเหล่านั้นได้บรรลุธรรมขั้นสูง จึงนับถือหลวงปู่ฯ เป็นอาจารย์ใหญ่อีกองค์หนึ่งเมื่อออกมาข้างนอกถ้ำ ได้พบพระพุทธรูปองค์ใหญ่อีกองค์หนึ่ง ตั้งอยู่หน้าเขา เป็นพระพุทธรูปศิลปะลพบุรี-ทวาราวดีผมแหงนมองขึ้นไปบนเขา เป็นหน้าผาสูงชันมีเถาวัลย์และต้นไม้ที่เกาะเกี่ยวกับหน้าผา ปีนป่ายมุ่งหน้าขึ้นสู่ยอดเขาอย่างไม่ละความพยายาม จนทำให้ผมนึกถึงพุทธภาษิตบทหนึ่งวิริเยน ทุกฺขมจฺเจติ คนล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียรต้นไม้เหล่านี้เกิดอยู่บนหิน ไม่มีน้ำหรือธาตุอาหารสำหรับการเจริญเติบโต แต่มันก็ยังพยายามเกาะเกี่ยวรากของมันติดกับหินหน้าผา แล้วยืดลำต้นของมันชูขึ้นสู่เบื้องบน เพื่อรับแสงสว่างที่จำเป็นต่อการเติบโต หากมันละความพยายามเมื่อไรแล้ว ก็คงปล่อยยอดให้ห้อยตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง และไม่มีวันได้ขึ้นไปรับแสงอาทิตย์เบื้องบนเลยมองไปทางขวามือ เห็นปากถ้ำขนาดใหญ่อยู่บนหน้าผา ผมเดาว่าน่าจะเป็นถ้ำของค้างคาว เพราะเคยได้ยินมาว่าที่นี่มีถ้ำค้างคาวด้วย ผมลองถ่ายภาพด้วยมุมต่างๆ แต่ก็ไม่มีรูปไหนที่จะสวยงามและอลังการเท่ากับของจริงเลยสรุปจบทริปถ้ำพระใหญ่นี้ด้วยความอึ้งและทึ่งในผลงานของธรรมชาติ และการประดิษฐ์ของมนุษย์ หากเพื่อนๆ ได้มีเวลาผ่านมาทางอ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ลองแวะชมความงามของสถานที่นี้ได้นะครับรูปประกอบทั้งหมด และรูปหน้าปก โดยผู้เขียนอัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !