ภาพประกอบโดยผู้เขียน เราออกเดินทางจากกทม. ที่สถานีรถไฟบางซื่อ ช่วงประมาณ 15.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ขบวนรถไฟล่องใต้หลายขบวนจะมาถึงที่สถานีบางซื่อ ถึงจะมีหลายขบวนให้เลือกโดยสาร แต่เราแนะนำให้จองล่วงหน้านะคะ ถ้าต้องการใช้บริการรถไฟนอนมีทั้งรถไฟขบวน 31 เป็นขบวนใหม่ ทักษิณารัถย์ ขบวนนี้มีปลายทางที่สถานีชุมทางหาดใหญ่โดยจะถึงที่ปลายทางเวลาประมาณ 06.30 น. ถ้าใช้บริการขบวนนี้ต้องต่อรถไฟจากสถานีชุมทางหาดใหญ่ ไปที่สถานีปาดังเบซาร์อีกที โดยรถไฟหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์มีแค่ 2 เที่ยว / วัน คือ 07.30 น. และ 13.30 น. แต่ถ้าไม่อยากต่อรถไฟหลายที ก็มีให้เลือกแบบนั่งยาว ๆ ถึงสถานีปาดังเบซาร์เลยค่ะ เป็นรถไฟขบวน 45 กทม. - ปาดังเบซาร์ ซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นขบวนเดินรถสายกรุงเทพฯ – บัตเตอร์เวอร์ธที่ ณ ปัจจุบันไม่มีให้บริการแล้วค่ะสำหรับสายบัตเตอร์เวอร์ธ สำหรับการเดินทางจากรุงเทพฯ - ปาดังเบซาร์ด้วยรถไฟด่วนพิเศษ ขบวนที่ 45 รถจะออกจากสถานีกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) เวลา 15.00 น. เดินทางถึงปาดังเบซาร์เวลา 08.47 น. ราคาตั๋วโดยสารรถไฟตู้นอน เตียงบนราคา 870 บาท และเตียงล่างราคา 960 บาทค่ะ ภาพประกอบโดยผู้เขียน เมื่อเดินทางถึงสถานีปาดังเบซาร์ เราต้องนำพาสปอร์ตไปประทับตราทั้งขาออกจากประเทศไทยกับพี่ตม. ไทย และขาเข้าประเทศมาเลเซียกับพี่ตม. มาเลย์ เมื่อผ่านขั้นตอนนี้เรียบร้อยแล้วถึงจะขึ้นไปที่ชั้น 2 เพื่อไปซื้อตั๋วรถไฟ KTM เดินทางไปบัตเตอร์เวอร์ธได้ สถานีรถไฟปาดังเบซาร์จะมี 2 ชั้น ชั้นที่ 1 เป็นชั้นชานชลาและตรวจคนเข้าเมือง ชั้นที่ 2 เป็นชั้นขายตั๋วรถไฟสำหรับไปเมืองต่าง ๆ ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งรถไฟที่ไปยังเมืองต่าง ๆ นี้ไม่ใช่จะมีทุกวันทุกชั่วโมงนะคะ ต้องเช็คเวลา เช็คตารางรถไฟกันมาให้ดีด้วย แต่ในส่วนของรถไฟที่เราจะนั่งไปบัตเตอร์เวอร์ธนั้นหายห่วงค่ะ เพราะมีทุกวัน ส่วนเรื่องเวลานั้น รถจะออกทุก ๆ 1 ชั่วโมงโดยประมาณค่ะ ถ้ามาถึงสถานีปาดังเบซาร์แล้วรบกวนปรับเวลากันสักหน่อยนะคะ เพราะเวลาที่โชว์บนจอตารางการเดินรถไฟ KTM จะเป็นเวลาของฝั่งมาเลเซียซึ่งเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงค่ะ บนสถานีรถไฟและบนรถไฟ KTM มีปลั๊กไว้สำหรับให้ชาร์จแบตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้นะคะ แต่ต้องมี Universal Adapter ไปด้วยนะ เพราะเต้าเสียบปลั๊กไฟบ้านเขาไม่เหมือนบ้านเราค่ะ บัตรโดยสารรถไฟ KTM จากปาดังเบซาร์ - บัตเตอร์เวอร์ธ หน้าตาแบบในภาพค่ะ ราคาสำหรับการเดินทาง 1 เที่ยว 11.40 ริงกิต หรือประมาณ 85.5 บาทค่ะ (1 ริงกิต ประมาณ 7.5 บาทไทย) ภาพประกอบโดยผู้เขียน นั่งรถไฟออกจากสถานีปาดังเบซาร์จะผ่านหลายสถานีมาก อ้อ ! ลืมบอกไปว่า KTM เป็นรถไฟความเร็วสูงของมาเลเซียให้อารมณ์เหมือนนั่ง Airport link ที่ไทยเลยค่ะ แต่นั่งนานกว่า เกือบ 2 ชั่วโมงได้ รถไฟก็จะมาสุดสายที่สถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ทีนี้ก็จะหมดช่วงของการนั่งรถไฟแล้ว ภาพประกอบโดยผู้เขียน ขั้นตอนต่อไปเราต้องไปต่อ Ferry กันค่ะ โดยต้องเดินขึ้นไปที่ชั้น 2 ของสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ และต้องยื่นตั๋วที่เราซื้อมาตั้งแต่สถานีปาดังเบซาร์ให้กับเจ้าหน้าที่ด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นเก็บตั๋วไว้ให้ดี อย่าทิ้งและอย่าทำหายนะคะ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วเรียบร้อยไม่ต้องคิดอะไรมาก เดินตามคนส่วนใหญ่ไปเลยค่ะ เดินตามเขาไปจนสุดทาง หรือเงยมองป้ายจะเห็นป้ายด้านบนเขียนว่า Bus Terminal ก็เดินไปทางนั้นเลยค่ะ พอสุดทางจะมีให้เลือกว่าจะลงลิฟต์หรือบันไดอันนี้ก็เลือกเอาตามสะดวก พอลงมาถึงชั้นล่างปุ๊ป จะเห็นว่ามีพี่แท็กซี่มายืนรอให้บริการมากมาย ถ้าไม่สนใจใช้บริการก็ให้เดินไปตามทางเล็ก ๆ ที่มีป้ายเขียนว่า Ferry ได้เลยค่ะ ถ้าลงบันไดมาจะเห็นทางเล็ก ๆ ที่ว่าอยู่ถัดจากลิฟต์ไปนิดเดียว เดินไปตามทางนั้นได้เลย แต่ถ้าลงลิฟต์ พอออกจากลิฟต์เลี้ยวซ้าย เดินมาหน่อย แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีค่ะ เดินตาม ๆ เขาไปจะไปสุดที่ Bus Terminal มีรถเยอะแยะมากมายให้เราเลือกขึ้น แต่เป้าหมายของเราคือรถบัสคันที่จอดอยู่ใกล้เราที่สุดที่เขียนว่า Ferry Free Shuttle Bus ประมาณนี้ค่ะ ถ้าเห็นรถคันนี้ก็ขึ้นได้ค่ะ ไม่ต้องจ่ายเงิน รถจะพาเราวน ๆ ไปส่งที่ท่าเรือเพื่อข้ามฝั่งไปยังปีนังค่ะ ภาพประกอบโดยผู้เขียน จากตรงที่ Shuttle Bus จอดเราต้องเดินต่อไปอีกสักหน่อย เพื่อไปซื้อตั๋ว Ferry ตั๋วราคา 1.2 RM หรือประมาณ 9 บาทค่ะ (1 ริงกิต ประมาณ 7.5 บาทไทย) เตรียมเงินมาให้พอดีนะจ๊ะ เพราะเขาไม่ทอนจ้า พอได้ตั๋วมาแล้วที่ตั๋วจะมี QR Code ให้ใช้ QR Code แตะลงบนเครื่องสแกน พอสแกนผ่านเราก็จะผลักประตูเข้าไปข้างในได้ ถ้าเรือมาพอดีเราก็ขึ้นเรือรอบนั้นได้เลยไม่ต้องรอ แต่ถ้ายังไม่มาก็รอสักนิดนะ เรือจะมีทุก 30 นาที ในส่วนขั้นตอนการซื้อตั๋วและผ่านประตูเราทำแค่รอบเดียว เพราะขากลับเราจะไม่ต้องซื้อตั๋วและสแกน QR ใด ๆ เดินขึ้นเรือได้ชิล ๆ เลย แนะนำว่าพอขึ้นเรือแล้วให้ไปยืนอยู่ที่ด้านหน้าเรือจะเห็นวิวดีมาก ๆ เห็นปีนังมุมกว้าง เรือที่เราจะใช้โดยสารข้ามฟากนี้ จะไม่มีเก้าอี้ให้นั่งมากนัก มีเป็นม้านั่งไม้ยาว ๆ ไม่กี่ตัวอยู่ด้านข้างเรือ เพราะพื้นที่ตรงกลางเรือจะเป็นพื้นที่กว้าง ๆ ไว้ให้รถที่จะข้ามฟากไปพร้อมกันจอด ส่วนคนที่จะข้ามฟากไปด้วยก็ต้องหาที่ยืนเอา จะหน้าเรือ ข้างเรือ หรือท้ายเรือก็เลือกได้ตามสะดวก พอเรือจอดเทียบท่าเราก็เดินตาม ๆ เขาไปเช่นเคย เดินออกมาจากท่าเรือจะเจอ Bus Terminal อีกเช่นเคย ซึ่งสามารถใช้บริการรถฟรีที่มีชื่อว่า CAT ในการเดินทางไปยังจุดสำคัญ ๆ ต่าง ๆ ในจอร์จทาวน์ได้ ถ้าใครต้องการไปที่ KOMTAR ก็ใช้บริการ CAT ได้เลย หรือถ้าใครอยากเดินเที่ยวก็แนะนำให้เดินไปทางซ้ายจาก Bus Terminal เดินไปเรื่อย ๆ จะเจอหมู่บ้านชาวประมง Chew Jetty ถ้าข้ามมาฝั่งตรงข้ามก็จะสามารถเดินชม Street Art ใกล้ ๆ แถวนั้นได้อีกหลายจุด ภาพประกอบโดยผู้เขียน สำหรับขากลับนั้นถ้าจะใช้วิธีนั่งรถไฟเหมือนเดิมจะต้องคำนวณเวลาให้ดี ต้องกลับไปให้ทันขึ้นรถไฟจากสถานีปาดังเบซาร์กลับหาดใหญ่ให้ทัน เราไม่แน่ใจเวลา แต่เท่าที่จำได้น่าจะมี 2 เที่ยว คือ 08.30 น. กับ 14.30 น. แต่ถ้าไม่ทันรถไฟสามารถใช้บริการรถตู้ได้ รถตู้เที่ยวสุดท้ายของวันคือ 17.30 น. ราคาสำหรับการเดินทางด้วยรถไฟและรถตู้จากปาดังเบซาร์เข้าอำเภอหาดใหญ่ราคาเท่ากันคือ 50 บาท ภาพประกอบโดยผู้เขียน หลาย ๆ คนอาจจะมองว่า ทำไมต้องนั่งรถไฟไป เสียเวลา ราคาก็ไม่ได้ถูกกว่านั่งเครื่องสักเท่าไหร่ สำหรับเรานั้นมองว่าการเดินทางแต่ละแบบ แต่ละประเภทมันมีเสน่ห์ในตัวเองมาก ๆ นะ เสน่ห์และอารมณ์ความรู้สึกระหว่างเดินทางที่แตกต่างกันและไม่สามารถทดแทนกันได้ เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบเดินทางด้วยรถไฟมาก ๆ เพราะเราชอบมองวิวข้างทางซึ่งวิวริมทางรถไฟก็ต่างจากวิวเวลานั่งรถยนต์ ถ้านั่งรถไฟเราจะได้เห็นทุ่งนา ต้นไม้ บ้านริมทางรถไฟ และวิถีชีวิตอะไรหลาย ๆ อย่าง และที่คลาสสิกสุด ๆ คือการมีคนมาเดินขายของบนรถไฟ มอง ๆ ไปแล้วก็เพลินดีนะ เพื่อน ๆ ลองนั่งรถไฟไปปีนังดูสิคะ บางอย่างมันต้องลองด้วยตัวเองถึงจะรู้ โลกกว้าง หนทางไกล มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ... #เมื่อรถไฟพาฉันไปไกลถึงปีนัง