ใครที่ชอบเมืองประวัติศาสตร์ไม่ควรพลาดเมืองเทรียร์ เมืองนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโมเซลล์ ทางภาคตะวันตกของประเทศเยอรมนี เทรียร์เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศเยอรมนี มีอายุมากกว่าสองพันปี และเคยเป็นเมืองขึ้นของจักรวรรดิโรมัน ไม่มีเมืองไหนที่ตั้งอยู่ทางเหนือของเทือกเขาแอลป์ที่มีสิ่งปลูกสร้างสมัยโรมัน ที่สมบูรณ์ที่สุดและมีจำนวนมากเท่ากับเมืองเทรียร์แล้ว อนุสรณ์จากสมัยจักรวรรดิ์โรมัน Roman Monuments ในเมืองเทรียร์ รวม 9 แห่ง ประกอบด้วย Porta Nigra, Roman Amphitheatre, Moselle Bridge, Imperial Bathhouse, Barbara Baths, Igel Column, Trier Basilica of Constantine, Trier Cathedral และ Church of Our Lady ได้รับการจดทะเบียนให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ Porta Nigra หรือ ประตูสีดำ เป็นประตูเมืองแบบโรมัน สร้างมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันยังเรืองอำนาจ ทำจากหินทรายขนาดใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปหินทรายนี้ก็กลายเป็นสีดำ จึงเป็นที่มาของชื่อประตู ประตูนี้มีขนาดความสูง 36 เมตร ยาว 30 เมตร ซุ้มประตูโค้งสองประตู ขนาบด้วยหอคอยสูงสี่ชั้นหนึ่งด้าน และอีกด้านสูงสามชั้น Porta Nigra ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าเมือง ถือว่าเป็นประตูเมืองแบบโรมันที่ใหญ่ที่สุดประตูหนึ่ง ในสมัยโรมันเมืองเทรียร์นี้จะมีประตูเมืองสี่ทิศ โดยที่ Porta Nigra จะตั้งอยู่ทางเหนือของเมือง Porta Alba (ประตูสีขาว) อยู่ที่ทิศตะวันออก, the Porta Media (ประตูกลาง) อยู่ที่ทิศใต้ และ Porta Inclyta (ประตูที่มีชื่อเสียง) อยู่ทิศตะวันตกของเมิองโรมัน-เทรียร์ ในปัจจุบันประตูอื่น ๆ ไม่มีให้เห็นแล้ว เหลือเพียงแค่ประตู Porta Nigra นี้เท่านั้น เข้าประตูเมืองมาเราจะพบกับเมืองเก่าที่ยังคงบรรยากาศยุคกลางไว้ให้เห็น ในศตวรรตที่ 12 จนถึงต้นศตวรรตที่ 19 อาคารสองชั้นที่ Porta Nigra นี้เคยใช้เป็นโบสถ์ St Simeon ปัจจุบันส่วนนั้นได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ City Museum of the Simeonstift เทรียร์ เป็นเมืองที่ผ่านมาหลายสงคราม รวมทั้งสงครามนโปเลียน ซึ่งจบลงในปี 1815 และหลังจากนั้นเมืองนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรปรัสเซีย เมืองเทรียร์ ยังเป็นบ้านเกิดของ คาร์ล มาคส์ (Karl Marx) นักปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ นักทฤษฎีการเมือง นักปรัชญา ผู้ก่อตั้งลัทธิ Marxism ออกจากประตูดำหรือ Porta Nigra มาเราจะพบกับ Hauptmarkt หรือตลาดกลางเมือง ตั้งอยู่ที่จตุรัสกลางเมือง เป็นที่ตั้งของตลาดที่สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 10 อาคารรอบ ๆ จตุรัสนี้จะเป็นอาคารหลายแห่งที่ตลาดนี้ก่อสร้างมาตั้งแต่ยุคกลาง และที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของร้านขายยาที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเยอรมนี คือตั้งแต่ศตวรรษที่13 เดินผ่านจตุรัสไปจะเจอกับ โบสถ์ประจำเมืองเทรียร์ และ โบสถ์ The Church of Our Lady Trier Cathedral เป็นโบสถ์นิกายโรมันคาธอลิค เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุด ในประเทศเยอรมนี สร้างมานานกว่า 1,700 ปี และ สิ่งปลูกสร้างทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเทรียร์ ศิลปะของโบสถ์นี้เป็นแบบผสม ทั้งโรมัน โกธิค และบารอค ในโบสถ์ยังได้จัดแสดงศิลปะ และสมบัติล้ำค่าทางศาสนา ในศตวรรษที่ 4 โบสถ์นี้เคยใช้เป็นห้องโถงเพื่อรับรองผู้ที่มาเข้าเฝ้าจักรพรรดิ์คอนแสตนติน ห้องรับรองนี้สูงถึง 33 เมตรและยาว 67 เมตร และเพดานโบสถ์ด้านหนึ่งยังมีลดลายบนแบบบารอคที่สวยงาม การตกแต่งภายในได้รับการปรับปรุงในภายหลัง ในยุคกลางโดยผู้นำทางศาสนาของเทรียร์ ในศตวรรษที่ 17 ความสำคัญของเมืองเทรียร์ ทางศาสนา มีมาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 16-18 ที่นี่เป็นที่ประทับของ Archbishops and Electors of Trier ปัจจุบันนี้ The Electoral Palace ได้กลายมาเป็นที่ทำการของรัฐบาล สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตคลาสสิค ที่ตั้งของวังนี้เป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังในสมัยโรมัน ตั้งแต่จรรพรรดิ์คอนสแตนตินในศตวรรษ ที่ 4 Imperial Baths เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลก Roman Monuments เริ่มดำเนินการในสมัยจักรพรรดิ์ Constantius I Chlorus (ครองราชย์ในปี 293-306) ที่ต้องการสร้างให้เป็นของขวัญกับชาวเมือง เพื่อใช้เป็นที่อาบน้ำและสถานที่พักผ่อน โรงอาบน้ำแบบโรมันนี้จะแบ่งเป็นสองส่วนคือ ส่วนที่เป็นห้องอาบน้ำและส่วนที่เป็นที่ออกกำลังกาย ขนาด 160 x 130 เมตร และได้หยุดสร้างไปในปี 316 ประมาณหนึ่งร้อยปีต่อมาที่นี่ได้รับการก่อสร้างต่อและใช้เป็นที่ค่ายทหารองครักษ์ และยังเคยใช้เป็นป้อมปราการเพื่อป้องกันเมืองได้สร้างต่อเพื่อใช้เป็นค่ายขององครักษ์ และในศตวรรษต่อมาได้รับการต่อเติมให้เป็นส่วนหนึ่งของวัง ป้อมปราการ และกำแพงเมือง ปัจจุบันนักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมได้ เราใช้เวลาเดินเล่นในเมืองเทรียร์ประมาณสามถึงสี่ชั่วโมง ก็เดินได้ทั่วเมืองแล้ว หากใครมาเมืองนี้มีเวลาข้ามไปเที่ยวลักเซมเบิร์กได้ไม่ยาก มีตั๋วรถไฟแบบเดย์พาสด้วย เพราะเมืองเทรียร์อยู่ไม่ไกลจากชายแดนของประเทศลักเซมเบิร์ก @ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียน