ช่วงนี้เฉิงตูเริ่มหนาวแล้วนะครับ วันนี้ แต้มเอง จะมาแชร์สถานที่ท่องเที่ยว เผื่อใครมาเฉิงตูจะลองมาเที่ยวดูกับภูเขาหิมะ Bi Peng Gou มาดูธรรมชาติที่สวยงามและอุทยานภูเขาหิมะที่แสนเย็นสบายกันครับ https://www.tiktok.com/@tamkungstory/video/7434569035494280466?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7357744047438071342 ภูเขาหิมะ Bi Peng Gou หรือภาษาจีนจะเรียกกันว่า "毕棚沟" ตั้งอยู่ในอุทยานธารน้ำแข็งในมณฑลเสฉวน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักเดินทางทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติใฝ่ฝันจะไปเยือน จุดเด่นของที่นี่คือธรรมชาติที่สวยงามและบรรยากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี นอกจากนี้ยังสามารถชมทิวทัศน์ภูเขาหิมะ น้ำตก และทะเลสาบใสสะท้อนแสงแดดได้อย่างใกล้ชิดครับ นั่นเองครับ https://maps.app.goo.gl/wk9k7zecHByoWRLg6 ประวัติ Bi Peng Gou Bi Peng Gou มีความหมายว่า "หุบเขาหิมะ" ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะภูมิประเทศที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนตลอดช่วงฤดูหนาว ว่ากันว่าในอดีตพื้นที่นี้เป็นเส้นทางการเดินทางของชนเผ่าเก่าแก่ในเสฉวน ต่อมาได้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาชมธรรมชาติที่สวยงามของเทือกเขาหิมะ และสัมผัสอากาศหนาวแบบเย็นถึงใจครับผม วิธีการเดินทางไป Bi Peng Gou การเดินทางไป Bi Peng Gou นั้นเริ่มต้นจากเมืองเฉิงตูซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 กิโลเมตรครับ มีรถบัสออกจากสถานีขนส่งเฉิงตู ที่สถานี Chadianzi Bus Station (茶店子车站) ไปยังเมืองลี่ซาน (Li County) ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุด จากนั้นนักท่องเที่ยวสามารถต่อรถแท็กซี่หรือรถท้องถิ่นไปยังอุทยาน Bi Peng Gou โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง https://maps.app.goo.gl/cfLV5xaHVkTG979M6 หรืออยากจะตัดปัญหาเหมือนกับที่พวกเรามาครั้งนี้ คือการซื้อทัวร์กับคนจีนกันมาเลย แต่อันนี้จะมีความยุ่งยากในการติดต่อเล็กน้อย เพราะต้องมีการตรวจสอบเอกสารก่อนการเดินทางครับ เอาเป็นว่าหากใครสนใจจริงๆ ลองทักมาคุยกันดีกว่านะครับ ค่าเข้าอุทยานและสิ่งที่ควรรู้ ค่าเข้าอุทยาน Bi Peng Gou อยู่ที่ประมาณ 70 หยวนต่อคน (ราว 400 บาท) ซึ่งจะครอบคลุมการเข้าสู่พื้นที่อุทยานเพื่อชมจุดชมวิวหลักต่างๆ และยังมีค่าบริการรถบัสในอุทยานสำหรับการเดินทางระหว่างจุดต่างๆ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 60 หยวน (ราว 300 บาท) ครับ แนะนำให้เตรียมเงินสดไปให้เพียงพอ เนื่องจากบางจุดไม่รับชำระผ่านบัตรครับผม เที่ยวอุทยาน Bi Peng Gou เมื่อมาถึงอุทยาน Bi Peng Gou แล้ว อย่างแรกที่เราต้องทำก็คือซื้อตั๋วหน้าทางเข้าครับ จากนั้นเราจะได้ไปนั่งรถของอุทยานช่วงแรกที่พาเราขึ้นไปถึงกลางหุบเขา ระหว่างทางเราก็จะได้ชมวิวธรรมชาติที่สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยต้นสนและภูเขาหิมะสุดยิ่งใหญ่ครับ ซึ่งจุดแรกที่เราจะมาเห็นคือ จุดชมลานน้ำแข็งขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ใครมาถึงก็ต้องหยุดถ่ายรูป น้ำแข็งที่นี่จะมีสีขาวสลับฟ้าใส สะท้อนแสงแดดเป็นประกายตัดกับภูเขาหิมะด้านหลัง ดูสวยงามสุดๆ ครับ นั่นเองครับ ที่นี่คือทะเลสาบ Longwang Lake (龙王海 หรือ White Dragon Waterfall) ทะเลสาบแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานครับ น้ำในทะเลสาบใสสะท้อนภาพภูเขาหิมะด้านหลังได้อย่างงดงาม ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามจนเหมือนหลุดเข้าไปในภาพวาด ทะเลสาบแห่งนี้ยังมีสะพานไม้ให้เดินเล่นถ่ายภาพและชมวิวอย่างใกล้ชิดครับ ซึ่งเดินเข้ามาซักหน่อย จะพบน้ำตก Bailong Waterfall (白龙瀑布 / White Dragon Waterfall) น้ำตกที่เกิดจากการละลายของหิมะจากภูเขาในช่วงที่อากาศอุ่นขึ้น น้ำตกนี้มีขนาดใหญ่และสวยงามตั้งอยู่ใจกลางอุทยาน ซึ่งยังเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุด ด้วยความกว้าง 10 เมตร และความสูงราว 100 เมตร น้ำตกแห่งนี้ดูราวกับมังกรขาวที่กำลังพุ่งลงมาจากทะเลสาบนั่นเองครับ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ยังเชิงน้ำตก คุณจะได้ชื่นชมความยิ่งใหญ่ของมันอย่างใกล้ชิดครับ จากนั้นเราก็ขึ้นรถบัสของอุทยานไปยังจุดที่สูงขึ้นอย่างลานหิมะ (Snow Plateau) ลานหิมะเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพและเดินชมวิวของภูเขาหิมะสูงตระหง่านรอบด้าน บรรยากาศที่นี่เงียบสงบและหนาวเย็นโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว ลานหิมะจะถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพและนั่งพักผ่อนในบรรยากาศที่แสนสบายครับ หลังจากนั้น เราสามารถเดินต่อขึ้นไปยังจุดที่สูงขึ้น โดยนั่งรถไฟฟ้าคันใหม่ไปสู่ลานหิมะ ซึ่งเป็นจุดที่มีความสูงมากขึ้นและหิมะก็หนากว่าเดิม จุดนี้ถือเป็นจุดที่หลายคนต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม เพราะอากาศเบาบางและหนาวจัด ถ้าอยากขึ้นไปต่อถึงจุดสูงสุดของอุทยานจะต้องใช้ถังออกซิเจนเสริมด้วย เนื่องจากอากาศที่นั่นบางลงมากครับ ถ้าใครที่เตรียมถังออกซิเจนมาและร่างกายพร้อม ก็สามารถขึ้นไปสัมผัสประสบการณ์ที่ยอดภูเขาได้อีกขั้น แต่ถ้าใครรู้สึกเหนื่อยหรือไม่พร้อม จะหยุดชมวิวที่ลานหิมะระดับนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้วครับ ซึ่งด้านบนนั้นจะเป็นทุ่งดอก Panyang Lake (磐羊湖 / Argali Lake) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ทุ่งดอกไม้จะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่บานสะพรั่งไปทั่วทุ่ง ทุ่งดอกไม้นี้เป็นจุดที่สามารถถ่ายภาพธรรมชาติได้หลากหลายมุม ทั้งทุ่งดอกไม้ ภูเขาหิมะ และธารน้ำใสครับ แนะนำให้พกกล้องถ่ายรูปไปเก็บความสวยงามของที่นี่ไว้ครับผม ช่วงเวลาที่แนะนำให้ไป การเที่ยว Bi Peng Gou นั้นสามารถทำได้ตลอดทั้งปี แต่แต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามและเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปครับ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม): ทุ่งดอกไม้จะเริ่มบานและธรรมชาติก็จะเต็มไปด้วยสีสัน เหมาะสำหรับคนที่ชอบวิวที่สดใสและบรรยากาศที่ไม่หนาวจัด ฤดูร้อน (มิถุนายน - สิงหาคม): อากาศเย็นสบายเหมาะสำหรับการเดินเที่ยวภูเขาและทะเลสาบ เหมาะกับการหลีกหนีจากความร้อนของเมืองใหญ่ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน): ใบไม้จะเปลี่ยนสีเป็นเหลืองแดงสลับสวยงาม แนะนำเป็นพิเศษสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพธรรมชาติ ฤดูหนาว (ธันวาคม - กุมภาพันธ์): อากาศหนาวจัด และหิมะจะปกคลุมทุกพื้นที่ เป็นฤดูที่คนรักหิมะไม่ควรพลาดเลยครับ นั่นเองครับ Bi Peng Gou เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้ประสบการณ์การชมธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ทั้งวิวภูเขาหิมะที่สวยงาม ทะเลสาบใสที่สงบเย็น และน้ำตกที่อลังการ การเดินทางจากเฉิงตูมาที่นี่ไม่ยุ่งยาก ครั้งนี้ผมใช้เวลา 1 วันไปกลับครับ อาจจะดูเร่งรีบไปหน่อย แต่ถ้าเพียงอยากจะมาแวะเพื่อรับธรรมชาติภูเขาหิมะที่สวยงามแล้วละก็ เรียกว่าต้องห้ามพลาด โดยเพียงเตรียมร่างกายและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม การมาเยือน Bi Peng Gou รับรองว่าจะเป็นการผจญภัยในธรรมชาติที่เต็มไปด้วยความประทับใจแน่นอนครับ แต้มเอง เป็นพื้นที่ในการเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจที่แต้มได้ไปเจอมา ทั้งสถานที่ อาหาร การใช้ชีวิต และเรื่องราวการเรียนอีกสารพัด ฝากกดติดตามด้วยนะครับ เครดิต รูปภาพหน้าปก / รูปภาพประกอบบทความ - แต้มเอง(ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !