ไรท์มีโอกาสไปถ่ายภาพการรำบวงสรวงเมืองขอนแก่น 225 ปี มาค่ะ แล้วก็แวะไปเที่ยวงานไหมพร้อมด้วยเลย จึงมีภาพบางส่วนมาให้ชมกันค่ะ หลังจากเสร็จสิ้นการรำบวงสรวง 10 สิ่งศักดิ์คู่เมืองขอนแก่น ฉลองขอนแก่นครบ 225 ปี เมื่อวันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ณ บริเวณศาลหลักเมืองขอนแก่นแล้วนั้นก็จะเป็นการเปิดงาน “เทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และงานขอนแก่นซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2565” ประตูทางเข้าด้านหน้างานไหม ส่วนทางเข้าด้านข้างจะไม่มีป้ายประตูแบบนี้ แต่จะมีจุดคัดกรองโควิดเหมือนกันค่ะ เทศกาลงานไหมไม่ได้จัดมาตั้งแต่มีโควิด และครั้งนี้สามารถจัดงานได้แล้วแต่เรา ๆ ก็ยังคงต้องป้องกันตัวด้วย ดังนั้นทางเข้างานในแต่ละจุดก็จะมีจุดคัดกรองและเปิดกระจายเสียงย้ำเตือน การ์ดอย่าตกด้วยการใส่หน้ากากอนามัยด้วยล่ะค่ะ (ไรท์ก็ยังใส่หน้ากากอนามัยอยู่นะ) เทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยว งานกาชาดจังหวัดขอนแก่น และงานขอนแก่นซอฟต์พาวเวอร์ ประจำปี 2565 นี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2565 เปิดเช้าถึงกลางคืนประมาณสี่ทุ่ม ครั้งนี้น่าจะเป็นธีมเกี่ยวกับบ้านเรือนสมัยก่อน เพราะไรท์เห็นในศาลากลางมีบ้านไม้หลายหลังที่สร้างติดกัน ซึ่งทราบมาว่าบ้านไม้ที่สร้างนั้นมี 26 อำเภอมาร่วมในงานนี้ (นางรำในงานบวงสรวงก็มาจาก 26 อำเภอค่ะ) ในการสร้างเฮือนเพื่อแสดงในงานนี้ หลังจากสร้างเสร็จมีพิธีขึ้นบ้านใหม่ด้วยนะคะ (เฮือนโบราณ วิถีไทบ้านขอนแก่น) น่าจะเป็นพิธีภายใน ไรท์จึงไม่มีภาพถ่ายในพิธีที่ไรท์ถ่ายเองมาให้ผู้อ่านได้ชมค่ะ การมุงหลังคาสังกะสีกับบ้านไม้ ในงานนี้คือ เหมือนบ้านเฮือนในสมัยก่อนจริง ๆ บ้านเรือนสมัยก่อนมีพื้นที่กว้าง ไม่ค่อยมีรั้วใหญ่ ๆ แบ่งอาณาเขต บ้านเป็นไม้ ส่วนใหญ่เฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งก็จะเป็นไม้ บ้านเรือนไม้ที่ติด ๆ กันแต่ละอำเภอนั้น ถ้าสังเกตจะเห็นว่ามีคำว่าเฮือนนำหน้า ซึ่ง “เฮือน” ก็คือคำว่า “บ้าน” ค่ะ ที่เห็นเฮือนแต่ละหลังสร้างติด ๆ กันนั้น ธีมนี้เน้นให้เห็นถึงการเป็นอยู่ของคนในสมัยก่อนค่ะ บางเฮือนจะประดับไปด้วยอุปกรณ์ดักปลา บางเฮือนมียุ้งข้าวด้วย (ยุ้งข้าวนี่ที่บ้านตายายของไรท์ก็มีนะคะ แต่พอย้ายมาในเมือง ยุ้งข้าวก็ไม่จำเป็น บ้านไม้สมัยเก่าของตายายก็ไม่มีอีกแล้ว) ในเฮือนแต่ละหลังนั้นจะมีการนำผลิตภัณฑ์ หรือของดีประจำท้องถิ่น หรือศิลปะ มาจัดแสดงและจำหน่าย เช่น มีส้มตำไก่ยาง ผ้าไหม ผ้าซิ่น กระเป๋า เสื่อทอหรือที่เรียกกว่าสาด และของกินอื่น ๆ บางเฮือนจะมีการฟ้อนรำ บางเฮือนมีหมอลำ แสดงอยู่บนเฮือนค่ะ บ้านไม้ส่วนใหญ่จะยกสูงโปร่ง ๆ แบบนี้ เพื่อจะได้มีพื้นที่ข้างล่างไว้ใช้สอย (อย่างบ้านของย่าไรท์จะทำเป็นคอกควายค่ะ) พลบค่ำแล้ว ไรท์ลองเดินขึ้นบนเฮือนค่ะ สามล้อ ในสมัยก่อนคือยานพาหนะยืนหนึ่งที่ผู้คนใช้บริการ การแสดงฟ้อนรำ จะมีแค่บางเฮือน "ยุ้งข้าว" ประจำบ้านในสมัยก่อนจะนำข้าวเปลือกมาเก็บไว้ ผ้าไหมเป็นผืน รอจำหน่าย การแสดงจี่ข้าวเหนียว เดินผ่านจะได้กลิ่นหอมของใบเตยและไข่ลอยมา เสื่อหรือสาดพับ ผลิตภัณฑ์ที่ทุกบ้านต้องมีแน่นอน กระเป๋างานฝีมือที่นำมาแสดงและจำหน่าย แสงไฟและแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้า พร้อมบรรยากาศของฤดุหนาว แลดูโรแมนติก สงบ ๆ ช่วงพลบค่ำแสงไฟจะถูกเปิดแล้วค่ะ ช่วงประมาณทุ่ม ไรท์มองเห็นอีเกิ้ง (พระจันทร์) ก็เลยได้ภาพนี้มาค่ะ แสงไฟภายในเฮือนของแต่หลังก็สว่างขึ้น เหมือนอยู่บ้านจริง ๆ ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะเห็นว่าแต่ละเฮือนนั้นมีผู้คนอยู่ในแต่ละเฮือนด้วย อีกทั้งนักท่องเที่ยวยังสามารถขึ้นไปบนเฮือนเพื่อถ่ายภาพมุมต่าง ๆ ได้ด้วยค่ะ (ภาพที่นำมาให้ชมอาจไม่ครบทั้ง 26 อำเภอนะคะ กราบขออภัยอำเภอที่ไม่มีในบทความนี้) ภาพรวมของศาลาผูกเสี่ยวก่อนมีกิจกรรม เฮือนผูกเสี่ยวในตอนนี้ว่างเปล่า แต่จะมีกิจกรรมการผูกเสี่ยวกันที่นี่ค่ะ ไรท์มาถ่ายในช่วงที่ยังไม่มีกิจกรรมเพราะถ้าถ่ายติดคนมาก ไรท์คงเบลอหน้าไม่ไหว มุมนี้ของทีเร็กซ์ ดูเป็นอย่างไงบ้างคะ น่ากลัวน้อยลงรึเปล่า สวนหย่อมเล็ก ๆ จุดเช็กอินถ่ายภาพคู่กับไดโนเสาร์ตัวใหญ่ น้อง ๆ ไดโนเสาร์สีเหลืองยืนเด่นรอถ่ายภาพในสวนย่อม ไดโนเสาร์ตัวนี้ปากแหลมเหมือนนกจัง พานบายศรีที่ได้รับรางวัลจากการประกวดระดับอำเภอ นอกจากนี้ยังมีศาลาผูกเสี่ยว ซึ่งภายในจะมีส่วนย่อม และมีน้อง ๆ ไดโนเสาร์ตั้งอยู่ด้วย นี่ก็เป็นจุดถ่ายภาพอีกหนึ่งจุดค่ะ เมื่อมาที่ศาลาผูกเสี่ยวก็ต้องมีอะไรมากกว่าถ่ายรูปกับไดโนเสาร์แน่นอน เพราะที่นี่จะเป็นที่จัดกิจกรรมการแสดงในแต่ละวันค่ะ มีการประกวดพานบายศรี มีกิจกรรมการแสดง พิธีผูกเสี่ยว เป็นต้น ไรท์ก็ไม่มีภาพมาให้ชมอีกแล้ว แต่ไรท์มีข้อมูลคร่าว ๆ มาฝาก ไหน ๆ ก็เอ่ยเรื่องการผูกเสี่ยวแล้ว คุณเคยได้ยินคำว่า “เสี่ยว” หรือคุ้น ๆ กับคำนี้อยู่บ้าง แต่ความหมายล่ะ คุณเข้าใจคำว่าเสี่ยว คืออะไร เสี่ยวเป็นภาษาอีสานแท้ ๆ ซึ่งชาวอีสานจะมีความซาบซึ้งกับคำ ๆ นี้ เสี่ยวเป็นความหมายไปในทางที่ดีงาม แต่บ่อยครั้งที่คำว่าเสี่ยวมักจะถูกใช้ไปในทางที่ผิด เสี่ยวไม่ได้หมายถึงคนบ้านนอกคอกนา หรือเซ่อ ๆ ซ่า ๆ อย่างที่เข้าใจกันนะคะ อันที่จริง “เสี่ยว” คือ “เพื่อนรัก” (ส่วนคำว่า “หมู่” ในภาษาอีสานก็คือเพื่อนค่ะ แต่เสี่ยวน่ะเป็นเพื่อนแบบไม่ธรรมดานะคะ เป็นเพื่อนแท้เพื่อนตายเลยล่ะค่ะ) เรียกว่าเป็นมิตรแท้ที่มีความจริงใจและเต็มใจ ไม่มีอำนาจใดมาพากจากกันได้แม้แต่ความตาย ผู้ที่จะเป็นเสี่ยวกันนั้นจะต้องมีลักษณะ ท่าทาง รูปร่างหน้าตา อายุ อารมณ์ จิตใจ บุคลิกภาพ ทัศนคติที่คล้ายคลึงกันหรือเหมือนกันด้วย หลักเกณฑ์นี้มักจะนำมาเป็นเกณฑ์ในการนำบุคคลสองคนมาผูกเสี่ยวเป็นมิตรกัน และมักจะเลือกเพศเดียวกันเป็นเสี่ยว หญิงคู่หญิง ชายคู่ชาย เนื่องด้วยประเพณีผูกเสี่ยวได้วิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ จึงมีการผูกเสี่ยวข้ามเพศ คือชายคู่กับหญิงได้ด้วย นอกจากนี้ยังผูกเสี่ยวในคราวเดียวหลายคน ก็จะเรียกว่า เสี่ยวหมู่ ค่ะ (อันนี้หมู่ที่หมายถึงหลาย ๆ คนค่ะ อย่าเพิ่งสับสนนะคะ) ถ้าลูกทำพิธีผูกเสี่ยวกัน บิดามารดาก็จะกลายเป็นญาติสนิทกัน ลูก ๆ ก็จะเรียกพ่อแม่ได้อย่างสนิทใจ หากพ่อแม่ผูกเสี่ยวกับใคร ลูก ๆ ก็จะเรียกพ่อเสี่ยว แม่เสี่ยวตามไปด้วย จบเรื่องของคำว่าเสี่ยวแล้ว หวังว่าจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงนะคะ ถ้าไปเรียกใครว่าเสี่ยว เขาคนนั้นคือเพื่อนรักของคุณค่ะ ฝั่งตรงข้ามจะศาลาผูกเสี่ยวจะเป็นเวทีแสดงซึ่งจะมีศิลปินมาทำการแสดงในช่วงค่ำคืนของแต่ละวัน มีหมอลำหลายคณะ มาแสดงบนเวทีกลางนี้ด้วย ไรท์ไม่ได้เข้าชมการแสดงในช่วงกลางคืนเลยค่ะ ขออภัยที่ไม่มีภาพการแสดงให้ชมกันนะคะ เวทีกลาง สำหรับการแสดง มากาชาดกันบ้างค่ะ หลายปีก่อนช่วงกลางคืนจะมีการจับสลากกัน ของรางวัลก็มีมากมาย ปีนี้ไรท์ไม่แน่ใจว่าจะมีกิจกรรมหรือเปล่า และอีกโซนจะขาดการเอาใจเด็ก ๆ ไม่ได้ เพราะออกจากโซนศาลากลาง หรือมองบนหน่อยก็จะเห็นชิงช้าสวรรค์เด่นเป็นสง่า อีกทั้งยังมีม้าหมุน รถบั๊มทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เครื่องบินหมุน ปลาหมึกหมุน บ้านผีสิง ปาลูกโป่ง ก็มี ม้าหมุน เครื่องเล่นเบา ๆ แต่ใครเวียนหัวง่ายก็ระวังหน่อยนะ ลูกดอกสำหรับปาโป่งเพียบเลย ยิงตุ๊กตา เกมงานเทศกาลก็ต้องมีอยู่แล้ว รถบั๊มของหนู ๆ เขาแยกกันจากรุ่นใหญ่นะคะ ไม่ต้องกลัว ปลาหมึกหมุน เครื่องเล่นนี้กลางวันจะยังไม่เปิดบริการค่ะ เพราะคนยังเดินไม่เยอะ ใครอยากลองเข้าไปดูว่าข้างในมีอะไร ก็ต้องซื้อตั๋วนะคะ ชิงช้าสวรรค์สูงเด่นเป็นสง่า พร้อมแสงไฟสีสันยามค่ำคืน โซนขายของสองข้างทางในแต่ละฝั่ง มีทั้งเสื้อผ้า แฟชั่น ของเล่น ขนม อาหาร และยังมีเฟอร์นิเจอร์ไม้สวยงามให้เลือกซื้อด้วยค่ะ ต้องเดินให้หมดนะคะ เพราะที่ลับตาผู้คนเดินไม่ค่อยถึงกันน่ะมีสินค้าโอทอป (OTOP) ด้วยนะคะ เรียกว่ามากมายจริง ๆ ขนมเบื้องโบราณมีให้เลือกหลายร้านเลย นอกจากนี้ยังมีขนมไทย ขนมหวานอื่น ๆ อีกมากมายนะคะ ไก่ย่าง เป็ดย่าง มาเป็นตัว ๆ ปลาหมึกเสียบไม้กับน้ำจิ้มรสเผ็ดอร่อย อย่าพลาดเชียว บรรดาแมงทอดทั้งหลาย รสชาติมัน ๆ เคี้ยวเพลิน ๆ มีส้มตำก็ต้องมีปลาเผา ไก่ย่าง ลูกชิ้นเสียบไม้ ซูชิก็มีให้เลือกหลากหลาย น้ำหวานแท่งราคาย่อมเยา ร้านค้าของประชาชนที่นำผลิตภัณฑ์มาขายในงาน เสื้อผ้าประจำถิ่นของร้านค้าตามริมถนนภายในงาน มีให้เลือกหลายแบบ เฟอร์นิเจอร์ไม้ จะอยู่โซนประตูทางเข้าเป็นถนนทางแยกด้านข้างที่ไม่มีป้ายประตู เก้าอี้ไม้และเฟอร์นิเจอร์ไม้ จะอยู่โซนประตูทางเข้าด้านข้างที่ไม่มีป้ายประตู การมาเที่ยวงานไหมในครั้งนี้ ทำให้ย้อนไปในสมัยเป็นเด็กและเห็นภาพบ้านไม้หลาย ๆ หลังจะปลูกติดกันแบบนี้จริง ๆ ไรท์ไปเที่ยวบ้านตายาย ปู่ย่า ที่อยู่ต่างอำเภอ ก็ไปวิ่งเล่นบ้านข้าง ๆ ได้ด้วย คล้าย ๆ ว่ามียุ้งข้าวกันแทบทุกบ้าน เพราะปลูกข้าวกันเอง ไรท์เองก็ลืม ๆ ไปตามกาลเวลา ตอนที่ผ่านมาเส้นทางนี้ก็ยังสงสัยว่า ทำไมเหมือนกำลังสร้างบ้านที่ศาลากลางเยอะจัง เพราะปกติจะมีหม่อนไหม คราวนี้ถือว่าฟื้นความจำสมัยเด็กให้ไรท์เลยล่ะค่ะ อีกทั้งคนรุ่นใหม่อาจจะไม่เคยเห็น ก็จะได้เห็นวิถีไทบ้านและเฮือนของคนสมัยก่อนเป็นอย่างไร (แต่บ้านในงานนี้สร้างสวยจริง ๆ) ไรท์นั่งพักร้อนและถ่ายภาพตัวเองสักนิด ไรท์เก็บภาพบางส่วนมาให้ชมกันแล้ว หากใครผ่านมาในช่วงเทศกาลนี้ก็แวะไปเที่ยวได้ค่ะ แต่กลางวันจะร้อนหน่อยนะคะ (ร้อนแค่ไหน ดูออร่าที่ส่องเฉิดฉายบนหัวไรท์สิคะ นี่คือฤดูหนาวจริง ๆ นะ เหงื่อชุ่มเลย) ส่วนมากผู้คนจะมาช่วงค่ำกันค่ะ สีสันจะต่างจากกลางวันเพราะมีไฟนั่นเอง ^_^ แต่ไรท์ว่าบ่ายแก่ ๆ แสงแดดพอมีให้ถ่ายภาพกับเฮือนได้อารมณ์ตอนสว่าง แล้วพอค่ำก็มีไฟได้อารมณ์โรแมนติกไปอีก เอาเป็นว่าใครสะดวกจะมาช่วงไหนก็เลือกได้เลย ที่สำคัญ “การ์ดอย่าตก” ใส่หน้ากากอนามัยกันด้วยนะคะ ^_^ เครดิตภาพภาพปก และ ภาพประกอบในงานทั้งหมด ถ่ายโดยผู้เขียน🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “ท่องเที่ยว”