กางเต็นท์นอนที่จุดสูงสุด 1715 อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ท้าลมหนาว ภาพโดยผู้เขียน วันนี้เราเดินทางมาที่จังหวัดน่าน เป้าหมายปลายทางของเราคือ จุดสูงสุด ณ อุทยานแห่งดอยภูคา นั่นคือ จุดชมวิว 1715 ตอนแรกเราก็สงสัย 1715 คืออะไร คือเส้นทางหลวงหรือป่าว หรืออาจจะเป็นพิกัดทางการทหาร เดาผิดทั้งหมดค่ะ สอบถามกับเจ้าหน้าที่อุทยาน ตอบคำถามให้เรากระจ่างว่า 1715 คือ ระดับความสูงจากน้ำทะเลค่ะ นี่ไม่ได้ใบ้หวยงวดนี้ใช่ไหมคะ ภาพโดยผู้เขียน ก่อนจะมาถึงที่หมายเราแวะไปซื้อเต็นท์ เพื่อมานอนที่นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะ กางเต็นท์เองยังไม่เป็นเลย แต่คิดว่าไม่ยาก ใจพร้อม กายพร้อม ลุยเลย เมื่อมาถึงเราแวะเข้าไปที่ทำการอุทยานเพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบก่อนว่าเราจะมากางเต็นท์ค้างคืน และชำระค่ากางเต็นท์ 30 บาทต่อคนต่อคืน ขับรถออกมาจากที่ทำการอุทยานประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิว 1715 ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยาน ภาพโดยผู้เขียน ขับเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที ไกลจัง โปรดสังเกตุป้ายให้ดีนะคะ ป้ายอยู่ทางขวามือ เป็นตัวเลข 1715 ขนาดใหญ่ ใหญ่พอที่จะทิ่มตาคุณบอดได้ แต่เรามองไม่เห็น จึงขับรถเลยเกือบ 2 กิโลเมตร โชคดีไหวตัวทัน ไม่เลยไปไกลกว่านี้ ภาพโดยผู้เขียน เรามาถึงที่หมายประมาณ 17.00 น.กว่าจะกางเต็นท์เสร็จพระอาทิตย์ก็ตกแล้ว ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี อากาศเย็นลง ประมาณ 13 องศาเซลเซียส และเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ ลมพัดแรง และลืมเอาไฟฉายมา มีแต่แสงจากโทรศัพท์มือถือ ภาพโดยผู้เขียน เริ่มถามตัวเองว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ ตั้งใจว่า มาดูดอกชมพูภูคา มีที่เดียวในประเทศไทย เราไปช่วงปลายเดือนมกราคม อ่านรีวิวก็บอกว่า ดอกจะบานช่วงมกราคม - กุมภาพันธ์ แต่ตอนที่เราไปเป็นช่วงที่ดอกกำลังแตกยอด เล็ก ๆ แต่ยังไม่บาน อดดูเลยค่ะ ดูตุ่มเขียว ๆ ที่งอกออกมากระจิ๊ดเดียวไปก่อน ไม่เป็นไร ปลอบใจตัวเองแล้วรีบข่มตานอน พรุ่งนี้มีนัดกับพระอาทิตย์ เวลาประมาณ 05.30 น. ร่างกายเริ่มปลุกให้เราตื่น ทั้งที่ยังไม่อยากลุกจากที่นอน แต่ถ้าช้ากว่านี้ฉี่รดที่นอนแน่ รีบลุกขึ้นมาจัดการตัวเองให้เรียบร้อย ภาพโดยผู้เขียน แล้วตั้งตารอคอย พระอาทิตย์ขึ้น แต่ไม่มาตามนัด หมอกหนามากจนมองไม่เห็นแสงพระอาทิตย์ อุณหภูมิประมาณ 7 องศาเซลเซียส ภาพโดยผู้เขียน เอาฉันไปแช่แข็งเลยดีกว่า ไอศกรีมที่ลืมกินเมื่อวาน วางไว้บนรถยังไม่ละลาย ความเย็นกัดผิวหน้า แสบนิด ๆ คัน หน่อย ๆ ภาพโดยผู้เขียน พ่อค้าแม่ค้ามาขายของแต่เช้า เดินทางมาจากบ้าน ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ออกจากบ้านตั้งแต่ตีสาม นี่คนหรือเหล็กไหล ทนทานเหลือเกิน ขนาดเสื้อขนเป็ดของเราความหนาวยังแทงทะลุเข้ามาได้ พอสายหน่อยแดดเริ่มออก นั่งจิบชา และชมวิว ภูเขาตรงหน้า สวยจับใจ มีแมวน้อยที่ไม่รู้จักมาอ้อน ขอกินอะไร ก็เลยให้สตอเบอรี่ไปแต่มันไม่กิน มันไม่อร่อยหรอ ไม่เป็นไรเรากินแทนก็ได้ ภาพโดยผู้เขียน แม้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่สมหวังทุกเรื่อง แต่ก็ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัว และยืดหยุ่นกับความคาดหวังของตัวเอง และอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอนหรอกชีวิต ปล่อยให้ชีวิตเนิบ เนิบ ที่น่านต่อไปแบบนี้แหละ สบายใจดี อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่หวัง แค่นี้ก็สุขใจ