ขึ้นเครื่องไปต่างประเทศครั้งแรกต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนอะไรต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง กลัวทำไม่ถูก กลัวจะงง และตื่นเต้นมากอยู่ใช่ไหมเอ่ย ไม่ต้องกังวลค่ะไม่ยากอย่างที่คุณคิด มันง่ายมากๆ เพียงแต่มีสิ่งที่คุณต้องพึงรู้ไว้หนึ่งข้อที่สำคัญมากคือ "เผื่อเวลาไปสนามบิน" เยอะๆ หน่อย ในสมัยก่อนเขาก็จะแนะนำว่าเวลาที่ควรไปถึงคืออย่างน้อยไปก่อน 2 ชั่วโมงแต่ปัจจุบันส่วนตัวรู้สึกว่าควรจะไปถึงก่อนสัก 3-4 ชั่วโมง โดยเฉพาะหากต้องขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิเหตุเพราะคนเดินทางกันเยอะมากจริง ว่าแต่ขั้นตอนเช็กอินมันมีอะไรบ้างนั้น มาดูพร้อมๆ กันได้เลย 10 ขั้นตอนเตรียมตัว เที่ยวต่างประเทศคนเดียว1. ตรวจสอบเคาน์เตอร์เช็กอินเมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิแล้วให้ไปที่ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นสำหรับผู้โดยสารขาออก สิ่งแรกที่ทำคือให้มองหาจอแสดงตารางเที่ยวบินก่อนเพื่อเข้าไปเช็คว่าเที่ยวบินของคุณนั้นอยู่ที่เคาน์เตอร์ไหน และเปิดเช็กอินได้แล้วหรือยัง หากเขาเปิดเช็กอินแล้วแนะนำให้ไปเช็กอินก่อน แล้วค่อยไปจัดการธุระอื่นๆ ที่ยังไม่เสร็จ โดยปกติเคาน์เตอร์จะเปิดเช็กอินล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมงก่อนเวลาเดินทาง ก็กะเวลากันดีๆ แนะนำให้ไปต่อแถวเช็กอินในช่วงเคาน์เตอร์ใกล้จะเปิด คิวแรกๆ จะได้ไม่ต้องรอนานค่ะ 2. ทำการเช็กอินเมื่อเคาน์เตอร์เปิดเมื่อเคาน์เตอร์เช็กอินเปิดก็ให้รีบดำเนินการก่อนเลย โดยเฉพาะคนที่ยังไม่จองที่นั่งล่วงหน้ามา จะได้มีที่นั่งดีๆ เหลือให้เลือก ส่วนใครจองที่นั่งมาแล้วจะชิลๆ ก็ได้อยู่ เอกสารที่ต้องใช้ในการเช็กอินก็คือ พาสปอร์ตตัวจริงและต้องมีอายุเหลืออย่างน้อง 6 เดือน เอกสารวีซ่า(ถ้ามี) และกรณีเดินทางไปในประเทศที่ยังคงมีมาตรการคัดกรองอยู่อาจจำเป็นต้องใช้ใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือผลการตรวจ ซึ่งต้องไปเช็กข้อกำหนดของแต่ล่ะประเทศอีกที 3. โหลดสัมภาระ จริงๆ แล้วถ้าเป็นการเดินทางแบบไม่มีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่องนั้นส่วนใหญ่เราจะสามารถเช็กอินออนไลน์ได้นะคะ หากเช็กอินออนไลน์ได้ก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น ถ้าไปไม่กี่วันอาจสามารถเอากระเป๋าไปเพียงใบเดียวได้โดยกระเป๋าถือขึ้นเครื่องนั้นส่วนใหญ่แล้วหลายๆ สายการบินจะอนุญาตอยู่ที่ 7 กิโลกรัมแต่ถ้าเป็นทริปนานๆ แค่ 7 กิโลกกรัมอาจไม่เพียงพอ ก็ต้องซื้อน้ำหนังสัมภาระโหลดเพิ่ม แต่ทั้งนี้หากเดินทางกับสายการบินฟลูเซอร์วิสส่วนใหญ่เขาก็จะให้น้ำหนักสัมภาระโหลดมาฟรีแล้ว 20 - 30 กิโลกรัม ซึ่งขั้นตอนนี้ก็ทำพร้อมกันกับตอนเช็กอินเลยค่ะ แจก 6 ทริคจัดกระเป๋าไม่ต้องโหลดใต้เครื่อง4. ตรวจสอบบอร์ดดิ้งพาร์สและเกทขึ้นเครื่อง หลังจากเช็กอินแล้วเราจะได้รับกระดาษแนวยาวเรียกว่า "บอร์ดดิ้งพาร์ส" ให้เราตรวจสอบความถูกต้องของจุดหมายปลายทาง ชื่อนามสกุล ที่นั่งตั้งแต่ตอนได้รับมา เพราะถ้าหากเขาเกทไปแล้วแล้วเพิ่งพบว่ามีอะไรผิดพลาดต้องแก้ไขมันจะยุ่งเอาค่ะ หากพบข้อผิดพลาดก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เช็กอินทันทีเพื่อเปลี่ยนและรับบอร์ดดิ้งพาร์สใหม่ หากตรวจสอบแล้วไม่มีอะไรผิดพลาดก็สามารถไปเกทของตัวเองได้เลยหรือหากจะไปทำธุระอื่นก่อนก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่แนะนำให้เช็กเกทของตัวเองด้วยว่าได้เกทไหน เพราะเกทที่สุวรรณภูมินั้นบางเกทจะต้องเดินไกลมากค่ะ สามารถเช็กว่าเกทเปิดหรือยังได้ที่จอแสดงเกท ซึ่งจะอยู่แถวหลังของเคาน์เตอร์เช็กอิน 5. ตรวจค้นกระเป๋า เมื่อเช็กอินและรับบอร์ดดิ้งพาร์สมาแล้ว และไม่มีธุระไปไหนต่อพร้อมไปยังเกทเดินทางแล้วก็ให้เดินเข้ามาด้านในมาตรงจุด "ตรวจหนังสือเดินทาง ผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ" ตรงด้านล่างบันได้เลื่อนจะมีเจ้าหน้าที่เช็กบอร์ดดิ้งพาสก่อนขึ้นไป ตรงจุดนี้น้ำหรือของกินแบบชิ้นใหญ่ๆ จะไม่สามารถนำไปได้นะคะ ข้างๆ บันได้เลื่อนส่วนมากจะมีถังขยะตั้งอยู่สำหรับทิ้ง หากใครยังไม่ได้ทานอะไรไม่ต้องห่วงด้านในก็มีร้านอาหารค่ะแต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันจะแพงกว่าข้างนอกมากยิ่งขึ้น เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนไปแล้วเราจะเจอกับด่านตรวจค้นกระเป๋าโดยการสแกน ให้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภทออกมา กล้อง ไอแพด แลปท็อป โทรศัพท์มือถือ แบตสำรอง หรือแม้แต่คีย์บอร์ดบลูทูธก็ให้นำออกจากกระเป๋าใส่ถาดแยกกับกระเป๋าอีกที นอกจากนี้พวกโลหะต่างๆ เช่นกุญแจบ้าน กุญแจรถ ก็แนะนำให้นำออกจากกระเป๋าใส่แยกอีกถาด บางทีเครื่องมันตรวจแล้วแยกไม่ออกว่าคืออะไรเขาอาจจะเรียกเรากลับมาเพื่อขอเทกระเป๋าดูก็จะช้าไปอีก ทั้งนี้รองเท้าก็ต้องถอดออกใส่อีกถาดแล้วนำเข้าเครื่องสแกนเช่นกัน ส่วนตัวเราให้เดินผ่านเครื่องสแกนตัวแล้วไปรอรับข้าวของปลายเครื่องสแกน ข้อแนะนำคือพยายามใส่เครื่องประดับหรือเสื้อผ้าที่มีโลหะประกอบ เช่นกระดุม ซิบเยอะๆ เพราะที่สแกนมันจะร้องแล้วเจ้าหน้าที่เขาก็จะต้องมาตรวจทุกซอกทุกมุม ทางเราเคยใส่ต่างหูตั้งแต่ติ่งหูจนถึงปีกบนแล้วก็ยังมีสร้อยคอสามสี่เส้น ที่สแกนแบบมือจับของเจ้าหน้าที่เขาก็ร้อง เจ้าหน้าที่ก็ขอให้เราเปิดผมดูหู เปิดคอเสื้อดูคอ กระดงกระดุมเยอะอีก ใช้เวลานานกว่าคนอื่นเลย พักหลังๆ เลยไม่ใส่เครื่องประดับเลยจะได้รวดเร็ว 6. ตรวจหนังสือเดินทางผ่านตรวจค้นกระเป๋ามาได้ก็งานง่ายๆ แล้วค่ะ "ตรวจหนังสือเดินทาง" นั้นเราสามารถทำได้ด้วยตัวเราเองเลย จะมีเครื่องอัตโนมัติพร้อมวิธีสาธิตอยู่ ขั้นตอนไม่เยอะแค่นำบาร์โค้ดบอร์ดิ้งพาสไปสแกนที่เครื่อง จากนั้นนำพาสปอร์ตของเราเปิดหน้าที่มีรูปเราแล้วคว่ำหน้าลงสอดเข้าไปในเครื่องสแกน รอสัญญาณ หากเครื่องบันทึกเรียบร้อยดีประตูกั้นจะเปิด ให้เราไปยืนตามจุดมาร์กบนพื้น ถ้าเครื่องไหนไม่มีจุดมาร์กหรือมันจางมากก็กะระยะให้กล้องจับใบหน้าและศีรษะของเราให้พอดี เมื่อกล้องบันทึกเรียบร้อยประตูกั้นอีกบานจะเปิด เท่านี้ก็ไปขั้นสุดท้ายได้เลย 7. รอขึ้นเครื่องที่เกทของตัวเองหลังจากผ่านทุกอย่างมาเรียบร้อยตรงนี้ทุกคนจะไปเดินช็อบก่อนก็ได้ หรือจะไปหาอะไรทานก่อนก็ได้เช่นกัน แต่อย่าเพลินจนลืมดูเวลาเกทเปิดหรืออย่าละเลยฟังประกาศแจ้ง เพราะบางครั้งอาจเป็นประกาศแจ้งเปลี่ยนเกทนั่นเอง แต่ถ้าหากไม่มีธุระอื่น ไม่หิว ไม่ใช่สายช็อปก็ไปรอบริเวณเกทได้ เมื่อเกทเปิดก็ลงไปรอเตรียมขึ้นเครื่อง การขึ้นเครื่องส่วนมากเจ้าหน้าที่จะประกาศเรียกขึ้นเครื่องเป็นโซนๆ ไป ทั้งนี้การขึ้นเครื่องก็มีสองแบบคือเดินผ่านสะพานเทียบเครื่องบินหรือเรียกง่ายๆ ว่างวงช้างเพื่อเข้าไปที่ตัวเครื่องบินเลย หรืออาจจะต้องนั่งรถต่อไปอีกทอดหนึ่ง แต่ตรงนี้มันก็เป็นเส้นทางที่กำหนดไว้แล้วไม่ต้องกังวลว่าจะหลงหรืองง อีกทั้งยังมีเจ้าหน้าที่ดูแล หากงงตรงไหนจริงๆ ก็ถามเจ้าหน้าที่ได้เลย 5 ข้อควรระวัง มิฉะนั้นอาจจะตกเครื่องบินข้อแถม เมื่อถึงจุดหมายแล้วให้รีบไปที่ตรวจคนเข้าเมืองแนะนำให้รีบไปเพราะยิ่งช้าแถวยิ่งยาว ยิ่งเป็นประเทศที่คนนิยมไปเที่ยวด้วยคนจะยิ่งเยอะ รวมถึงในกรณีไปประเทศที่ฟรีวีซ่ามันจะไม่มีการแยกผู้โดยสารนะ มันจะเป็นการไปกระจุกกันอยู่ที่ตรวจหนังสือเดินทางชาวต่างชาติ และเชื้อชาติของเขาเอง ดังนั้นชาวต่างชาติทั้งหมดที่ได้รับฟรีวีซ่าก็จะไปต่อแถวรวมกัน อย่างเช่น สนามบินดานัง เวียดนาม ตอนที่ไปจำได้ว่าตรวจคนเข้าเมืองเปิดเคาน์เตอร์แค่ 4 เคาน์เตอร์ได้ แล้วชาวต่างชาติหลายๆ ชาติก็ไปต่อแถวรวมกันแค่ 4 เคาน์เตอร์นั้น ใช้เวลารอค่อนข้างนานดังนั้นยิ่งเราช้าแถวก็จะยิ่งยาวไปเรื่อยๆ และเราก็จะต้องยืนรอนานนั่นเอง นี่แหละค่ะขั้นตอนการเช็กอินขึ้นเครื่องไปต่างประเทศ ไม่ยากค่ะไม่ยาก ไม่ต้องกังวลเชื่อว่าเมื่อถึงตอนนั้นสัญชาตญาณของคุณจะพาคุณไปต่อเอง เราก็เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเงอะๆ เงิ่นๆ เหมือนกันแต่พอถึงเวลานั้นทุกอย่างมันก็เป็นไปตามธรรมชาติของการรับรู้ของเราเอง อย่างไรก็ตามหากใครรู้สึกชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยค่ะ หรือติดตามเรื่องราวอื่นๆ ของเราได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะhttps://twitter.com/supamas_kpr/status/1600195550288437249?s=20เครดิตภาพ - ภาพประกอบที่ 5 โดย macrovector / ภาพที่ 7 โดย 4045 จาก freepik.com / ภาพอื่นๆ โดยหญิงเถื่อน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !