ในทุก ๆ การเดินทางเราได้เรียนรู้อะไรจากมันบ้าง นี่คือคำถามที่คิดขึ้นมาทุกครั้งหลังจากกลับมาจากการไปเที่ยวที่ไหนก็ตามและครั้งนี้ก็เหมือนกัน มากกว่าการไปชื่นชมธรรมชาติไปพักผ่อนหย่อนใจพวกเราได้มาช่วยชาวบ้านที่ดอยหลวงเชียวดาวทำแนวกันไฟ สำหรับเรื่องการเตรียมตัวนั้น หลัก ๆ คือการเตรียมร่างกายและการเตรียมใจให้พร้อมสำหรับความเหนื่อย ความท้อ เพื่อไม่ให้เราถอดใจไประหว่างทาง พวกเราทั้ง 4 คน ออกเดินทางจาก อ. ปากช่อง ในช่วงเที่ยงวัน ขับผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ นครสวรรค์ แพร่ ลำปาง ลำพูนและเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้ระยะเวลาทั้งหมด 10 ชั่วโมง การขับรถมานั้นดูเหมือนจะยาวนานแต่เรากลับไม่รู้สึกเบื่อเลย บทสนทนามากมาย เรื่องราวชีวิตที่ต่างคนต่างไปเจอมาถูกนำเอามาเล่าสู่กันฟัง บ้างเรื่องก็สร้างเสียงเฮฮา บ้างเรื่องเมื่อได้ฟังก็เผลอทำให้ยิ้มตาม เรามาถึงเชียงดาวประมาณเที่ยงคืน พวกเราได้มาพักกันที่ Ashi Guest House ซึ่ง Ashi ในภาษามูเซอแปลว่า กวางผา ที่ Ashi Guest House เหมือนเป็นสถานที่ที่เพื่อนหลาย ๆ คน มา Joint พื้นที่ร่วมกัน ได้มาสร้างมิตรภาพใหม่ ๆ และเป็นที่พักที่มากกว่าแค่คำว่าที่พักเพราะมันมีความอบอุ่น มีความรู้สึกดีดีมากมายที่เรารู้สึกได้จากการได้มาที่นี่ ช่วงเช้าเราตื่นกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อเตรียมตัวจะไปทำแนวกันไฟกัน โดยเราไปรวมตัวกันที่สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง ทานอาหารเช้ากันเรียบร้อย ก็เริ่มออกเดินขึ้นเขา เดินกันขึ้นไป 3 - 4 กิโลเมตรก็ถึงจุดที่ทำแนวกันไฟ พวกเราข่วยกันกวาดไม่ให้แนวกันไฟดังกล่าวมีเศษใบไม้ เศษหญ้า เพราะถ้าหากไฟป่าลามมาบริเวณนี้ก็จะไม่มีเชื้อเพลิงสำหรับการเผาไหม้ต่อ หลังจากทำแนวกันไฟกันเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นเวลาพักผ่อนหย่อนใจ พวกเราไปเล่นน้ำกันที่โป่งน้ำร้อนบ้านยางปู่โต๊ะ มีบ่อปูนซีเมนต์ที่ทำไว้กักเก็บน้ำร้อนให้นักท่องเที่ยวลงไปนั่งแช่กัน ประมาณ 5 บ่อ ส่วนของบ่อน้ำร้อนนี้ติดกับ ลำห้วยแม่ก๊ะ น้ำจากลำห้วยก็เย็นสดชื่นดีทีเดียว ใครจะสลับแช่น้ำร้อนในบ่อแล้วจะลงไปแช่น้ำเย็นในลำธารก็เลือกกันได้ตามใจชอบ มาถึงที่นี่แล้วไปก็ไม่ควรพลาดที่จะไปวัดถ้ำเชียงดาว ที่นี่มีถ้ำขนาดใหญ่ ภายในถ้ำมีความงดงามที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติอย่างหินงอกหินย้อยที่ก่อให้เกิดรูปร่างต่าง ๆ ให้เราได้ชื่นชม เรื่องตำนานของที่นี่ถ้าใครอยากรู้สามารถสอบถามจากไกด์ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคุณย่า คุณยาย ที่มารับอาสาทำงาน รับรองว่าฟังกันเพลินแน่นอน ทำงานกันแล้ว เที่ยวกันแล้วก็ได้เวลาอาหารเย็นแล้วละสิ เย็นนี้ที่ Guest House ทำหมูกะทะ สุกี้ หมาล่า โดยทุกคนที่มาพัก มาช่วยกันเตรียมอาหาร ช่วยกันประกอบอาหารและร่วมวงกินด้วยกัน ช่วงกลางคืนมีล้อมวงเล่นกีตาร์ ร้องเพลงกันคือแปลกดีที่ก่อนจะมาเราไม่รู้จักใครเลยแต่ตอนนี้เรากับรู้สึกสนุก อบอุ่น รู้สึกถึงน้ำใจที่มีต่อกันจากคนที่เราคิดว่าเค้าคือคนแปลกหน้าในตอนแรก ตอนนี้พวกเขา กลายมาเป็นเพื่อนเราซะแล้ว การเดินทางครั้งนี้ค่าน้ำมัน ค่าที่พัก และค่ากินหารกัน 4 คนตกคนละ 2500 บาท ส่วนค่าประสบการณ์และ ค่าความสุขนับไม่ถ้วนค่ะ - ภาพโดยผู้เขียน -