การไปเที่ยวต่างจังหวัดนั้นเราไม่จำเป็นที่จะต้องพักค้างคืนเสมอไป จะดีแค่ไหนถ้าเราได้เที่ยวในราคาที่ประหยัดและเต็มอิ่มไปด้วยบรรยากาศ ประสบการณ์ และการเก็บรูปสวย ๆ มาไว้เป็นความทรงจำให้เราได้นึกถึงอยู่เสมอ วันนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านไปเที่ยวในจังหวัดจันทบุรีซึ่งเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่อยู่ใกล้กับกรุงเทพฯ การเดินทางสะดวกสบาย ได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารประจำทา่ง ในวันนี้ผู้เขียนจะพาทุกท่านเที่ยวจังหวัดจันทบุรีแบบ one day trip โดยรถโดยสารประจำทางซึ่งใช้เวลาเดินทางแค่ 3 ชั่วโมงกว่า ก็ถึงแล้วค่ะ สำหรับวันนี้เราใช้บริการรถตู้ 9907 จากหมอชิต - จันทบุรี เวลาเดินรถ จากสถานีขนส่งหมอชิต 2 อาคาร C รถเที่ยวแรกตั้งแต่ 04.00 - 20.00 น. และ จากจันทบุรี - หมอชิต เที่ยวแรกตั้งแต่เวลา 03.00 - 20.00 น. ค่ะ ซึ่งผู้เขียนออกเดินทางเวลา 07.00 น. ถึง คิวรถตู้ 9907 จังหวัดจัทรบุรี ก็เวลาประมาณ 10.20 น. ภาพโดยผู้เขียน การเที่ยวของเราวันนี้ใช้วิธีการเดินค่ะ โดยใช้วิธีการกด GPS หาสถานที่ที่เราจะไปค่ะ เทคนิคง่าย ๆ ใคร ๆ ก็ทำได้ค่ะ แต่ก็ต้องมีร่มเป็นอุปกรณ์ช่วยบังแดดด้วยนะคะ เพราะตอนเดินไปอากาศก็จะร้อนนิดหนึ่งค่ะ สถานที่แรกที่เราจะไปนั้นก็คือ ชุมชนริมน้ำจับบรรยากาศร้านค้า และปผู้คนตลอดเส้นทางที่เดินด้วยค่ะ ภาพโดยผู้เขียน ถึงเเล้วค่ะ ชุมชนริมน้ำจันทบูร สำหรับประวัติความเป็นมาคร่าว ๆ ของ ชุมชนริมน้ำจันทบูร หรือที่เรียกกันว่า “บ้านลุ่ม” ซึ่งในอดีตถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจทางด้านการค้าที่สำคัญ ตั้งแต่สมัยอดีตกาลมาแล้ว ซึ่งจังหวัดจันทบุรีถือเป็นศูนย์กลางการค้าขาย มีการติดต่อค้าขายกับชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมากและถือว่าเป็นเมืองท่าสำคัญในการลำเลียงสินค้าและการขนส่งสินค้า ต่าง ๆ อีกด้วย โดยคนในชุมชนส่วนใหญ่เป็นคนจีนที่เดินทางมากจากจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อมาทำการค้า ทำให้คนจีนจึงเป็นผู้บุกเบิกตั้งรกรากที่แห่งนี้ นอกจากคนจีนแล้วในย่านนี้ยังมีคนญวน คนไทย อีกด้วย โดยมีการนับถือศาสนาพุทธ และคริสต์ ทำให้มีผู้คนที่มีความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งทำให้เกิดเป็นวัฒนธรรมแบบผสมผสาน จากตะวันตก ไทย จีน และชาวญวนกันอย่างกลมกลืน จึงเป็นเหตุให้มีการอนุรักษ์ชุมชนแห่งนี้ขึ้น ในรูปแบบ “ชมรมพัฒนาชุมชนริมน้ำจันทบูร” โดยใช้บ้านเลขที่ 69 บนถนนสุขาภิบาล จัดตั้งให้เป็น “บ้านเรียนรู้ชุมชนริมน้ำจันทบูร” เพื่อใช้ในการฟื้นฟู พัฒนาช และอนุรักษ์ ชุมชนริมน้ำจันทบูร ภาพโดยผู้เขียน พอเรามาถึงก็เดินชมชุมชน ถ่ายรูปตามสถานที่สวย ๆ และในขฯณะเดียวกันท้องก็เริ่มหิว ดูนาฬิกาก็ 11 โมงกว่าแล้ว ก็เลยต้องเเวะเติมพลังกันสักหน่อย ซึ่งร้านที่เราจะไปในวันนี้ถือเป็นร้านขึ้นชื่อของย่านนี้เลยก็ว่าได้ คือ ร้านบ้านจันดี ร้านนี้จะมีก๋วยเตี๋ยวเรือ และกระเพราปิ่นโตขาย ซึ่งถ้าใครมาแล้วไม่ได้ทานร้านนี้ถือว่าพลาดมากค่ะ ภาพโดยผู้เขียน ก๋วยเตี๋ยวก็เป็นชามเล็ก ๆ ชามละ 9 บาท มีทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ รสชาติอร่อยมากค่ะ สั่งทั้งทีต้องสั่งมาทีละหลาย ๆ ชามพื่อให้การทานจะัได้ไม่ขาดช่วงค่ะ ภาพโดยผู้เขียน บรรยากาศในร้านก็มีการจัดโต๊ะแบบไม้ 6 - 7 โต๊ะ มีโต๊ะที่อยู่ริมแม่น้ำด้วยค่ะ เป็นบรรยากาศของการทานก๋วยเตี๋ยวที่สดชื่นมาก ๆ ค่ะ ภาพโดยผู้เขียน ภาพโดยผู้เขียน หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวจนอิ่มแล้ว เดินออกจากร้านก็เเวะถ่ายรูปตามร้านค้าต่าง ๆ และเดินซื้อของฝาก โดยร้านขายของก็จะเป็นบ้านเรือนของชาวบ้านโดยลักษณะเป็นบ้านไม้แบบดั้งเดิม มีทั้งแบบชั้นเดียวและ 2 ชั้น โดยชาวบ้านก็จะนำขนม อาหาร ของใช้แบบท้องถิ่น มาตั้งขายบริเวณหน้าบ้านของตนเอง เราสามารถซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากได้เลยค่ะ ภาพโดยผู้เขียน เดินไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย ร้อน ๆ ก็อยากจะทานอะไรที่เย็น ๆ ผู้เขียนจึงแวะอุดหนุนไอศกรีมข้างทางซึ่งเป็นไอศกรีมหลอดแบบสมัยก่อน โดยการเอาน้ำหวานผสมน้ำ ใส่ลงในถังที่เป็นรู และเอาไม้ใส่เข้าไป โดยรอบถังจะมีน้ำเเข็งผสมเกลือใส่เอาไว้ จากนั้นก็ทำการหมุนถังก็จะทำให้น้ำหวานที่ใส่เข้าไปแข็งตัวเป็นไอศกรีมนั่นเองซึ่งถือว่าในปัจจุบันไม่ค่อยได้พบเห็นไอศกรีมแบบนี้กันนักค่ะ ภาพโดยผู้เขียน จากนั้นเราก็แวะพักเหนื่อยกันก่อนจะไปสถานที่ต่อไป โดยเเวะทานของหวานกันที่ร้านยินดีริมน้ำ ร้านนี้จะเป็นร้านกาแฟและเบเกอรี่ มีเมนูกาแฟ น้ำผลไม้ปั่น เมนูเค้ก เมนูขนมปัง รวมไปถึงมีอาหาร ฯลฯ ขายด้วยค่ะ รสชาติก็อร่อยใช้ได้ค่ะ ภาพโดยผู้เขียน สถานที่ต่อไป เราจะเดินทางไปที่ โบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาธอลิก ภายนอกโบสถ์มีการก่อสร้างในแบบของสถาปัตยกรรมตะวันตก มีลักษณะตามศิลปะแบบโกธิก ภาพโดยผู้เขียน ภายนอกโบสถ์จะมีการตกแต่งในโทนสีน้ำเงินเทาที่ดูสวยงามแปลกตา ภาพโดยผู้เขียน ส่วนภายในโบสถ์ก็ตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นภาพนักบุญต่างๆ โดยใช้โทนสีชมพูอ่อน ๆ ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลอบอุ่น นักท่องเที่ยวสามารถชมความงามและสามารถถ่ายรูปเก็บภาพประทับใจในคราวเดียวกันได้ การกำหนดเวลาในการเข้าชมโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล คือ เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.30 - 16.30 น. โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเข้าชมค่ะ หลังจากชมความงดงามและเก็บภาพบบรรยากาศของโบสถ์วัดแม่พระปฏิสนธินิรมล ก็ถึงเวลากลับ กทม. กันแล้วค่ะ เราจะเดินกลับมาที่คิวรถหรือถ้าอากาศร้อนก็อาจจะนั่งวินเมอร์เตอร์ไซค์เพื่อกลับมาที่คิวรถตู้ 9907 จังหวัดจัทรบุรี (ที่เดิม) เพื่อกลับ กทม. ก็ได้ค่ะ จบแล้วกับการเที่ยว จังหวัดจันทบุรีแบบ one day trip ในครั้งนี้ วันไหนเพื่อน ๆ ว่าง ๆ เบื่อ ๆ ก็ลองเที่ยวแบบนี้ดูสักครั้งนะคะ