ยอดเขาโต๊ะสาเฮะห์ในความทรงจำ ยอดเขาโต๊ะสาเฮะห์ คำนี้ได้ยินบ่อยมากในหมู่เพื่อน ทั้งในกลุ่มที่ได้ไปพิชิตแล้ว กลับมาเล่าถึงประสบการณ์การเดินทางต่าง ๆ นานาให้ฟังให้อิจฉาเล่น หรือแม้กระทั่งคนที่ยังไม่ได้ไปก็กำลังพูดถึงการเดินทางที่สนุกสนานตามที่จินตนาการไว้ เมื่อนานวันเข้าจากที่แค่ได้ยินผ่าน ๆ กลับกลายเป็นสนใจขึ้นมาจริง ๆ จนอยากจะไปพิชิตให้ได้สักครั้ง มันจะสนุกเหมือนที่คนเหล่านั้นเล่าให้ฟังจริงหรือเปล่า แล้วมันจะมีอะไรที่นอกเหนือจากที่เพื่อนเล่าอีกหรือเปล่า ดังนั้นการรวมตัวจึงเกิดขึ้น เพื่อเป้าหมายเดียวคือการพิชิตยอดเขาโต๊ะสาเฮะห์นั่นเอง ไปโลด!!!! พวกเราเดินทางจากตัวเมืองยะลาด้วยมอเตอร์ไซค์เพื่อความสะดวกที่สุด เดินทางไปยังตำบลลิดล อำเภอเมือง จังหวัดยะลา ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 14 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงที่หมาย โดยที่ซื้อตั๋วเพื่อไปพิชิตยอดเขาโต๊ะสาเฮะห์นั้นจะเป็นบริเวณมัสยิดในหมู่บ้าน พวกเราไปถึงในช่วงเย็นซึ่งรอไกด์ท้องถิ่นพาขึ้นไปในช่วงหลังมัฆริบหรือประมาณ 1 ทุ่มนั่นเอง เมื่อได้ตั๋วมาแล้วก็แค่รอเวลาเท่านั้น วันนี้พวกเราแบกเต๊นท์มาเอง พร้อมทั้งแบกเสบียงของกินทั้งน้ำดื่มพร้อม และเมื่อได้เวลาพวกเราก็เดินตามไกด์ต้อย ๆ ด้วยความที่มืดสนิท มีแค่แสงจากไฟฉายเล็ก ๆ เท่านั้นที่เป็นแสงสว่างของการเดินทางครั้งนี้ เส้นทางการเดินส่วนใหญ่จะเป็นทางเรียบ มีเนินเล็กน้อย และเป็นป่ายาง สิ่งที่อันตรายคือสัตว์มีพิษที่ต้องระวัง มีแวะพักบ้าง 2-3 ครั้ง ผ่านไป 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ แต่ก่อนจะถึงต้องฝ่าบันไดสิบกว่าขั้น เรียกว่าคลานบนบันไดกันเลย ได้ตระหนักถึงความจำเป็นของแสงสว่างในยามนี้นี่แหละ ในยามค่ำคืนกิจกรรมที่ต้องไม่พลาดคือการปิ้งย่างนั่นเอง แล้วก็คุ้มกับการแบกพามาขึ้นเขาตั้งไกล เมื่อเปลี่ยนบรรยากาศมากินที่นี่ ความอร่อยจึงเพิ่มมากขึ้น ยิ่งได้กินกับเพื่อนฝูงยิ่งเพลิดเพลิน กินไปสักพักก็เริ่มจะสัปหงกและเมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยทั้งของกินและที่นอนก็เข้านอนทันที ราตรีสวัสดิ์ วันถัดมา เช้าวันนี้ตื่นมาด้วยความสดใสและสดชื่นสุด ๆ ตื่นมารอแสงแรกของวัน ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นและรายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย เป็นการรอพระอาทิตย์ขึ้นอย่างมีความสุข ทั้ง ๆ ที่พระอาทิตย์ก็ขึ้นอยู่ทุกวัน แต่วันนี้แค่ใส่ใจให้มันกลับเพิ่มความสุขให้ตัวเราเองได้อย่างน่าประหลาดใจ และสักพักแสงแรกของวันก็ปรากฎขึ้น บอกไม่ถูกว่ารู้สึกดีขนาดไหน แต่ประทับใจสุด ๆ เมื่อเต็มอิ่มกับการดื่มด่ำความงามของแสงแรกและธรรมชาติแล้ว จากนั้นก็เป็นเวลาของการหามุมถ่ายรูปในอิริยาบถต่าง ๆ ให้ได้หลากหลายและให้ได้เยอะที่สุด เพราะโอกาสที่จะได้มาถึงตรงนี้ไม่ได้มีบ่อยนัก สักพักความหิวก็เริ่มประท้วงออกมา พวกเราจึงกลับไปที่จุดกางเต๊นท์เพื่อไปกินอาหารเช้ามื้อแรกของวัน เมื่อเติมพลังกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทางกลับกันแล้ว โดยขากลับน่าจะสนุกกว่าขามา เพราะมีแสงสว่างเต็มที่ ได้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ ได้อย่างชัดเจน ได้เห็นเส้นทางเดินที่เมื่อคืนไม่ทันได้สังเกต เพราะมัวพะวังกับความมืดและกลัวสัตว์มีพิษ และในตอนกลางวันสาย ๆ อย่างนี้คือโอกาสของพวกเรา ได้เวลาสำรวจป่ากันแล้ว !!! ช่วงแรก ๆ จะเป็นเนินสูง ๆ ให้ไถลลงอย่างตื่นเต้น พิสูจน์ความแข็งแกร่งของรองเท้าผ้าใบอย่างดี และได้ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาอย่างสนุกสนาน หากเจอเนินที่เป็นต้นไม้ดอกหญ้าก็จะรู้สึกชิลล์ ๆ ได้ แต่หากเจอกับเนินที่เป็นหินก็จะรู้สึกเสียว ๆ ขึ้นมาเล็กน้อย เดินสักพักเสื้อผ้าก็เปียกเหงื่อเหมือนอาบน้ำมาเรียบร้อย แต่ก็ไม่มีการแวะพัก ผ่านไปเกือบชั่วโมงกับการเดินทาง เหนื่อยหน่อยแต่มีความสุขมาก เพราะระหว่างทางมีเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา การได้ใช้เวลากับเพื่อนมันดีจริง ๆ สักพักเส้นทางการเดินจะเป็นต้นยางรอบ ๆ ระหว่างทางเจอทั้งชาวบ้านที่มาทำงานยามเช้านั่นคือกรีดยาง เจอนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มที่กำลังจะขึ้นไปยอดเขา ได้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเล็กน้อยแล้วอวยพรขอให้สนุกและไม่เหนื่อยมาก เนื่องจากพวกเราอยู่ขาลงจึงไม่เหนื่อยเท่าขาขึ้นเหมือนพวกเขาแน่นอน เดินมาเรื่อย ๆ ก็เจอกับทุ่งนากว้างใหญ่ บ่งบอกว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงที่หมายแล้ว แต่เมื่อรู้ว่าใกล้จะถึงจึงมีการขอหยุดพัก รู้สึกยังไม่อยากจบเลย ยังอยากเดินไปเรื่อย ๆ อีก แต่ถ้าจะให้เดินขึ้นยอดเขาอีกครั้งก็ไม่ไหวเหมือนกัน จึงพยายามยื้อเวลาด้วยการนั่งพักนาน ๆ เสบียงที่ยังเหลือก็เอามากินฆ่าเวลาให้หมดจนสุดท้ายก็ต้องไปกันต่อ ทุ่งนาที่นี่อุดมสมบูรณ์มาก มีปลามีปูนาว่ายไปมาผ่านหน้าผ่านตายั่วให้จับมาก แต่พวกเราก็ทำได้แค่ตื่นเต้นและแวะเล่นกับมันไม่นานก็เดินไปต่อ และงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา แม้จะมีความสุขแค่ไหน ประทับใจกับการเดินทางมากขนาดไหนก็ต้องมีวันจบการเดินทาง ครั้งนี้ก็เช่นกัน สิ่งที่ได้กลับไปไม่ได้มีแค่ประสบการณ์ของการเดินทางและความทรงจำดี ๆ เท่านั้น แต่พวกเรายังได้คำตอบกลับไปด้วยว่าทำไมผู้คนถึงชอบการเดินทาง ทำไมถึงอยากมาพิชิตยอดเขาแห่งนี้ บางครั้งคำตอบก็ไม่ได้อยู่ที่ปลายทางอย่างยอดเขาเสมอไป แต่อยู่ที่ระหว่างการเดินทางต่างหาก การได้ผ่านเวลาแห่งความเหนื่อยยากพร้อมกับเพื่อน ๆ มันช่างวิเศษในความรู้สึกเสียจริง แม้จะเหนื่อย แต่กลับมีเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนกันตลอดทางโดยไม่มีเบื่อ แม้วันนี้จะห่างกันไกล แต่ความรู้สึกในวันนั้นยังแจ่มชัดในดวงใจ ไปค่ะ! ออกไปเดินทางกัน!!!!