รีเซต

ประวัติ จังหวัดตราด ที่เที่ยวทะเล เมืองเกาะครึ่งร้อย แห่ง ภาคตะวันออก

ประวัติ จังหวัดตราด ที่เที่ยวทะเล เมืองเกาะครึ่งร้อย แห่ง ภาคตะวันออก
nukkpidet
15 สิงหาคม 2564 ( 13:33 )
10.3K

     มาถึงจังหวัดใน ภาคตะวันออก เมืองเกาะครึ่งร้อย ที่เที่ยวทะเลสวยๆ อย่าง จังหวัดตราด กันบ้างค่ะ อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูกันมากเท่าไหร สำหรับ ประวัติความเป็นจังหวัดตราด นี้ วันนี้ก็เลยจะพาทุกคนมารู้ประวัติเจาะลึกของจังหวัดนี้กันค่ะ 

 

 

ประวัติความเป็นมา จังหวัดตราด ที่เที่ยวทะเล ยอดฮิตของไทย

 

ที่มาของ จังหวัดตราด

     จังหวัดตราด นั้น ไม่ได้มีหลักฐานปรากฏที่แน่ชัดว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไรตั้งแต่ในอดีต แต่ก็ความเชื่อว่ากันว่าคำว่า “ตราด” น่าจะเพี้ยนมาจากคำว่า “กราด” อีกที ซึ่งเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในการทำไม้กวาดในสมัยกรุงศรีอยุธยานั่นเองค่ะ และในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชนั้น “ตราด” ยังมีชื่อเดิมเรียกว่า “บ้านบางพระ” อีกด้วย โดยมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นเมืองหน้าด่านชายทะเล ที่ไว้รักษาความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศนั่นเองค่ะ

 

 

การเสียดินแดน ตราด ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5

     จนมาถึงช่วงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยานั้น ประมาณปี พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงรวบรวมไพร่พลและเรือสำเภาต่างๆ เพื่อไปขับไล่เมียนมา และกอบกู้เอกราชคืนสู่ชาติไทย แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2446 ในรัฐสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงทำสนธิสัญญากับชาวฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 13 ภุมภาพันธ์ พ.ศ. 2446 (ร.ศ.122) ซึ่งก็ทำให้ไทยต้องยกดินแดน จังหวัดตราด และเกาะต่างๆ ตั้งแต่อำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ไปจนถึงเกาะกูด และเมืองปัจจันตคีรีเขต หรือ เกาะกง ให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนให้ฝรั่งเศสถอนกองทหารไปจากจันทบุรีค่ะ

 

     จนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2449 ในหลวงรัชกาลที่ 5 นั้น ก็ทรงยอมยกดินแดน พระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ ให้กับฝรั่งเศส เพื่อเป็นการแลกเอาเมืองตราดและเกาะต่างๆ กับเมืองด่านซ้ายฝั่งขวาของแม่น้ำโขงคืนมา ชาวตราด ก็เลยได้ถือเอาวันที่ 23 มีนาคม ของทุกปีนั้น เป็น วันเอกราชของจังหวัดตราด และได้มีการจัดงาน “วันตราดรำลึก” ขึ้นมา เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของ ในหลวงรัชกาลที่ 5 ที่ทรงรักษาเมืองตราดเอาไว้ให้คงอยู่นั่นเองค่ะ

 

 

จังหวัดตราด ในช่วง สมัยสงครามอินโดจีน

     พอมาในช่วง สงครามอินโดจีน ฝรั่งเศสก็พยายามเข้ายึด เมืองตราด อีกครั้ง โดยการส่งกองเรือรบล่วงล้ำน่านน้ำทะเลตราดบริเวณเกาะช้าง กองเรือรบราชนาวีไทยก็เลยทำการเข้าต่อสู้ขัดขวาง จนสามารถขับไล่ข้าศึกให้ถอยไปได้ แต่ก็ต้องสูญเสียเรือรบหลวงไปกว่า 3 ลำ คือ เรือรบหลวงสงขลา เรือรบหลวงชลบุรี และเรือรบหลวงธนบุรี รวมทั้งทหารอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ถือว่าเป็นวีรกรรมของทหารเรือไทยที่รู้จักกันในชื่อของ "ยุทธนาวีเกาะช้าง" นั่นเองค่ะ

 

ที่เที่ยวภาคตะวันออก ตราด

kwanchai / Shutterstock.com

 

ตราประจำจังหวัดตราด

     ตราประจำจังหวัดตราด นั้น ก็คือ รูปเกาะช้าง ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดนั่นเองค่ะ โดยด้านหน้าของรูปเกาะช้าง จะมีโป๊ะและเรือใบ ที่มีความหมายว่า ตามท้องทะเลรอบๆ เกาะช้างนั้น เป็นแหล่งการประมงนั่นเองค่ะ เพราะมีการทำโป๊ะ จับปลาอยู่มากมาย ส่วนเรือใบ ก็หมายถึงว่าในสมัยก่อนกรุงธนบุรีนั้น มีการใช้เรือใบติดต่อกับจังหวัดข้างเคียงและต่างประเทศนั่นเองค่ะ ซึ่งเมื่อก่อนนั้นจังหวัดตราดก็เคยใช้ ตราประจำจังหวัดเป็นรูปเรือรบหลวงตราดเหมือนกันค่ะ

 

kwanchai / Shutterstock.com

 

คำขวัญจังหวัดตราด

     “ เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา ”

      อย่างที่ทราบกันดีว่า จังหวัดตราด นั้นเป็นจังหวัดที่เกาะแก่งมากมาย รวมแล้วกว่า 52 เกาะเลยทีเดียวค่ะ โดยมีเกาะที่สำคัญอย่าง เกาะช้าง ที่คงจะไม่มีใครไม่รู้จัก และตราด ยังเป็นแหล่งของ พลอยแดง น้ำงามที่มีชื่อเสียงโด่งดัง นั่นก็คือ ทับทิมสยาม นี่เอง แต่ปัจจุบันแร่พลอยเริ่มหมดไปแล้ว ทับทิมสยามเลยกลายเป็นสิ่งที่หายาก ในปัจจุบันมากๆ มาถึงผลไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดของตราดกัน อย่าง ระกำหวาน กันบ้าง โดยจะเป็นระกำที่มีรสชาดหวานหอมอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมี สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน รวมทั้งมีเหตุการณ์ที่สำคัญกับประวัติศาสตร์ของตราด อย่าง ยุทธนาวีเกาะช้าง อีกด้วยค่ะ

 

 

สถานที่ท่องเที่ยวใน จังหวัดตราด

     ถ้าพูดถึง จังหวัดตราด ก็คงจะหนีไม่พ้นเกาะแก่ง ทะเลสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก เกาะกระดาด เป็นต้น แต่ก็ยังมี วัดสวยๆ ที่ควรค่าแก่การไปไหว้สักการะ อย่าง วัดท่าโสม วัดสลักเพชร วัดโยธานิมิต และมี Unseen ธรรมชาติสวยๆ กับ หาดทรายดำ ลานตะบูน เป็นต้นด้วยค่ะ 

 

 

อ้างอิง http://www.trat.go.th/ , http://www.oic.go.th/ 

 

ตามติดเทรนด์เที่ยว อัพเดทที่พักสวย
แชร์ทริปสุดชิล โพสต์ภาพสุดปัง ของคุณได้แล้วที่ แอปทรูไอดี
คลิกเลย >> TrueID Travel Community <<