… การเดินทางเริ่มต้นขึ้นประมาณ 8 โมงกว่าๆพี่ขับรถไปส่งขึ้นรถตู้แถวห้างฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต จัดการซื้อตั๋วรถตู้จากกรุงเทพไปกาญจนบุรีราคา 130 บาท รถตู้ออกประมาณ 9.00 น. (ตอนนั้นในใจก็แอบหวั่นๆๆกลัวๆๆนี่เป็นการออกเดินทางเที่ยวคนเดียวครั้งแรกที่ไม่รู้ว่าปลายทางจะเจอกับอะไรบ้าง แต่เมื่อตัดสินใจจะไปแล้วก็ต้องไม่กลัว ต้องก้าวผ่านความกลัวนั้นให้ได้ บอกกับตัวเองเอาก็เอาลองดูสักตั้ง) ตอนนั่งบนรถตู้ดูวิวข้างทางตลอดไม่หลับจนถึงเมืองกาญฯ คนขับก็ถามว่าจะไปลงที่ไหนบอกไปว่าจะไปเที่ยวที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว พี่เค้าบอกว่างั้นลงตรงนี้แล้วนั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างต่อไปเองนะน้อง (ลงรถแบบงงๆๆแล้วจะไปไหนต่อละคราวนี้) ถามคนแถวนั้นว่าจะไปสะพานข้ามแม่น้ำแควไปยังไง พี่เค้าก็ชี้ไปที่คิวมอเตอร์ไซด์รับจ้างแล้วบอกว่านั่งมอเตอร์ไซด์ต่อไปเลยน้องแล้วบอกเค้าว่าจะไปลงที่ไหนเดี๋ยวเค้าไปส่งเองแหละ เมื่อถึงที่พักก็จ่ายค่าห้อง ห้องพักเป็นแบบแพไม้ริมน้ำบรรยากาศดีอยู่มองเห็นรถไฟที่สะพานข้ามแม่น้ำแควด้วย เมื่อนำของเข้าที่พัก กินข้าวที่ซื้อมาเสร็จแล้ว ได้เวลาถ่ายรูป ทริปนี้ภาพที่ได้ที่มีตัวเองอยู่ในภาพได้จากการใช้ขาตั้งกล้องและตั้งเวลาถ่ายรูปเองล้วนๆๆ แบบว่าใช้งานขาตั้งกล้องที่พามาได้คุ้มค่าสุดๆๆ เมื่อถ่ายรูปในที่พักเสร็จก็เดินออกไปที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว เพื่อถ่ายรูปและนั่งรถไฟเล่นไป-กลับไม่ไกลจากสะพานข้ามแม่น้ำแควมากนักซื้อตั๋วเที่ยวละ 20 บาท เดินเที่ยว ถ่ายรูปบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำแคว จนเริ่มล้าจึงเดินกลับที่พักระหว่างทางจะผ่านหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามจึงแวะถ่ายรูปก่อน โดยต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการเข้าชม 40 บาท …วันที่ 2 การเดินทางเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง จุดหมายปลายทางอยู่ที่ทางรถไฟสายมรณะและถ้ำกระแซ… เช้าวันที่ 2 เมื่อกินมื้อเช้าเสร็จก็ออกมานั่งรอรถไฟฟรีตั้งแต่ 9 โมง ที่สถานีสะพานแควใหญ่ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำแคว กว่ารถไฟจะมาก็เกือบ 11 โมงแล้ว (เข้าใจแล้วทำไมผู้คนถึงไม่ชอบเดินทางโดยรถไฟฟรีเพราะสายเสมอต้นเสมอปลายจริงๆๆ แต่ก็เอาเถอะเพื่อแลกกับการได้ชมธรรมชาติข้างทางมันก็คุ้มค่าสำหรับการรอคอย) ก่อนถึงทางรถไฟสายมรณะและถ้ำกระแซจะผ่านที่พักริมน้ำที่อยู่ใกล้ๆกับสวนไทรโยค รถไฟจะจอดบริเวณนี้ซึ่งมีป้ายเขียนว่าถ้ำกระแซ (อย่าเพิ่งลงนะเพราะยังไม่ถึงจุดหมายของเรา ตอนแรกก็เกือบไปแล้วชั่งใจอยู่นานต้องลงตรงนี้หรือเปล่าว่ะหรือว่ายังไง เลยถามคนที่นั่งข้างหน้าว่าถ้าจะไปทางรถไฟสายมรณะและถ้ำกระแซต้องลงตรงนี้หรือเปล่าค่ะ พี่เค้าบอกนั่งไปลงป้ายหน้านะน้อง เกือบไปแล้วเกือบจะต้องเดินหลายกิโลเพื่อไปยังทางรถไฟสายมรณะและถ้ำกระแซเสียแล้ว) เมื่อรถไฟออกตัวเดินทางไปยังป้ายหน้าจุดหมายที่รอคอยมาถึงแล้ว คนบนรถไฟต่างชูกล้องเพื่อเก็บภาพทางรถไฟสายมรณะเส้นนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเรียกทางรถไฟสายมรณะเพราะกว่าจะได้มาซึ่งทางรถไฟเส้นนี้ไม่ง่ายเลยทีเดียว … การเดินทางครั้งนี้ทำให้ได้เรียนรู้หลายๆๆอย่าง เรียนรู้การใช้ชีวิตคนเดียว (มันทำให้เราได้รู้ว่าบางครั้งคนเราไม่จำเป็นต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลาต้องหัดใช้ชีวิตเองบ้างภูมิคุ้มกันชีวิตจะได้แข็งแกร่ง) เรียนรู้การออกไปเผชิญโลกกว้าง (ก้าวผ่านความกลัว ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วมันจะทำให้ครั้งต่อไปเรามีความกล้ามากกว่าความกลัว) อยากให้ทุกคนได้ลองทำดูสักครั้งในชีวิตจะรู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าดี...