“แวะไปดูบึงบัวกันก่อนนะ แล้วค่อยไปต่อ” แว้บแรกที่ได้ยินประโยคนี้ ถึงกับงงว่าทำไมเราต้องไปดูบึงบัวด้วย แล้วมาดูตอนบ่ายสองนี่นะ ร้อนแน่ๆ ในใจก็คิดหาคำตอบไปนานาและยังไม่ทันที่จะได้หาคำตอบ รถก็เข้ามาถึงหน้าอุทยานแล้ว ลงจากรถภาพที่เห็นคือ ขวามือเป็นภูเขาสีเขียวลูกน้อยใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเข้าสู่บึงบัวที่กว้างขวางสุดลูกหูลูกตา สายตามองไล่ขึ้นไปบนท้องฟ้า ผืนฟ้าแผ่กว้างอยู่ด้านหลังหมอกจาง ใครกันช่างบรรจงระบายท้องฟ้าได้สวยขนาดนี้ยากเกินกว่าที่ศิลปินคนใดจะลอกเลียนแบบออกมาให้ดูสวยและสื่ออารมณ์ได้อย่างลงตัว ความสงสัยที่มีมาเมื่อครู่เริ่มคลายหายไปพร้อมกับสองเท้าที่ก้าวเดินไปตามสะพานไม้ ทางเดินบนสะพานไม้กว้างพอแค่ให้คนเดินสวนกันได้เท่านั้น ผู้คนที่แวะเข้ามาที่นี่ต่างดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้าอย่างเต็มที่ ไร้แสงแดดยามบ่ายเหมือนภูเขาดึงเมฆมาบังแดดให้ผู้คนได้เดินชมทิวทัศน์กันได้อย่างอิ่มเอม ก้มมองลงน้ำที่อยู่ใต้ทางเดิน ดอกบัวกระจายอยู่ทั่วผืนน้ำ น้ำใสเห็นกลุ่มปลาแหวกว่ายยิ่งทำให้เพลิดเพลินกับบรรยากาศตรงหน้า ธรรมชาติช่างสรรสร้าง จัดแต่งองค์ประกอบได้อย่างลงตัว…“ทำไมเราต้องแวะดูบึงบัว” ได้รับการตอบแล้วด้วยความรู้สึกเต็มอิ่ม พร้อมด้วยความสวยงามของธรรมชาติที่ปรากฏตรงหน้า เผลอแป็บเดียวเราใช้เวลาซึมซับบรรยากาศที่นี่มาประมาณ 2 ชั่วโมง ได้ถ่ายรูป เดินเล่นชิวๆ สูดอากาศบริสุทธิ์จนเต็มอิ่ม ฟังเสียงนกร้องแล้วปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนพอใจแล้ว รู้สึกตัวอีกทีถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางไปสู่จุดหมายของเราต่อไป ระหว่างทางที่มุ่งหน้าไปสู่จุดหมายต่อไป เปิดภาพถ่ายวิวทิวทัศน์ที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในโทรศัพท์ความรู้สึกยังคงชัดเจนอยู่ในใจ คิดดูแล้วบางทีไปเที่ยวโดยที่เราไม่ต้องคาดหวังกับสิ่งที่จะได้เจอ ก็ทำให้เราได้รู้สึกตื่นเต้น แปลกใหม่ ได้ออกไปค้นหา ไปสัมผัสความจริงด้วยตัวเอง สร้างประสบการณ์ในแบบของเราที่ไม่ซ้ำรอยใคร ก็ดีไม่ใช่น้อย หมายเหตุ ภาพทั้งหมดถ่ายโดยนักเขียน