มณฑลฝูเจี้ยน (福建) เป็นมณฑลชายฝั่งทะเล ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ฝั่งตะวันออกของสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบด้วย 9 เมือง ได้แก่ ฝูโจว เซียะเหมิน ฉวนโจว จางโจว ซานหมิง ผูเถียน หนานผิง หลงเอี้ยน และหนิงเต๋อ โดยมีเมืองฝูโจวเป็นเมืองหลวง ชื่อของมณฑลฝูเจี้ยนอาจไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยมากนัก แต่หากพูดถึง "มณฑลฮกเกี้ยน" แล้วนั้น คงเป็นที่คุ้นหูของชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทยไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งมณฑลฝูเจี้ยน หรือมณฑลฮกเกี้ยนแห่งนี้อาจจะไม่ใช่จุดหมายปลายทางของนักเดินทางเหมือนอย่างเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง หรือฮาร์บิ้น ที่เป็นที่รู้จักและจุดหมายปลายทางของนักเดินทางหลาย ๆ คน แต่มณฑลฝูเจี้ยนแห่งนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว และบางแห่งก็ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก จึงอยากแนะนำนักเดินทางไปร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ที่คุณอาจจะยังไม่เคยได้สัมผัสจากเมืองอื่น ๆ ของจีน เมืองฝูโจว (Fuzhou) เมืองฝูโจว เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของมณฑลฝูเจี้ยน และเป็นเมืองหลวงของมณฑล ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของของมณฑล โดยสถานที่ที่อยากแนะนำเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรม ได้รับรางวัลอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิคแห่งองค์การยูเนสโกใน ปี ค.ศ. 2015 และเป็นสถานที่ที่จีนจัดอันดับว่ามีชื่อเสียงระดับ 5A ซึ่งเป็นระดับสูงสุดอีกด้วย โดยสถานที่แห่งนี้รู้จักกันในชื่อ "ถนน 3 ตรอก 7 ซอย (三坊七巷 :Sanfang Qixiang) ปัจจุบันมีสิ่งก่อสร้างโบราณกว่า 200 แห่ง ทำให้รู้สึกเหมือนย้อนไปอยู่ในยุคจีนโบราณ บ้านบางหลังเป็นบ้านของบุคคลผู้มีชื่อเสียงของจีนหลายท่าน ซึ่งส่วนใหญ่เปิดให้เข้าชมฟรีเพื่อเรียนรู้วัฒนธรรม และข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณ โดยถนนแต่ละตรอกแต่ละซอยสามารถเดินเชื่อมถึงกันได้ทั้งหมด ตลอด 2 ข้างทางของถนนสายหลักเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก เครื่องใช้ ขนม และอาหารพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงและรสชาติอร่อยมาก และที่พลาดไม่ได้เลยอยากให้ลองชิมลูกชิ้นปลาร้านหย่งเหอ แป้งเกี๊ยวทำจากปลา ข้างในเป็นไส้หมูสับ กลิ่นหอมชวนรับประทาน ถ้าหากหาร้านไม่เจอให้สังเกตหน้าร้านที่มีคนมุงกันเยอะๆ เดินตรงเข้าไปได้เลยค่ะ แต่ถ้าจะนั่งทานในร้านอาจต้องรอคิวนานสักหน่อย เพราะโต๊ะไม่เคยว่างเลยค่ะ คนแน่นมาก ถ้าซื้อแล้วทานนอกร้านก็ไม่มีปัญหาคอยไม่นานเลย บรรยากาศเหมือนย้อนกลับไปอยู่ในหมู่บ้านโบราณเลยค่ะ ที่นี่ยังมีการอนุรักษ์บ้านโบราณเอาไว้ไม่ให้ทำการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมภายนอก เดินชมสถาปัตยกรรมโบราณไปเรื่อย ๆ ก็สะดุดตากับร้านกาแฟสมัยใหม่ชื่อดังอย่าง Starbucks Coffee ซึ่งมีความสวยงามกลมกลืนกับความโบราณของบ้านเรือนรอบข้างได้อย่างลงตัวเลย เมืองเซียะเหมิน (Xiamen) เมืองเซียะเหมิน หรือที่รู้จักกันในชื่ออามอย (Amoy) เป็น 1 ในเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีน ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของมณฑลฝูเจี้ยน รองจากเมืองฝูโจว มีพื้นที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ พื้นที่บนเกาะ และพื้นที่บนจีนแผ่นดินใหญ่ โดยพื้นที่บนเกาะเป็นศูนย์กลางการค้าและการเมือง ซึ่งมีความเจริญเป็นอย่างมากและเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเซียะเหมินที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจีน ส่วนพื้นที่บนจีนแผ่นดินใหญ่จะเป็นเขตอุตสาหกรรม หากใครแวะเวียนมาที่เมืองเซียะเหมินจะต้องนั่งเรือข้ามไปยังเกาะเปียโน เพราะหากไม่ได้ไปเกาะเปียโนจะถือว่ายังมาไม่ถึงเมืองเซียะเหมินเลยก็ว่าได้ ดังนั้น สถานที่แนะนำของเมืองเซียเหมิน ก็คือ "เกาะเปียโน หรือ เกาะกู่ลั่งอวี่ (Gulangyu Island)" ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 2012 เกาะเปียโนแห่งนี้มีพื้นที่ขนาด 1.88 ตร.กม. ไม่อนุญาตให้ใช้รถยนต์ ดังนั้น การท่องเที่ยวบนเกาะเปียโนแห่งนี้คือ การเดินชมธรรมชาติที่สวยงาม และความหลากหลายของสถาปัตยกรรมหลายยุคหลายสมัย เกาะเปียโนเคยถูกครอบครองจากญี่ปุ่นและชาติตะวันตกนับสิบประเทศ ทำให้สิ่งปลูกสร้างบนเกาะเปียโนมีสถาปัตยกรรมที่หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก โดยเฉพาะสไตล์ในยุควิคตอเรีย สำหรับจุดท่องเที่ยวบนเกาะเปียโนที่เป็นที่นิยม คือ จุดชมวิวบน Sun Rock ซึ่งเราสามารถมองเห็นทัศนียภาพความสวยงามของเกาะเปียโนได้แบบ 360 องศา และจะมองเห็นไปถึงฝั่งเกาะเซียะเหมินด้วยค่ะ แต่กว่าจะขึ้นไปถึงยอดบนสุดของ Sun Rock ก็ต้องไต่บันไดหลายขั้นเลยทีเดียว แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยมาก ๆ วิวดี ลมพัดเย็นสบาย ยิ่งถ้าได้เห็นพระอาทิตย์ตก บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ เลยล่ะค่ะ นั่งชมวิวรับลมกันเพลินๆ พระจันทร์มาทักทายแล้ว เห็นทีต้องกลับแล้วล่ะค่ะ เมืองต่างๆ ของมณฑลฝูเจี้ยนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย ถ้าอยากลองสัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ยังไม่ค่อยมีใครสนิทมากนักกับมณฑลแห่งนี้ ขอแนะนำเมืองฝูโจว และเมืองเซียะเหมิน ให้นักเดินทางได้ลองไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ความประทับใจ สะสมไว้เป็นความทรงจำกันนะคะ ภาพถ่ายโดย ChibiJibiar