เราเริ่มออกเดินทางประมาณตีห้าจากกรุงเทพสู่จังหวัดอุทัยธานี ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วพักทานอาหารเช้าเป็นข้าวไข่เจียวที่บ้านไร่ปลายนา ร้านอาหารสไตล์ธรรมชาติที่อยู่ท่ามกลางทุ่งนา ข้าวเช้าของเราวันนี้คือไข่เจียวราดข้าวผสมดอกอัญชัน และน้ำอัญชันโซดา สำหรับคนเมืองที่ต้องการพักผ่อนโดยการกลับมาอยู่กับธรรมชาติ ผมคิดว่าที่นี่เป็นสถานที่หนึ่งที่ตอบโจทย์เลยทีเดียว (แม้จะอยู่กลางไร่นาแต่อินเตอร์เน็ตมือถือใช้ได้ไม่มีปัญหาครับ) จากนั้นเราได้เดินทางไปยังเขาลูกโล่ ตำบลบ้านใหม่คลองเคียน อำเภอบ้านไร่ แหล่งชมวิวธรรมชาติที่เพิ่งเปิดได้ประมาณ 2 ปีที่แล้ว แม้อากาศจะร้อนมากในช่วงนี้ แต่เราก็เดินขึ้นไปถึงยอดเขาในเวลาไม่นาน เพื่อสัมผัสกับทิวทัศน์โดยรอบ วันนี้ฟ้าใสมากมองเห็นก้อนเมฆสีขาวตัดกับท้องฟ้าสวยมากเลยครับ มองลงไปข้างล่างจะเห็นพื้นที่ทำไร่นาใกล้กับภูเขา ส่วนบ้านคนอยู่ถัดออกไป เส้นทางในการขึ้นเขาถือว่าอันตรายเหมือนกันนะครับ หลายช่วงของการขึ้นเขาที่ต้องอาศัยการจับเชือกหรือไม้ที่เจ้าหน้าที่ขึงไว้ ถ้ามีเด็กเล็กมาด้วยผู้ปกครองต้องระวังเป็นพิเศษครับ หลังลงจากเขา เราเดินทางไปยังฝายกั้นน้ำปางสวรรค์ ตั้งอยู่ที่บ้านปางสวรรค์ ตำบลคอกควาย อำเภอบ้านไร่ น้ำไหลเย็นเหมือนน้ำตกจากฝายเล็กๆนี้ ช่วยคลายความร้อนจากการเดินขึ้นเขาไปได้เยอะเลยทีเดียว เวลาเราลงมาเดินในฝายด้านล่างความเย็นของน้ำในฝายทำให้รู้สึกเย็นขึ้นเยอะเลยครับ หลังจากพักผ่อนจนหายเหนื่อยแล้ว เราเดินทางไปต่อที่วัดสังกัสรัตนคีรี (วัดเขาสะแกกรัง) ซึ่งต้องเดินขึ้นบันได 449 ขั้น หากมาจากทางหน้าวัด แต่ถ้ามาทางหลังวัดเราสามารถขึ้นรถมาได้เลยครับ จากวัดเราสามารถเดินทางขึ้นเขาไปอีกไม่ไกลเพื่อชมบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกดินที่หมุดโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในสามหมุดของทวีปเอเชีย อีกสองที่อยู่ที่อินเดียและเวียดนาม เราเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพช่วงดึก ถือเป็น one day trip สำหรับคนที่ชอบภูเขา และการท่องเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติที่ดีครึ่งนึงเลยครับ เครดิตภาพหน้าปกและภาพประกอบโดยผู้เขียน