การท่องเที่ยวผ่านแสงบลูไลค์ทุกมื้อค่ำเป็นจุดเริ่มต้นให้เราปักหมุดมาที่นี่ "เกาะลิบง" จังหวัดตรังความจริงเรารู้จักที่นี่มาพร้อม ๆ กับบ้านเกิดเราก็ว่าได้ เพราะทวดเราเป็นคนที่นี่ แต่เราไม่เคยมาเยือนบ้านเกิดของทวดเราสักที จนวันนี้วิถีชีวิตของผู้คน อาหาร และธรรมชาติที่บอกเล่าผ่านมุมมองของเพจ กอมอนอ หรือพี่อาย กมลเนตร ทำให้เราต้องสัมผัสด้วยตัวเราเองเราจะมาแชร์ทริปแบบสบาย ๆ ชิล ๆ สายทะเลบำบัดตามประสาคนบ้างานนะ เผื่อมีคนที่บ้างานหรือรู้สึกหมด Passion และต้องการมาฟังเสียงคลื่นและดู sunset ฮีลใจจะได้มีแนวทางออกแบบทริปกัน สำหรับเราแพลนไว้แค่ 2 วัน 1 คืน ช่วงเมษาหน้าร้อนนี่ล่ะถ้าพร้อมแล้ว....ก็ไปกันเล้ย....!!เริ่มต้นการเดินทางกันที่สถานีรถไฟตรังแนะนำให้ใช้บริการคุณลุงวินมอเตอร์ไซค์หน้าสถานีรถไฟให้มาส่งที่บขส.ใหม่ ราคาเพียง 30 บาท จากนั้นมองหาคิวรถตู้ ตรัง - ท่าเรือหาดยาว รอจนคนครบก็ออกเดินทางได้ รถเคลื่อนตัวออกจากเมืองตรังมุ่งสู่อำเภอกันตัง มายังท่าเรือหาดยาว ใช้เวลา 50 นาที ราคาเพียง 100 บาท (หากมีคนก็คงจะถูกกว่านี้ เรามีแค่ 3 คน) และอย่าลืมดีลกับคุณน้ารถตู้เพื่อนัดหมายเวลากลับเข้าเมืองกันด้วยล่ะ หากมีผู้โดยสารเขาจะรอ เพราะรถโดยสารรอบบ่ายมีเพียงรอบเดียวเท่านั้น แต่คุณไม่ต้องกังวลไปนะ เพราะเจ้าของโฮมสเตย์บอกว่าหากไม่มีรถจริง ๆ สามารถใช้บริการรถของโฮมสเตย์ได้ มีหลายเจ้าที่มีบริการรับ - ส่งถึงสนามบินหรือสถานีรถไฟเลย สำหรับเราอยากปล่อยชีวิตไหล ๆ ไปกับการเที่ยวที่ไม่มีแผนอะไรมากนักก็ขอดีลคุณน้าคนเดิมเมื่อมาถึงท่าเรือหาดยาวให้เดินมาซื้อตั๋วก่อนทางลงเรือ จะมีจ๊ะ (พี่สาว) นั่งขายตั๋วและเรียกผู้โดยสารขึ้นเรือ ราคาเพียง 50 บาท เรานั่งเรือหางยาวขนาดบรรจุได้ 15 คน ในเรือโดยสารแทบไม่มีคนในท้องที่เลย สั่งเกตได้จากภาษาพูด และกล้องถ่ายรูปที่พวกเขายกขึ้นมาบันทึกภาพเป็นระยะ ๆ บ่งบอกว่าพวกเขาก็ตื่นตาตื่นใจกับวิวทะเลที่โล่งสุดลูกหูลูกตา อีกทั้งสันหลังมังกรที่เวลานี้คงเป็นเวลาที่มันจะโผล่ขึ้นเหนือน้ำทะเลเพื่ออวดสันทรายขาวยาวอยู่กลางทะเล ดูคล้ายสันหลังของมังกรจริง ๆ เกาะลิบงตั้งอยู่ห่างจากฝั่งพอสมควร ท้องทะเลมีสีฟ้าครามสะกดสายตาเอามาก ๆผ่านมาเพียง 20 นาทีเราก็เห็นท่าเทียบเรือบ้านพร้าว บริเวณชายฝั่งมีแนวป่าโกงกางเป็นแนวกำบังคลื่นลมทำให้เกิดภูมิทัศน์ที่เย็นตา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมน้องพะยูนยังสามารถอยู่ที่นี่ได้เมื่อขึ้นจากเรือก็มีรถซาเล้งพ่วงข้างเรียงรายเป็นแถวเพื่อรอรับนักท่องเที่ยว แต่สำหรับเราไม่ต้องกังวลเรื่องรถเพราะเราเลือกพักกับ "สองนารีโฮมสเตย์" เป็นโฮมสเตย์ที่ดูแลดีมากเจ้าของโฮมสเตย์มารอรับอยู่แล้ว เรารู้จักที่นี่เพราะได้ดูรีวิวจากช่อ "กอมอนอ" ก็ได้เห็นความเป็นมาของโฮมสเตย์ที่เริ่มมาจากความตั้งใจของลูกสาวคนโตที่พยายามทำให้กิจการบริการท่องเที่ยวเล็ก ๆ ของป๊ะ (พ่อ) มีชื่อเสียง และขยายมาเป็นโฮมสเตย์มาเรื่อย ๆ จนได้ติดต่อไปชวน "พี่อาย กอมอนอ" จนกลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่ทำให้โฮมสเตย์หลังนี้เป็นที่น่าสนใจ เราชอบในความมุ่งมั่นและทุ่มเลของ "มีนา" ลูกสาวคนโต และอยากจะไปรู้จักเธอสักครั้ง แต่โชคชะตาก็ทำให้เราได้รับการดูแลจากน้องสาวของเธอเพราะช่วงนั้นเธอกำลังฝึกงาน "ดาหลา" ทำหน้าที่โฮสต์ที่ดีมาก ๆ ทั้งพาเที่ยว อำนวยความสะดวก และที่สำคัญเราซื้อแพคเกจอาหาร 2 มื้อ ได้มีโอกาสชิมห่อหมกทะเลฝีมือดาหลาด้วย อร่อยเหาะไปเลย นอกจากนี้ ป๊ะ (พ่อ) มะ (แม่) มะแก่ (ยาย) ก็เป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่คอยดูแลหลาน ๆ อีกแรง ทำให้ความรู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวบ้านญาติเลย เราสามารถเพิ่มแพ็กเกจอาหาร ทริปนั่งรถซาเล้งชมรอบเกาะ ทริปเกาะต่าง ๆ หรือตกหมึกก็แจ้งน้อง ๆ ได้เลยเย็นวันแรกเราขอเพิ่มพลังที่ร้าน จ๊ะไหนซีฟู้ด ซึ่งเป็นร้านดังและมีสาขาในเมืองตรังด้วย วันนี้จึงถือโอกาสไปลิ้มรสฝีมือจ๊ะไหนต้นตำรับกันหน่อย และก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ เรามาคนเดียวจึงสั่งอาหารจานเดียวเป็นข้าวราดผัดพริกแกงกุ้ง เป็นเมนูโปรดของเรา ถือว่าฝีมือเลิศมาก เครื่องแกงหอมและจัดจ้านสไตล์ใต้จริง ๆ กุ้งก็เด้งสู้ฟันราวกับเพิ่งขึ้นจากทะเลแล้วกระโดดลงกระทะเลย แต่หากใครมากันหลายคนก็สามารถสั่งกับข้าวได้นะ เราแอบสำรวจเมนูมาก็พบว่ามีเมนูเด่น ๆ เช่น ซาซิมิหอยสังข์ยักษ์ ปลาเห็ดโคนทอดขมิ้น ชุดทะเลปิ้งย่าง หอยหลอดผัดฉ่า หมึกผัดดำ ฯลฯ และนอกจากอาหารที่สดอร่อยแล้วร้านจ๊ะไหนซีฟู้ดยังติดทะเล ซึ่งสามารถชมวิวขณะรับประทานอาหารมื้ออร่อยไปด้วยได้เลย เอ้อ! พูดถึงเรื่องอาหารการกิน เราขอบอกก่อนนะว่าที่นี่เป็นชุมชนมุสลิม ดังนั้นจะเป็นเขตปลอดแอลกอฮอล์นะหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วเราก็หาซื้อรองเท้าแตะ ปรากฏว่าเราก็ได้ไปพบกับรุ่นพี่สมัยประถมเป็นเจ้าของร้านและยังเป็าเจ้าของโฮมสเตย์ชื่อสโรชาสไตล์เล โฮมสเตย์เกาะลิบง เราก็ไปแวะรียูเนียนกันพักหนึ่ง ก็ได้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวเกาะลิบงมากขึ้น และเราเองก็เป็นชาวเกาะเหมือนกันก็รู้สึกสนุกกับข้อมูลใหม่ที่ได้เรียนรู้จากรุ่นพี่ เพราะวิถีชีวิต คติบางอย่างคล้ายคลึงกับบ้านเรามาก ๆ ก่อนจากกันเราก็ได้เที่ยวชมโฮมสเตย์ของพี่สโรชา และให้คำมั่นสัญญาว่าจะต้องกลับมาใช้บริการที่โฮมสเตย์พี่เขาให้ได้บ่ายแก่ ๆ เรานัดน้องดาหลาไว้ เธอก็นำรถซาเล้งคู่ใจพาเราตะลอนไปรอบเกาะ ที่มีแลนด์มาร์กสำคัญที่อยากแนะนำทุกคน เช่น จุดแรกก็จะเป็นทุ่งหญ้าคา สะพานหิน หอชมพะยูน หากใครสายลุยหน่อยก็จุดชมวิวบาตูปูเต๊ะ ส่วนเราไปหน้าร้อนเลยขอบาย ความจริงถ้าอากาศไม่แรงเกินเราก็อยากไปนะ เป็นการเดินป่าระยะสั้นแล้วก็เลาะถ้ำขึ้นไปยังจุดชมวิว หากโชคดีก็มีโอกาสได้เจอน้องพะยูนด้วย สำหรับเราแค่ได้มาดู Sunset ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายแล้ว เราถ่ายรูปที่สะพานหินจนแสงหมด แล้วค่อยกลับไปยังที่พักค่ำคืนนี้เราก็ได้นั่งที่ศาลาในสวนหลังบ้านซึ่งป๊ะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเพื่อใช้เป็นที่รับประทานอาหารของแขก ได้ความรู้สึกแบบบ้านสวนดี อาหารมื้อนี้มาจากทะเลทั้งนั้น ตรงหน้าฉันมีห่อหมกทะเล ต้มยำทะเล หมึกซีฟู้ด และปูผัดผงกะหรี่ เมื่อถามมะแก่ (คุณยาย) ก็ได้ความว่าเป็นสัตว์ทะเลที่ชาวประมงในพื้นที่หามาและเขาจะมาส่งให้กับโฮมสเตย์ทุกวัน นับว่าเป็นการกระจายรายได้ให้คนในชุมชนไปในตัว มะแก่เห็นว่าเรามาคนเดียวแกก็มานั่งอยู่ห่าง ๆ กลัวเราจะเหงา และความที่เราชอบพูดคุยอยู่แล้วเราก็ถามเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับเกาะลิบง ทำให้เราได้รู้จักเกาะลิบงมากขึ้น รับประทานอาหารเสร็จเราก็มาพักผ่อนที่ห้อง ห้องของเราชื่อว่าห้องเภตราซึ่งเป็นชื่อเกาะที่อยู่ใกล้เคียงกับเกาะลิบงนี่เอง ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐาน เช่น สบู่ แชมพู ผ้าเช็ดตัว น้ำดื่ม มีแอร์ด้วย ถือว่าโอเคเลยล่ะ ใครมากรุ๊ปใหญ่เขาก็มีห้องรับรองนะ ลองสอบถามได้ และก่อนราตรีนี้จะสิ้นสุดลง เราชวนน้องดาหลาออกไปฉลองวันเกิดล่วงหน้า เพราะรู้มาว่าสัปดาห์หน้าจะเป็นวันเกิดของน้อง เราเลยชวนน้องไปร้านน้ำโรตีแอร์ เปิดถึงเที่ยงคืน เราก็นั่งกันจนเที่ยงคืนเลย ฮ่า ๆ รู้สึกผูกพันกับน้องมาก ๆ มีเรื่องราวต่าง ๆ ที่เราได้แลกเปลี่ยนกัน เช้าวันถัดมา เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น เรารีบเด้งตัวจากที่นอนไปเตรียมตัวเพื่อออกไปดูพระอาทิตย์ขึ้น เมื่อเราออกจากห้องก็พบว่าป๊ะกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน แกรู้ได้ทันทีว่าเราเป็นนักล่าแสงแรก จึงบอกให้เดินไปทางลัด นั่นคือ เลาะไปทางข้างบ้านใครคนหนึ่งแล้วตัดผ่านไปยังถนนเส้นติดทะเล เพียง 100 เมตรก็ถึงจุดชมวิวหรือหอชมพะยูน และเราก็ได้เห็นแสงแรกได้โทนสีพาสเทลที่สดใสถูกใจเรามาก เพราะเราเป็นคนที่ชอบท้องฟ้าสีโทนร้อนทั้งช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก เราชอบดูเวลาที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง เวลาพระอาทิตย์สาดแสง Sunbeam ไปทั่วผืนน้ำมันสวยราวกับภาพวาด และเราไม่คาดคิดว่าเราจะได้เห็นน้องเต่าตนุมาอวดโฉมแทนน้องพะยูนด้วย เป็นการปิดทริปที่ใจฟูมาก ๆ เลยทริปเล็ก ๆ ที่คนบ้างานอย่างเรามอบให้กับตัวเองมันทำให้เราได้ Restart ตัวเองใหม่อีกครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่ามาก ๆ เราหวังว่าบทความนี้จะเป็นไอเดียให้ทุกคนที่กำลังวางแผนออกเดินทางไปเที่ยวจังหวัดตรังได้บ้างนะ หรืออาจจะเป็นการจุดประกายเล็ก ๆ ให้ใครสักคนที่กำลังหมดไฟอยู่หน้าคอมฯ และไม่รู้ว่าต้องพาตัวเองไปไหนดีลองมามาเที่ยวเกาะลิบงดู ธรรมชาติ ผู้คน และวิถีชีวิตของที่นี่เป็นความสงบที่เสียงดัง เป็นพลังที่แสนอบอุ่นให้กับคนที่กำลังต้องการกำลังใจได้นะลองดู!สรุปการเดินทาง- รถตู้ตรัง - ท่าเรือหาดยาว ค่ารถ 50 บาท (หากคนน้องคิดเพิ่ม) - เรือโดยสารเที่ยวละ 50 บาทที่พัก- สองพี่น้องโฮมสเตย์พิกัดที่เที่ยวของเรา- ทุ่งหญ้าคา- สะพานหิน- หอชมพะยูนร้านอาหร- ร้านจ๊ะไหนซีฟู้ด- ร้านโรตีบังแอร์ภาพ : Pujaa Manitaเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !