ใกล้เทศกาลปีใหม่แล้ว บางคนกำลังวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลปีใหม่ แต่ทว่า ในภาพจำของเรา เทศกาลปีใหม่ คือเทศกาลที่รวมรถติด ทุกคนต่างมุ่งหน้าออกต่างจังหวัดเพื่อกลับยังบ้านเกิด ภูมิลำเนา ผู้คนเบียดเสียดยัดเยียด แย่งกินแย่งอยู่ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว ปีนี้คงไม่แคล้ว นอนอยู่บ้านไม่ออกไปไหน แต่ในความทรงจำแวบหนึ่ง ที่ซุกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของความรู้สึกดี บอกให้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการเล่าในมุมมองที่ต่างออกไป ไม่ใช่ในมุมมองของการเที่ยวชมแล้วรีวิวไปว่าฉันเคยไปเที่ยวแล้วเจออะไร การเล่าในรูปแบบนั้น แค่พิมพ์หาใน Google เราคงจะเจอกันเป็นร้อยๆบทความ แต่อย่างน้อยเมื่ออ่านจบ คุณอาจจะเปลี่ยนใจ มีแผนการเดินทางในรูปแบบใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งแผน ไว้เป็นตัวเลือกในการเดินทางก็เป็นได้ เมื่อปลายปี 2561 มีโอกาสได้จองทริปดำน้ำดูปะการัง บริเวณอ่าวแสมสาร จังหวัดชลบุรี ในราคาคนละ 2,150 บาท เหตุผลที่เลือกวางแผนไปยังแสมสารนี้คือ การเลี่ยงเส้นทางรถติด และหลีกเลี่ยงผู้คนที่ขับรถออกจากต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก จนอาจจะทำให้การพักผ่อนในช่วงเทศกาล กลายเป็นเรื่องสยองขวัญเมื่อพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางผู้คนที่แก่งแย่งกันเพื่อกลับบ้านเกิด การหนีไปยังพื้นที่ปิด ไปติดเกาะ จึงเป็นทางเลือกใหม่สำหรับจอมวางแผนอย่างเรา ในตอนนั้น เราเลือกซื้อแพ็คเกจดำน้ำและที่พัก กับ Seaview Villa Resort ซึ่งมีหลายราคาให้เลือก ยิ่งไปกันเยอะ ราคาก็ยิ่งถูกลง เริ่มต้นด้วยการวางแผน จุดเริ่มต้นจากเมืองนครราชสีมา มุ่งหน้าตรงไปยังอ่าวแสมสาร จังหวัดชลบุรี วิ่งสวนรถยนต์ ที่วิ่งออกต่างจังหวัดในช่วงปีใหม่ บนถนนเส้น 304 ที่ขาออก แน่นขนัดจนแทบจะหายใจลำบาก การศึกษาข้อมูลและวางแผนมาดี ทำให้เรามุ่งหน้า สวนรถยนต์มหาศาลได้โดยไม่ติดขัด ระยะทางเพียงแค่ 336 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่นานนักก็ถึงที่อ่าวแสมสาร และเป็นไปตามคาด ที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอะไรนัก นักท่องเที่ยวไม่เยอะ เพราะไม่มีหาดทรายไว้ให้เล่น มีเพียงธุรกิจทัวร์ดำน้ำ ที่มีอยู่มากมายหลายบริษัทให้เลือกซื้อ ที่พัก Seaview Villa Resort นั้น ตกแต่งสไตล์บังกะโล ในธีมของทะเล อาคารสีขาวบนเนินเขาเตี้ยๆที่สโลปขึ้นไป ดูคล้ายกับมันตั้งอยู่บนภูเขา ลมทะเลพัดเอื่อยและพัดพากลิ่นของทะเลให้เราได้กลิ่นอยู่ตลอดเวลา มันเป็นที่พักที่ดูหรูหราสมราคาที่จ่ายไปเลยทีเดียว กิจกรรมแรกของเรานั้นคือ การดำน้ำแบบ Free diving เพื่อดูปะการัง หรือการดำน้ำแบบไม่ใช้ถังอ็อกซิเจนนั่นเอง ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนว่า อาจจะเหมาะกับคนที่ว่ายน้ำหรือดำน้ำค่อนข้างดี ถึงจะสนุก กัปตันเรือวัยรุ่น ใส่แว่นตากันแดด เดินเข้ามาแนะนำตัว เขาชื่อ 'กัปตันดิว' เป็นผู้ดูแลและพาเราดำน้ำตลอดทั้งทริปของเรา ไม่นานนัก เราก็ก้าวขึ้นไปบนเรือ 'ภิรมย์สมุทร' เรือสปีดโบ้ทลำเล็กๆ ที่ตั้งชื่อตามคุณปู่ของกัปตันเรือ บัดนี้มันกำลังแล่นออกไปยังกลางทะเล ท้องคลื่นซัดกระแทกใต้ท้องเรือจนเรือกระโดดเหินในอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมรู้สึกมวนท้องอยู่หน่อยๆ โชคดีที่เตรียมยาแก้เมาเรือมากินก่อนขึ้นเรือไปแล้ว เรือลำน้อยแล่นลัดเลาะไปตามแนวชายฝั่งของเกาะ ซึ่งเป็นชายฝั่งที่น้ำค่อนข้างลึก บางช่วงลมแรง บางช่วงลมสงบ จุดแรกเรากระโดดลงไปในน้ำทะเลที่ใสเป็นสีเขียวมรกต ฝูงปลามากมายแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ ทำเอาเรารู้สึกตื่นเต้นไม่หยุด กัปตันดิวพาเราดำดิ่งลงไปสู่ใต้มหาสมุทร ที่มีปลาการ์ตูนสีส้มสดใส แหวกว่ายอยู่ในกอของดอกไม้ทะเลหลากสีสัน เราจำเป็นต้องระมัดระวังไม่ให้ไปโดนดอกไม้ทะเลเหล่านั้น เพราะมันมีพิษและอันตราย ปลาการ์ตูนอีกสีหนึ่งคือสีดำคาดขาว ก็เป็นปลาสายพันธ์ที่เราไม่คุ้นกันมาก่อน เพราะส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเคยเห็นแต่ปลาการ์ตูนสีส้ม จุดดำน้ำจุดแรกนี้ คลื่นค่อนข้างแรง เราลงไปดูปะการัง ถ่ายรูปกันอยู่ครู่หนึ่งก็ต้องรีบขึ้นเพราะทนแรงคลื่นไม่ไหว หลังจากขึ้นเรือ กัปตันเดียร์เล่าว่า ปลาการ์ตูนสีส้มนั้น แท้จริงแล้วไม่เคยมีอยู่ในเมืองไทย ปลาการ์ตูนสายพันธ์ไทยแท้ๆที่พบเจอได้ในทะเลอ่าวไทยนั้น คือปลาการ์ตูนสีดำลายขาวเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ปลาการ์ตูนสีส้มกลับแพร่พันธ์ปะปนอยู่ในท้องทะเลไทย เพียงเพราะมีคนมักง่ายที่เลี้ยงไม่ไหว นำมาปล่อยลงสู่ทะเล ทำให้พวกมันกลายเป็นเอเลี่ยน แย่งอาหารสัตว์ท้องถิ่น จนระบบนิเวศน์เปลี่ยนไป เราได้ฟังแล้วก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เรือแล่นไปยังจุดดำน้ำถัดไป ซึ่งลึกมากขึ้นกว่าเดิม กัปตันเดียร์และผู้ช่วย ทอดสมอลงใต้น้ำอย่างระมัดระวังไม่ให้โดนปะการัง จุดนี้เราเริ่มมองเห็นปะการังชัดเจนมากขึ้น รวมทั้ง Red Seafan หรือ กัลปังหาสีแดง ที่มีอยู่เฉพาะที่อ่าวแสมสารแห่งนี้ กับหอยมือเสือหลากสี เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจกันอย่างมาก เป็นประสบการณ์ดำน้ำที่สนุกและได้ความรู้ ดำน้ำจนเหนื่อยผมขึ้นไปนั่งรอบนเรือที่ทิ้งสมอ จอดนิ่งสนิท เรือที่จอดนิงนั้นโคลงเคลงเพราะคลื่นลมทะเลที่พัดเข้าหาชายฝั่ง ไม่นานนักมันก็ทำให้เมาเรือได้ แม้จะกินยาแก้เมาเรือมาแล้วก็ตาม จนต้องสำรอกอาหารมื้อเที่ยงที่กินเขาไป ออกมาเป็นอาหารให้ฝูงปลาทะเลรุมทึ้งกันกลางทะเล ช่างน่าสมเพชตัวเองซะจริงๆ ทริกง่ายๆ ถ้าไม่อยากเมาเรือก็คือ คุณจำเป็น ต้องอยู่ในน้ำ ที่มีคลื่นทะเลน้อยที่สุด อย่าขึ้นเรือ ถ้ายังไม่ออกเดินทาง แล้วคุณจะไม่เกิดอาการเมาเรือ มิน่าล่ะ ผมเห็นผู้ช่วยกัปตันตอนที่จอดเรือ ก็กระโดดลงน้ำ ไปขัดทำความสะอาดเรือเหมือนกัน แทนที่จะนั่งรออยู่บนเรือ การดำน้ำที่จะทำให้ได้ภาพถ่ายใต้น้ำสวยๆ กัปตันเดียร์แนะนำเราว่า เราไม่ควรใส่ชูชีพ แต่ควรดำลงไปใต้น้ำให้ลึก จะได้ภาพที่สวยงามมากกว่า ซึ่งการจะดำน้ำลงไปให้ลึกแบบไม่มีถังอ็อกซิเจน หรือที่เรียกว่า Free Diving นั้น อาจจะต้องใช้เวลาในการฝึกอยู่นาน จึงจะชำนาญ และถือว่าอันตรายอยู่พอสมควร แต่หากอยากได้ภาพสวยๆแล้ว แน่นอนว่าคุ้มที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ เพิ่มรสชาติและสีสันให้ชีวิตเสียบ้าง เรากลับเข้าฝั่งเพื่อพักผ่อนยังที่พักของเราอย่างอิ่มเอมความสุข และน้ำทะเล เป็นความรู้สึกและประสบการณ์ที่ประทับใจ คืนนั้นเรานั่งดูดาวท่ามกลางเสียงคลื่นและลมทะเล บนดาดฟ้าบังกะโลที่เปิดกว้าง ท่ามกลางเสียงพลุเฉลิมฉลองในวันขึ้นปีใหม่ ในเมืองชายฝั่งทะเลเล็กๆที่เต็มไปด้วยหมู่บ้านชาวประมงแห่งนี้ เช้าวันรุ่งขึ้น เราลงไปยังล็อบบี้เพื่อกินอาหารเช้า เราพบว่าข้าวต้มทะเลที่นี่ อร่อยและสดมาก เนื้อกุ้งตัวโตๆ และเนื้อปลาทะเล ที้เข้ากันได้ดีกับน้ำซุป ตบท้ายด้วยเครื่องดื่มยามเช้าและขนมหวานเล็กน้อย พอให้เราได้มีพลังขับรถกลับโคราชบ้านของเรา ก่อนกลับเราแวะขึ้นไปเดินเล่นบนวิหารหลวงพ่อดำ ที่เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ บริเวณรอบๆอ่าวแสมสารนี้ได้แบบ 360 องศา ในวัดยังมีองค์หลวงพ่อดำให้ไปกราบไหว้บูชาเสริมสิริมงคล ก่อนเดินทางกลับถึงบ้านอีกด้วย เราเดินทางกลับเมืองโคราช สวนรถขาเข้ากรุงเทพ ที่บัดนี้ คนเริ่มทยอยกันกลับเข้ากรุงเทพ จนถนนและการจราจรแน่นขนัด แต่เรากลับเดินทางกลับบ้านอย่างสบายๆ การวางแผนการเดินทาง ย่อมทำให้การท่องเที่ยวของคุณราบรื่นเสมอ ปีใหม่ หากมีใครอยากเที่ยว แต่นึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหน ผมแนะนำ ลองเปิดใจเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ หาเส้นทางใหม่ๆ กิจกรรมใหม่ๆ แล้วคุณจะได้ลองเติมรสชาติใหม่ๆให้ชีวิต เพราะประสบการณ์ชีวิตของคุณ แม้มีเงินเป็นพันล้าน คุณก็หามันมาไม่ได้ หากไม่ลงมือทำด้วยตนเอง อยากไปเที่ยว ก็ไปเลย!!! Seaview Villa ดำน้ำแสมสาร เชิงอนุรักษ์ ถนน องค์การบริหารส่วนตำบล Ban Sa-Mae-Sarn, Chon Buri, Thailand 20180 โทร : 090 001 2524 ภาพถ่าย : Jirawat Suttipittayasak