วันนี้ชาลีดีใจจะพาไปไหว้พระ วัดถ้ำเก่าแก่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งชาลีได้มาหลายครั้ง และประทับใจในความสงบ และความสวยงามจากในอดีต ซึ่งวัดที่จะพาไปชมนี้มีถ้ำโบราณที่บอกเลยว่าผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านประวัติศาสตร์มานับพันปี นั่นก็คือ วัดถ้ำคูหา ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี หากใครมาเยือนถิ่นหอยใหญ่นี้ ย่อมต้องมาร้าน เคียงเล ร้านอาหารขึ้นชื่อ และจะผ่านวัดถ้ำคูหา ซึ่งทางเข้าวัดอยู่ริมถนนเส้นสุราษฎร์-นครศรี เดินทางสะดวกมากค่ะ แต่ท่านควรเผื่อเวลานิดนึง เพราะนอกจากจะได้สักการะ พระพุทธรูปในถ้ำแล้ว ยังสามารถเดินขึ้นเขาไปสักการะพระเจดีย์ บนยอดเขาอีกด้วยทางเข้าด้านข้างจะมีศาลาให้กราบไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเข้าไปในถ้ำ บรรยากาศถูกโอบล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจี บนเขามีฝูงลิงอาศัยอยู่ จำนวนนึง และภายในถ้ำอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวแต่ปัจจุบันได้ลดจำนวนลง วัดถ้ำคูหาแห่งนี้เป็นมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-15 มีรูปปั้นพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยศรีวิชัย พระพุทธรูปศิลปะอินเดีย พระพุทธรูปสมัยอยุธยา หรือเรียกได้ว่า ผ่านมาเป็นพัน ๆ ปี ประดิษฐานอยู่ภายในถ้ำ ผนังถ้ำ เดิมทีมีพระพุทธรูปจำนวนมากกว่านี้แต่ได้มีการหลุดร่วง ตามกาลเวลา แต่สิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็ยังคงประวัติศาสตร์ให้เราได้ศึกษาเรียนรู้ศิลปะในแต่ละช่วงสมัยเมื่อเข้ามาภายในถ้ำสิ่งที่โดดเด่นและสวยงามมากที่สุดคงเป็น พระพุทธรูปปางไสยาสน์ หรือพระนอน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ขนาด 8 เมตร ประดิษฐานอยู่สุดทางด้านหน้าถ้ำเสมือนเป็นวิหารโบราณให้พุทธศาสนิกชนมากราบไหว้ เมื่อเดินผ่านองค์พระนอนทางขวามือจะเป็นทางลงไปในถ้ำ ซึ่งเป็นถ้ำขนาดไม่ใหญ่อากาศถ่ายเถได้สะดวก เย็นสบาย และไม่แออัด เป็นเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ที่มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในภาย และในส่วนของตรงกลางถ้ำได้มีการจัดสร้าง หลวงพ่อโตทันใจ องค์สีขาวสง่างามอยู่ตรงกลางถ้ำ อยากให้มาลองสัมผัส บรรกาศกาศแบบนี้กัน เราเคยมาใช้เวลาอยู่ในถ้ำประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ๆ โดยที่เราไม่ได้ดูเวลาเลยว่ามันนานขนาดนั้น แต่คือเราเย็นสบายกาย สบายใจมาก ๆ ไม่อึดอัด ไม่กลัว แม้จะมีมุม หรือเงาของแสงหรือเป็นรูปร่างของหินปูนที่กินขึ้นเองตามธรรมชาติ ให้เรามองแล้วนึกถึงอะไรตามจินตนาการ แต่เราเชื่อว่า ภายในถ้ำมีแต่สิ่งที่ดี และมีมงคลแก่ผู่มาเยือนนอกจากหลวงพ่อโตทันใจแล้วเดินเข้ามาเกือบสุดถ้ำคุณจะพบกับ ปู่ฤาษีนาคราช ให้สักการะ บริเวณด้านหน้าที่ข้ามไปอีกห้องนึงภายในถ้ำ เมื่อเดินข้ามสะพานไม้ที่ในน้ำมีปลาตัวใหญ่ๆสีดำหลายตัว ว่ายวนอยู่ภายใต้ความเงียบของถ้ำ เหมือนเราเดินเข้าไปอีกทีนึงที่ต่างจากตรงที่เราเดินทางมา ซึ่งเราเคยเดินตอนที่ปิดไฟ บอกเลยคนละบรรยากาศ ห้องโถงนี้ที่เรียกว่า วังพญานาค บริเวณนี้จะมีรูปปูนปั้นของพญานาค โอบล้อมเสาปูน ด้านหลังเป็นทางเข้าให้ไปนั่งปฏิบัติธรรมอย่างสันโดษ ด้านข้างซ้ายเป็นแอ่งน้ำในถ้ำที่มีปลา ด้านขวาเป็นบ่อน้ำที่สร้างขึ้นมามีการตกแต่งประดับไฟไว้อย่างสวยงาม สามารถมาเยี่ยมชม แผ่บุญกุศล ขอบารมีกันได้ที่นี่ และสามารถมาปฎิบัติธรรมภายในถ้ำได้แต่แนะนำให้มาเป็นหมู่คณะ และติดต่อกับทางวัดไว้ เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยเมื่อเดินออกจากถ้ำทางขวาของถ้ำเราจะมาสามารถเดินขึ้นไปสักการะพระเจดีย์บนยอดเขาวัดถ้ำคูหาได้ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนยังไม่่ทราบว่ามีพระเจดีย์ด้านบน ซึ่งตอนแรกเราขึ้นไปกัน 2 คนแล้วด้วยความที่ พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน เข้าสู่ยามวิกาล เราไม่ได้บอกใครเลยว่าเราจะขึ้นเขา ซึ่งเราเดินขึ้นไปจุดนึง ก็คือตรงนี้ทางขึ้นก็ชันประมาณนึง และก็หลายสิบขั้นเหมือนกัน สำหรับเราก็หอบแล้ว มี หอระฆัง เก่าๆอยู่ท่ามกลางป่าใหญ่ ที่แบบได้ยินแค่เสียงกิ่งไม้เสียดสีกันจนมีเสียงแปลก ๆ เราก็หวั่นใจว่าจะอันตรายหากไม่มีใครรู้ว่าเราขึ้นมาข้างบน เลยชวนกันลงไปที่แล้วค่อยกลับมาใหม่วันหน้าแล้วเราก็เจอพระพุทธรูปปางนาคปรก ที่กลายเป็นส่วนเดียวกันกันก้อนหินขนาดใหญ่ ถ้าเราไม่หันกลับแล้วมองไปรอบ ๆ เราอาจจะไม่เจอถ้าเรารีบ ๆ เดินลงไป เราอาจจะไม่เห็นความสวยงาม ณ เบื้องหน้าเรา พอลงไปก็เจอพระรูปนึง ท่านก็บอกให้ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกดินด้านบนและไปไหว้พระเจดีย์ ข้างบนสวยมาก ๆ และเชื่อว่าผู้มากราบไหว้จะอายุยืน เอาล่ะ ไปอีกรอบสิ รีบให้ทันพระอาทิตย์ เดินเข้าป่าเข้าเขาก็หยิบไม้สักอัน บรรยากาศชวนหลง หลงป่านะไม่ใช่หลงไหลธรรมชาติ อะไรจะรก จะทึบขนาดนั้นก่อนขึ้นมาพระท่านก็บอกไว้แล้ว 800 กว่าขั้นนะโยม แต่ด้วยความที่เคยพิชิต วัดถ้ำเสือ พันกว่าขั้นมาแล้ว เราเลยคิดว่า ไม่หวั่น แต่ลืมคิดไปว่าวัดถ้ำเสือน่ะ ใช้เวลาหลายชั่วโมง กว่าจะพาพุงใหญ่ขึ้นไปข้างบน แล้วนี่เวลาไม่กี่สิบนาที เราจะไปรอดไหม โอยยยบอกเลย หอบหายใจเสียงดังลั่นป่า ลิงไม่กล้ามาก่อกวน นี่ด่านสุดท้ายของการขึ้นไปบนยอดเขาเลย ซุ้มไม้ไผ่ที่ต้องแวกเข้าไป เรียกได้ว่าแสบแขนกันพอเป็นพิธี ไผ่บาดจ๊ะ แต่จะถึงแล้ว สู้ต่อไป โอยยยทุกคน ภาพที่เราเห็นทำให้เราหายเหนื่อย (แม้จะยังหอบอยู่) สวยงามมาก เราแทบจะคลานเข้าไป (เพราะขาอ่อนจริง) สวยมากจริง ๆ พระเจดีย์สีทองตัดท้องฟ้า ยามพระอาทิตย์จะลาลับ บนยอดเขาที่มีแค่เรา แล้วมีต้นหญ้ารายล้อมองค์พระเจดีย์ เราดีใจมากที่ขึ้นมาทันเวลา แถมยังมีเวลาเหลือให้ถ่ายรูปเก็บความทรงจำ กับบรรยาากาศดี ๆ แบบนี้ได้มีโอกาสสักการะบูชาองค์พระเจดีย์ ต้อนรับปีใหม่ ถือว่าได้ประสบความสำเร็จอย่างนึงเลย ที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้เราขอลาไปด้วยภาพแห่งความประทับใจแรกของปี ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเรา และเราขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจนะ อย่าเพิ่งท้อกับอะไรง่ายๆที่อยู่ตรงนี้ เพราะปลายทางมันอาจจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราคาดคิด แบบที่เราเจอในตอนนี้ เราเชื่อว่า เราต้องพยายาม พยามยาม และพยายาม บางอย่างไม่ง่ายเลยที่จะได้มาสำหรับบางคน แต่ถ้าคุณได้มีโอกาสได้ทำลองเต็มที่กับสิ่งนั้น เราเชื่อว่า โอกาสและสิ่งดี อยู่ไม่ไกล เอาใจช่วยทุกคน และตัวฉันเองภาพถ่าย โดย : นามปากกา ชาลีดีใจ และสามี