วัดระฆังฯ คือวัดที่ฉันและผองเพื่อนต่างศรัทธา เวลาเรานัดกันเพื่อไปเที่ยวจะค่อนข้างยาก แต่มีถ้านัดกันมาวัดจะง่ายหน่อย สืบเนื่องจากการอยากมาไหว้สมเด็จโตในครั้งแรก เพราะเพื่อนอยากมาขอพรเรื่องให้ได้เป็นหัวหน้างาน เราจึงนัดกันมา จะมี 3 คนขาประจำ คือฉัน คนที่ขอพร และเพื่อนอีกคนที่อยู่ใกล้แถวนี้ ก็ไหว้พระอธิษฐานกันไป จากนั้นไม่นานเพื่อนฉันก็ได้เป็นหัวหน้าจริง ๆ ส่วนฉันจะชอบเรื่องการเสี่ยงโชคเป็นพิเศษ เลยนำเลขจากการไปวัดลองเสี่ยงโชคดู ก็ปรากฏว่าสมหวังเช่นกัน เพื่อนที่ได้เป็นหัวหน้าบอกว่า ได้บนบานกับสมเด็จโตไว้ ถ้าหากได้เป็นหัวหน้า จะมาทำบุญที่นี่ทุกเดือนถึงสิ้นปี ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงประมาณเดือนมิถุนายน 2562 ก็เหลือเวลาให้แก้บนอีกประมาณ 6 เดือน ไม่นานมาก เพื่อนเลยได้ขอร้องว่าให้ไปเป็นเพื่อนทุกเดือนหน่อย เพราะถือว่านัดเจอกันไปในตัว และเป็นโอกาสในการทำบุญทำทานสั่งสมอริยทรัพย์ในภายภาคหน้า ซึ่งเพื่อนของฉันมีอาชีพแอร์โฮสเตส ทุกเดือนนางจะส่งตารางบินมาให้ ฉันก็จะเลือกวันที่นางว่าง ที่ตรงกับเสาร์หรืออาทิตย์ไปประกาศในกลุ่มไลน์ของพวกเราซึ่งมีประมาณ 8 คน เผื่อมีใครสนใจไปด้วยกันก็จะได้มีสมาชิกมากกว่า 3 คนนั่นเอง การได้มาวัดระฆังฯ บ่อย ๆ ก็เลยทำให้ได้ถ่ายภาพในหลากหลายมุม ซึ่งวัดเพิ่งทำการปรับปรุงทัศนียภาพด้านหน้าก่อนเข้าวัดอย่างสวยงาม มีระฆังยักษ์เป็นอนุสาวรีย์ตั้งอยู่ด้านหน้าให้สมกับชื่อวัดระฆังอีกด้วย และนี่คือจุดเริ่มต้นของการตามรอยศรัทธาแห่งสมเด็จโตของพวกเรา มีลูกศิษย์วัด อายุรุ่นราวคราวคุณลุงคอยยืนบอกพุทธศาสนิกชนที่มาเยือนวัดถึงวิธีกราบพระที่นี่ ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าไหว้ผิดมา 2-3 ครั้งแล้ว ฮ่า ๆ เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เราจะนับทิศจากการเข้าประตูหน้าวัดเป็นหลัก เริ่มแรกให้กราบพระประธานในโบสถ์ตรงกลางก่อน เพราะถือว่าเป็นพระพุทธรูปหลักของวัด มีขนาดองค์ใหญ่มากที่สุด ในโบสถ์นี้คนส่วนใหญ่จะมาสวดมนต์ นั่งสมาธิ และบางครั้งประมาณช่วง 14.00 น. จะมีการเทศนาธรรมด้วย ก็มีคนนั่งฟังธรรมอยู่มากมาย ซึ่งก็แล้วแต่ว่าเราจะเลือกปฏิบัติแบบไหน หลังจากนั้นให้ไปฌโบสถ์ฝั่งซ้าย จะมีรูปพระสงฆ์ที่เคยเป็นเจ้าอาวาสวัด จำนวน 3 รูปให้กราบไหว้ สำหรับโบสถ์นี้ คนมักมานั่งสวดชินบัญชร ถวายดอกไม้ จีวร และชุดหมากพลู เป็นส่วนใหญ่ จากนั้นจะเดินปิดทองเวียนไปด้านหลังพระพุทธรูปทั้ง 3 รูป ก่อนออกก็มีน้ำมนต์ให้ตักกลับบ้านได้ หรือจะพรมหัวเป็นสิริมงคลก็ดีเช่นกัน จากนั้น ให้ไปโบสถ์ฝั่งขวา เพื่อไหว้พระพุทธรูป พระศรีอาริยเมตไตรย และพระพุทธรูปที่มาจากนิกายทางฝั่งจีน เช่น เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ จากนั้นถวายดอกไม้ และปิดทองเช่นกัน แต่ความพิเศษคือ จะมีการเสี่ยงเซียมซีที่นี่ด้วย เลื่องลือมากในความแม่น ต้องลองดู เพราะเรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล เมื่อไหว้พระครบทุกโบสถ์แล้ว ภายนอกวัดจะมีพื้นที่ให้สำหรับผู้ที่อยากจุดธูปเทียนไหว้พระ ซึ่งจัดไว้ให้ภายนอกโบสถ์ อยู่ข้างโบสถ์ฝั่งขวา ส่วนข้าง ๆ โบสถ์ตรงกลาง จะมีให้ถวายสังฆทาน บูชาพระเครื่อง และเอกลักษณ์ประจำวัด นั่นก็คือ ตีระฆังให้ดังกังวาน เชื่อกันว่าทำให้มีชื่อเสียงขจรไกลตามเสียงระฆังที่ตี ยิ่งดังยิ่งดี ส่วนตัวฉันชอบแวะไปทำสังฆทานเพิ่มเติม เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้ถวายสังฆทานเท่าไรนัก นอกจากนี้ ยังมีสระบัวทรงสูงคล้ายกระถางสี่เหลี่ยม มีปลาตัวใหญ่มากอยู่ในนั้น คนชอบนำมือไปใกล้ ๆ ผิวน้ำ แล้วปลาตัวนั้นก็รู้ภาษามาก ว่ายน้ำมาทำท่าเหมือนจะงับนิ้วเรา น่ารักมาก ฮ่า ๆ ฉันจะแกล้งปลาทุกครั้งที่มาวัด นอกจากนี้ ข้างโบสถ์ฝั่งขวายังมีให้ทำบุญด้วยการเติมน้ำมันตะเกียง มีพระพุทธรูปขนาดเล็กประจำทุกวันเกิดเลยทีเดียว และเมื่อทำบุญเสร็จ กำลังรอเพื่อน ๆ ที่แยกย้ายกันไปไหว้พระตามอัธยาศัย ก็มีโอกาสได้ถ่ายรูปเจดีย์สีขาวสวยงามท่ามกลางท้องฟ้าสดใสเก็บไว้ดูด้วยในวันดี ๆ ใครที่อยากมาทำบุญที่วัดระฆังฯ สามารถติดตามกิจกรรมของทางวัดได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ได้เลย ก่อนกลับบ้านวันนี้ได้หยิบหนังสือธรรมะเกี่ยวกับสมเด็จโตที่เราศรัทธากลับไปอ่านที่บ้านด้วย ลาไปด้วยภาพเจดีย์สีขาวที่บอกไว้ค่ะ ตามรอยศรัทธาสมเด็จโตที่วัดระฆังฯ