ถ้ากำลังมองหาแหล่งท่องเที่ยวที่ได้ครบครันทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิต บอกเลยค่ะว่า ที่ ๆ ผู้เขียนจะพาไปนั้นเหมาะสุด ๆ เพราะเราจะพาทุกท่านไปเที่ยวที่ลำปางนั่นเอง เมืองรองน่ารักในภาคเหนือ ที่มีอะไรให้เที่ยวแบบเหนือความคาดหมายสุด ๆ ไปเลย ว่าแล้วก็ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงมาก รีบไปดูเลยดีกว่าว่าเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างที่แรกที่เราแวะจะเป็นที่อ่างเก็บน้ำห้วยสามขาค่ะ ซึ่งเป็นโครงการในพระราชดำริของในหลวงร.9 ที่นี่ถือว่าเป็นที่ถูกใจสายธรรมชาติสุด ๆ เพราะนอกจากคุ้งน้ำกว้างใหญ่แล้ว ที่นี่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณมากมาย และที่สำคัญ อากาศดีมาก ๆจุดที่เราตั้งใจจะมาวันนี้เป็นชุมชนค่ะ ซึ่งต้องนั่งรถต่อขึ้นมาประมาณ 2 ชั่วโมง ที่นี่เราขอนำเสนอเป็นที่เที่ยวไฮไลต์ของเมืองลำปางเลย นั่นคือชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่มาจากใบเหมี้ยงหรือใบชาค่ะ ที่สำคัญเป็นชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และสงบมาก ๆ ไม่ต้องห่วงเลยว่าไปแล้วจะไม่ได้พักผ่อน มาถึงที่นี่ยังไงก็ได้พักผ่อนเต็มที่แน่นอนมาถึงเราก็แวะพักกันก่อน เพราะเดินทางมาทั้งวัน พี่ ๆ น้า ๆ ก็ใจดี ต้อนรับขับสู้ดีมาก ๆ รู้ว่าเราเหนื่อยก็จัดหาที่หลับที่นอนไว้ให้เลย น่ารักสุด ๆพูดถึงที่หลับที่นอนแล้ว แน่นอนว่าที่นี่เขามีโฮมสเตย์ด้วยค่ะ ตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่น่ารักถูกใจ ที่สำคัญอยู่ใกล้ลำธาร ตอนนอนจะได้ฟังเสียงน้ำไหลเบา ๆ อากาศโปร่งสบายไม่อบอ้าว หลับสบายมากเลยค่ะ ตื่นเช้ามาก็ออกมานั่งชิล ๆ จิบกาแฟที่ชานบ้านก่อนค่ะ กาแฟที่นี่เป็นกาแฟโฮมเมด ซึ่งชาวบ้านทำเองทุกกระบวนการเลย พอจิบกาแฟให้หายงัวเงียแล้ว พี่ ๆ น้า ๆ ก็จะพาเราไปเก็บใบชาค่ะ ซึ่งใบชานี้นำมาแปรรูปได้หลายอย่าง เป็นกิจกรรมที่เพลินมาก เพราะอากาศตอนเช้าดีสุด ๆ สูดกลิ่นใบไม้ใบหญ้ามาเต็มปอดเลย พอเก็บใบชาได้แล้วก็เอามารังสรรค์เมนูทานตอนเที่ยงค่ะ มื้อนี้จะมีไข่เจียวใบเหมี้ยง ยำปลากระป๋องใส่ใบเหมี้ยง และที่เด็ดสุด ๆ ที่อยากให้ทุกคนมาลองทานคือเมนูหนอนใบชาค่ะ โดยที่เขาจะเอาหมูสับมาปรุงรส ห่อด้วยใบเหมี้ยง และจึงนำไปทอดจนหมูสุกใบกรอบ สัมผัสจึงให้ทั้งกรอบทั้งนุ่ม ทานเป็นกับข้าวหรือของทานเล่นก็ดีไปหมด (แต่ก็ควรทานแต่พอดีนะ) ผู้เขียนชอบเมนูนี้มาก ๆ จนขอร้องให้คุณพี่เขาทำให้ทานอีกรอบตอนเย็นเลยล่ะ อิ่มหมีพีมันกับมื้ออาหารกลางวันสุดออแกนิคแล้ว ก็มาทำกิจกรรมกันต่อค่ะ โดยกิจกรรมที่เราได้ไปช่วยพี่ป้าน้าอาทำ นั่นคือการทำหมอนใบชานั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นของดีขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งของชุมชนบ้านป่าเหมี้ยงเลยค่ะ เพราะหมอนของที่นี่เขาไม่ได้ยัดนุ่น แต่ยัดด้วยใบชาตากแห้ง ที่จะให้กลิ่นสบาย ๆ นอนดมแล้วผ่อนคลายมาก ๆ จนหลับแบบไม่รู้ตัวเลย ส่วนตัวผู้เขียนถูกใจหมอนช้างมากเลยค่ะ เป็นหมอนใบเล็ก ๆ น่ารักพกไปไหนมาไหนได้ ได้กลิ่นแล้วผ่อนคลายหายเครียดเป็นปลิดทิ้งเลย หลังจากได้นั่งทำกิจกรรมร่วมกับพี่ป้าน้าอาแล้ว เราก็มาเดินเล่นฟังเสียงน้ำไหลข้างลำธารกันค่ะ ตรงจุดนี้เขาจะมีผูกเปลไว้ด้วย ได้มานอนเล่นยามบ่ายแก่ ๆ ตรงนี้บอกเลยว่าฟินมาก ต่อให้ตกเปลก็ไม่หวั่น! หมดวันทานอาหารเย็นเสร็จก็พักที่ชุมชนต่ออีกสักคืนค่ะ เพราะเรามีโปรแกรมไปต่อที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ซึ่งใช้เวลาเดินทางจากชุมชนไปประมาณครึ่งชั่วโมง เลยไม่จำเป็นต้องออกเช้ามาก ยังใช้ชีวิต Slowlife ไปเรื่อย ๆ ได้ออกเดินทางมาที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ที่นี่มีจุดเด่นอยู่ที่บ่อน้ำร้อนค่ะ ซึ่งเป็นบ่อน้ำร้อนและน้ำแร่ธรรมชาติ แน่นอนว่ามาถึงที่นี่แล้วต้องทำกิจกรรมต้มไข่ อันเป็นสิ่งที่ must do เมื่อมาถึงที่นี่เลยล่ะค่ะ เราใช้เวลาอยู่ที่แจ้ซ้อนประมาณหนึ่งชั่วโมงค่ะ เพราะไปนั่งพักเท้าแช่น้ำแร่กันจนเพลิน สักสิบโมงจึงได้ฤกษ์ได้ยามกลับกรุงเทพฯ ไปลุยงานกันต่อมาเที่ยวที่ลำปางรอบนี้เหมือนได้ชาร์จพลังไปเต็ม ๆ เลยค่ะ หลังจากนี้ต้องสู้งานเท่าไรก็ไม่หวั่น อยากจะบอกว่าประทับใจทุกที่ที่แวะไปเลยค่ะ ธรรมชาติสวย ผู้คนน่ารัก เป็นเมืองรองที่ใครได้มาก็ต้องหลงรัก ตัวผู้เขียนเองถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาเที่ยวที่ลำปางอีกในเส้นทางใหม่ ๆ เพราะรู้สึกว่าลำปางมีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะเลยวันนี้ผู้เขียนคงต้องขอลาไปก่อน บทความหน้าจะพาไปเที่ยวเมืองรองที่ไหน รอติดตามกันได้เลยนะคะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านค่ะ บ๊ายบาย *** ภาพถ่ายทุกภาพผู้เขียนถ่ายเอง ***