เคล็ดไม่ลับ เที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกต้องขึ้นรถไฟให้เป็น
Words & Photo : Magarita
จากตอนที่แล้ว 3 ขั้นตอนก่อนตัดสินใจซื้อ JR Pass เมื่อคุณคำนวณความคุ้มแล้ว ฟันธงว่าซื้อแน่ เอกสารที่คุณได้รับ คือ ใบสั่งซื้อ
อ๊ะ อ๊ะ !! นี่ยังไม่ใช่เอกสารที่ใช้ขึ้นรถไฟได้นะคะ เมื่อไปถึงญี่ปุ่นแล้ว ต้องหา JAPAN RAIL PASS exchange office ที่อยู่ในสถานี JR ที่ใกล้ที่สุด เพื่อทำการเปลี่ยนใบสั่งซื้อเป็นบัตร JR Pass โดยจะต้องโชว์พาสปอร์ตของคุณควบคู่ไปด้วย เจ้าหน้าที่จะออกบัตร JR Pass ที่มีชื่อและหมายเลขพาสปอร์ตของคุณอยู่บนหน้าบัตร พร้อมกับวันเริ่มใช้บัตร
** มีชื่อเรา, หมายเลข Passport และ วันที่จะใช้เดินทางได้ อยู่ค่ะ **
ได้บัตรเบ่ง เอ๊ย บัตร JR Pass เรียบร้อย ก็อย่าลืมให้เจ้าหน้าที่สำรองที่นั่งขบวนรถไฟ ตามวันเวลาที่คุณได้วางแผนเอาไว้
ตรวจสอบสถานที่เปลี่ยน JAPAN RAIL PASS exchange office และดาวน์โหลดแผนที่ตั้ง ได้ที่ http://www.japanrailpass.net/th/exchange.html
การใช้ JR Pass ขึ้นรถไฟสาย JR แค่โชว์บัตรให้พนักงานที่ประจำอยู่ที่ทางเข้าออกก็ผ่านได้เลย จะขึ้นลงวันละกี่รอบกี่เที่ยวก็ได้ไม่จำกัด แต่ระวังอย่าเข้าผิด ไปเข้า Subway ก็แล้วกันนะคะ JR Pass ใช้กับ Subway ไม่ได้ค่ะ
** ตารางเวลารถไฟ **
ข้อควรรู้เกี่ยวกับรถไฟญี่ปุ่น
1.รถไฟญี่ปุ่นมีชื่อขบวน และหมายเลขขบวนติดอยู่หน้ารถ ให้ดูตั๋วว่ารถไฟของคุณมีชื่อขบวน และหมายเลขอะไร เช่น เช่น Super Hokuto 5 คือ ขบวนรถไฟที่วิ่งระหว่างฮาโกดาเตะกับซัปโปโร
ดูลิสต์รายชื่อขบวนรถไฟของญี่ปุ่นได้ที่นี่ http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_named_passenger_trains_of_Japan
จำชื่อขบวนและหมายเลขให้ถูกต้อง คุณจะได้ไม่ขึ้นผิดขบวน ถ้าคุณสำรองที่นั่ง Super Hokuto 5 แต่ไปขึ้น Super Hokuto 4 คุณจะไม่มีที่นั่ง ต้องไปขึ้นโบกี้ธรรมดา
2.รถไฟญี่ปุ่นมาตรงเวลาเสมอ อย่าไปก่อน อย่าไปหลัง ต้องไปให้ตรงเวลา
3.ถ้าคุณไปก่อนเวลาเกิน 15 นาที ให้ดูป้ายประกาศขบวนรถไฟที่ชานชาลาว่าขบวนที่กำลังจะมาใช่ขบวนของคุณหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ อย่าเพิ่งไปเข้าคิวนะคะ
สำหรับสถานีรถไฟเล็กๆ ตามต่างจังหวัดบางแห่ง เจ้าหน้าที่จะไม่ปล่อยให้คุณขึ้นไปบนชานชาลา จนกว่าจะใกล้ถึงเวลารถไฟเทียบ อาจจะ 7-15 นาที แล้วแต่สถานีค่ะ
4.ตู้โดยสาร ญี่ปุ่นเรียกว่า Car ให้ดูว่าคุณอยู่ Car ที่เท่าไหร่ โดยปกติ รถด่วนจะมี Reserved Car อยู่ที่ Car 4 และ 5
5.เมื่อไปถึงชานชาลาให้เงยหน้าดูป้ายที่แขวนไว้เป็นราว เหนือชานชาลา ป้ายแขวนจะระบุชื่อขบวนรถไฟ และหมายเลขตู้โดยสาร หรือ Car ให้เดินหา Car ของคุณ และยืนให้ตรงจุด เมื่อรถไฟจอด ประตูจะอยู่ตรงหน้าคุณพอดี ถ้า Car ไหนมี 2 ประตู ในป้ายจะมีรูปที่นั่งและหมายเลขที่นั่งประกอบด้วย ให้เลือกประตูที่ใกล้กับที่นั่งคุณมากที่สุด
แต่ถ้าเป็นสถานีตามต่างจังหวัด ให้ดูป้ายด้านในสถานี ป้ายชื่อรถไฟอาจเป็นภาษาญี่ปุ่น ให้ดูที่เวลารถออก เราจะเห็นว่าขบวนที่จะขึ้นนั้นมีกี่ Car และ Car ของเราอยู่หมายเลขที่เท่าไหร่ ให้เดินไปรอที่หมายเลขนั้นค่ะ
6. หากมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ให้เก็บในพื้นที่วางกระเป๋าเดินทาง อย่านำมาไว้ข้างตัว เพราะจะเกะกะคนเดิน รวมถึงพนักงานขายของบนรถไฟ
7. เมื่อนั่งแล้วให้เสียบตั๋วรถไฟไว้ด้านหน้าที่นั่ง ซึ่งจะมีที่เสียบตั๋วไว้ให้พนักงานตรวจตั๋วเห็นชัดๆ ค่ะ
8. ถ้าคุณไม่ได้สำรองที่นั่งไว้ อย่าขึ้น Reserved Car ให้ขึ้น Non-Reserved Car แม้จะมีที่ว่างก็ห้ามเด็ดขาด เข้าไปยืนก็ไม่ได้นะคะ Reserved Car ห้ามยืนค่ะ ถ้า Non-Reserved Car คนแน่น คุณสามารถยืนที่ระหว่างตู้โดยสารได้ แนะนำให้สำรองที่นั่งในทุกขบวนที่สำรองได้ เพราะถ้าคุณซื้อ JR Pass คุณไม่ต้องจ่ายเงินค่าสำรองที่นั่งเพิ่มค่ะ
9. ก่อนจะออกจากรถอย่าลืมเก็บตั๋วรถไฟ และเก็บขยะไปทิ้งด้วย
** นักท่องเที่ยวสามารถขอตารางเวลารถไฟเป็นภาษาไทยได้ที่สถานีด้วยค่ะ **
สำหรับวิธีการจองที่นั่ง มีวิธีตามนี้ค่ะ
1. สามารถจองที่นั่งได้ที่สำนักงานขายตั๋วรถไฟ Midori no Madoguchi ของสถานีหลักของ JR ฮอกไกโด หรือ Twinkle Plaza และต้องจองก่อนขึ้นรถค่ะ
2. กรณีที่ที่นั่งจองเต็มหมดแล้ว หรือกรณีที่ไม่ได้จองที่นั่งให้ใช้บริการที่นั่งอิสระค่ะ ซึ่งในกรณีนี้จะไม่คืนเงินส่วนต่างของค่าที่นั่งต้องจอง และที่นั่งอิสระ
3. การเปลี่ยนแปลงที่นั่งที่จองไว้แล้ว สามารถทำได้ก่อนรถออกเท่านั้น
ติดตาม travel.truelife.com ได้อีกช่องทางที่
ทุกเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว อาหาร และสุขภาพ คลิกที่http://travel.truelife.com