สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ผู้รักการท่องเที่ยวทุกคน เนื่องจากสถานการณ์โควิดเริ่มดีขึ้นแล้ว และประเทศในเขตเชงเกนของยุโรปก็เริ่มอนุญาตการเดินท่องเที่ยวสำหรับคนไทยที่ฉีดวัคซีนครบถ้วน หรือว่ามีผลตรวจเชื้อไวรัสเป็นลบ ให้สามารถขอวีซ่าได้แล้ว! ดังนั้น วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์และคำแนะนำเกี่ยวกับการขอวีซ่าเชงเกนออสเตรีย ประเภทท่องเที่ยว จากศูนย์รับคำร้องวีซ่า VFS สีลมคอมเพล็กซ์ กรุงเทพฯ ให้อ่านกันนะคะ นัดคิวขอวีซ่าเชงเกนออนไลน์ ก่อนอื่นเลย เราไปนัดคิวขอวีซ่ากันก่อน จากเว็บไซต์ของศูนย์ VFS https://visa.vfsglobal.com/tha/en/aut/book-an-appointment เพื่อน ๆ อาจจะตกใจว่าทำไมรีบจัง! ยังไม่ทันเตรียมตัวเลย! คืออย่างนี้ค่ะ เวลาเรากดนัดในระบบออนไลน์ เลือกว่าจะไปศูนย์วันไหน มันแล้วแต่ว่าคนสมัครเยอะหรือเปล่า ถ้าฤดูทัวร์เยอะ บางทีจะได้คิวเร็วที่สุดประมาณ 20 วัน - 1เดือน นับจากวันที่เข้าระบบ (ออสเตรียแทบจะไม่มีแบบที่นัดวันนี้อาทิตย์หน้าได้ และไม่มีคิวด่วนแบบอิตาลี) เราจึงควรนัดไปก่อนเลย แล้วค่อยคิดเรื่องเตรียมเอกสาร หรือจะไปดีไม่ไปดี เพราะแคนเซิลนัดได้ค่ะ ดีกว่านัดช้าแล้วไม่มีคิว รอนานเกิน เอกสารที่เราเตรียมจะหมดอายุเสียก่อน (ทุกอย่างหมดอายุใน 1 เดือน เกินนี้ต้องขอใหม่) ใบสมัครและค่าทำวีซ่าเชงเกน ได้คิวแล้ว เราต้องไปโหลดใบสมัครมา print กัน https://visa.vfsglobal.com/one-pager/austria/thailand/english/pdf/schengen-visa-application-form-c-1.pdf ราคาค่าวีซ่าตอนนี้อยู่ที่ 80 ยูโร หรือ 3,120 บาทค่ะ (จะมีขึ้น ๆ ลง ๆ บ้างตามค่าเงินแลกเปลี่ยนนะ) การกรอกใบสมัครให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ(หรือเยอรมัน) ตัวพิมพ์ใหญ่หมดเลยนะคะ ส่วนใหญ่กรอกจะไม่ยากเพราะเป็นชื่อนามสกุล วันเกิด วันเดินทาง อาชีพ อะไรพวกนี้ ถ้าหากจะมีช่องที่เห็นคนชอบงง ๆ กัน มักจะเป็นรายละเอียดในพาสปอร์ต เช่น ข้อ 16. Issue by (พาสปอร์ตออกโดยหน่วยงานอะไร) คำตอบคือ MINISTRY OF PUBLIC AFFAIRS กระทรวงการต่างประเทศนั่นเองค่ะ รูปถ่ายวีซ่าเชงเกน มุมขวาบนของใบสมัครจะมีให้ติดรูปถ่ายด้วย ขนาด 3.5 x 4.5 พื้นขาว ห้ามใส่แว่นหรือหมวก ตรงนี้อยากแนะนำว่า ควรสวมเสื้อที่มีปกหรือคอสูงหน่อย(ไม่ใช่เสื้อสีขาวก็จะดีมาก) ไม่งั้นถ้าเสื้อคอลึก เวลาถ่ายเสร็จแล้วเขาซูมเฉพาะใบหน้าใส่ในวีซ่า มันจะเหมือนเราเปลือย ไม่ได้ใส่เสื้อเลยแหละทุกคน ฮ่า ๆ สีขาวก็จะกลืนกับพื้นหลังจนประหลาด คุณผู้หญิงแต่งหน้าได้อ่อน ๆ ธรรมชาติสุดชีวิตค่ะ รูปถ่ายจะใช้ 2 รูปเท่านั้น คือ แปะกาวในใบสมัคร 1 ใบ และส่งให้เจ้าหน้าที่เอาไปเข้าเครื่องสแกนทำวีซ่าของเรา 1 ใบ แต่ว่าเราขอแนะนำให้ทุกคนถ่ายรูปมา 4 ใบ เพื่อความปลอดภัยนะคะ เผื่อว่าขอวีซ่ารอบแรกไม่ผ่าน เราจะได้ใช้รูปที่เหลือในการขอใหม่รอบอุทธรณ์ ขอวีซ่าต้องมีเงินในบัญชีเท่าไร และคนไม่มีเงินเดือนจะขอวีซ่าอย่างไร เมื่อกรอกใบสมัครเรียบร้อย เราก็โหลดรายการเอกสารที่ต้องใช้ print ออกมาเช่นกัน https://visa.vfsglobal.com/one-pager/austria/thailand/english/pdf/tourist-application.pdf สิ่งสำคัญที่ต้องใช้ก็อย่างเช่น ใบจองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม ประกันการเดินทาง รายการเดินบัญชีธนาคาร(เดี๋ยวนี้กดโหลดจากแอปธนาคารเองได้ฟรีแล้วนะ) ใบรับรองการทำงาน ฯลฯ คำถามที่เจอบ่อย ๆ คือ ถ้าเราไม่ค่อยมีเงิน หรือไม่มีงานประจำล่ะ จะทำอย่างไรดี เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะไม่ใช่ว่ายิ่งรวยจะยิ่งผ่านง่าย คนธรรมดาเที่ยวไม่ได้ หรืออะไร (อันที่จริงถ้ามีเป็นสิบ ๆ ล้าน ก็อาจจะน่ากลัวเหมือนกันว่าเราเป็นนักฟอกเงินหรือเปล่านะนี่) จำนวนเงินเข้าออกคือจะต้องสอดคล้องกับอาชีพเรา และช่วงเวลาที่เราไปเที่ยว ขั้นต่ำสุดที่ควรมีเก็บยืนพื้นในระยะ 6 เดือน คือ 3,000 ยูโร หรือ 120,000 บาท บวกกับค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวต่อวัน 95 ยูโร หรือประมาณ 4,000 บาท (เช่นถ้าเราไปเที่ยว 7 วัน ก็คิด 4,000 x 7 = 28,000) คนที่เบี้ยน้อยหอยน้อยจริง ๆ สามารถให้สมาชิกในครอบครัวเป็นสปอนเซอร์ได้ โดยแนบบัญชีของเขาและใบแสดงความสัมพันธ์ว่าเป็นญาติเราจริง ๆ เช่นเป็นพ่อแม่ก็ใช้สูติบัตรหรือทะเบียนบ้าน ส่วนคนที่ไม่มีงานประจำ เป็นต้นว่าขายของออนไลน์ สามารถไปทำทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์เพื่อนำมายื่นได้ ว่าเรามีร้านถูกต้องตามกฎหมายจริง ๆ ที่ https://ereg.dbd.go.th/ERegistMemberWeb/nonmemberpages/home.xhtml มีแค่เว็บไซต์หรือเพจ Facebook ก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องร้านใหญ่โตหรือรายได้มากพอเสียภาษี หากเป็นอาชีพอิสระ เช่นนักดนตรี นักเขียน นักออกแบบ ก็เขียนจดหมายแนะนำตัว อธิบายว่าเราทำอะไรได้เงินรวมเดือนละเท่าไร แล้วแนบสำเนาสัญญาจ้างหรือใบเสร็จรับค่าจ้างภายในรอบ 6 เดือนไปก็ได้ค่ะ พวกกองทุนรวม หุ้น ก็ยื่นเสริมได้เช่นกัน คนมีที่ดินหรืออาคาร ซึ่งได้ค่าเช่ารายเดือน ก็สามารถเขียนในจดหมายว่านั่นก็เป็นรายได้ของเรา แล้วแนบโฉนดกับสำเนาสัญญาเช่าแปลภาษาอังกฤษไปนะคะ (ถ้ามีความสามารถ ไม่อยากจ้างนักแปล ก็แปลเองได้ค่ะ แล้วเซ็นชื่อ เขียนว่าเราแปลเอง TRANSLATION BY XXX ใส่ชื่อเรา) การทำงานของศูนย์ VFS เมื่อเอกสารทุกอย่างพร้อม ถึงวันนัดก็ไปศูนย์ VFS การเรียกคิว ไม่ได้เรียกตามบัตรคิว แต่เรียกตามเวลานัดออนไลน์ ดังนั้นไม่ต้องรีบไปก่อนเวลามาก เพราะต่อให้กดบัตรคิวได้แล้ว เขาก็เรียกข้ามเบอร์เราอยู่ดีแหละ ฮ่า ๆ ไปรอแต่เนิ่นๆคนยิ่งแน่นศูนย์เปล่า ๆ หวาดเสียวจะติดโควิดค่ะ แนะนำไปก่อนเวลานัด 10-15 นาทีพอ บางคนถามว่าถ้าไม่นัดล่วงหน้า วอล์กอินเลยจะได้ไหม พูดตรง ๆ เราไม่เคยลองค่ะ ไม่กล้า แต่เคยได้ยินว่าถ้าฉุกเฉินจริง ๆ โทรไปถามที่ศูนย์ก่อน เขาอาจจะยอมให้วอล์กอินไปรอแต่เช้า แล้วหากมีใครที่นัดไว้แล้วไม่มาตามนัด เจ้าหน้าที่ว่าง เขาถึงจะแอบเอาเราเข้าคิวนั้นแทน (แต่แนะนำว่าอย่าเสี่ยงดีกว่าค่ะ เกิดคนแน่นทั้งวันเราก็รอเก้อเลย) สิ่งสำคัญที่ควรรู้อีกอย่างคือ เจ้าหน้าที่ VFS ผู้ตรวจส่งเอกสารแก่สถานทูต บางคนอ่านอังกฤษไม่ออกแบบเต็มร้อย เยอรมันก็ยิ่งแล้วใหญ่ เหมือนส่วนใหญ่เขาจะถูกฝึกมาให้มองหาคำคีย์เวิร์ดและวันที่ตามระเบียบเฉย ๆ นะคะ นี่ก็เป็นเหตุที่ประกันการเดินทางของเราเมื่อก่อนจะมีปัญหาตลอด เพราะเราซื้อจากบริษัท UNIQA ออสเตรีย มันไม่ระบุเลขวันที่คุ้มครอง แต่เขียนเป็นภาษาเยอรมันว่า “ครอบคลุมการเดินทางตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่เข้าสู่เขตเชงเก้น จนวันที่เดินทางออก” (เผื่อว่าเครื่องบินดีเลย์แล้วกลับช้า หรือฉุกเฉินอื่นใด จะได้ยังคุ้มครองอยู่ ไม่ใช่หมดตามวันที่เป๊ะ ๆ) ทั้งนี้ หากซื้อประกันจากบริษัทของไทย ปกติจะระบุวันที่และมีคีย์เวิร์ดเรียบร้อยค่ะ แต่ถ้าเครื่องบินขากลับดีเลย์หรืออะไรก็ตาม เลยวันที่ไปแล้ว ก็ซวย และส่วนใหญ่ครอบคลุมสิทธิ์พิเศษในโรงพยาบาลไม่สูงเท่าประกันยุโรปในราคาไล่เลี่ยกัน เราเลยซื้อของออสเตรียไป พอเป็นแบบนี้ เจ้าหน้าที่หาคีย์เวิร์ดไม่เจอ อ่านภาษาเยอรมันก็ไม่เข้าใจ จะเกิดอาการ error ทันทีค่ะ แล้วแจ้งว่ามีปัญหา ต้องเมลไปและโทรคุยซ้ำซ้อนหลังยื่นทุกรอบ (ขนาดเราเคยได้วีซ่าแล้วหลายครั้ง เคยมีปัญหานี้มาแล้ว ศูนย์ก็ไม่จำ ไม่ยักสอนเจ้าหน้าที่ต่อนะ แหะ ๆ ซึ่งก็เข้าใจว่าทุกคนคงยุ่งมากค่ะไม่มีเวลา) หลัง ๆ เราเลยรู้แกวแล้วค่ะ หยิบปากกาไฮไลต์สีเหลืองสะท้อนแสงขึ้นมา! ขีดไปเลยค่ะข้อความตรงไหนที่สำคัญ ถ้าเป็นภาษาเยอรมันก็แปลเฉพาะจุดให้ (เขาจะเอาไปเปิด Google Translate เช็คดูอีกที อันนี้เคยเห็นทำต่อหน้าเลย) รวมถึงขีดพวกวันที่และจำนวนเงินในเอกสารอื่น ๆ ด้วย เจ้าหน้าที่จะได้มองหาเจอง่าย ๆ เพียงเท่านี้ ขั้นตอนการตรวจเอกสารของเราก็จะรวดเร็วเป็นพิเศษแล้วล่ะค่ะ การขอรับหนังสือเดินทางคืน เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงไม่สะดวกจะเดินทางหลายครั้ง โดยเฉพาะคนที่จองตั๋วเครื่องบินมาสมัครวีซ่าจากต่างจังหวัด ศูนย์ VFS จึงมีบริการส่งพาสปอร์ตคืนให้เราทางไปรษณีย์ค่ะ ซึ่งเขาก็มีบริการ SMS ด้วย ราคา 60 บาท แจ้งว่าวีซ่าดำเนินการถึงไหนแล้ว แต่คือเขาจะบอกแค่ว่า รับเอกสารแล้วนะ กำลังจะส่งพาสปอร์ตคืนนะ โดยไม่บอกว่าเราได้วีซ่าผ่านหรือไม่ คือยังไงก็ต้องรอลุ้นตอนได้เล่มพาสปอร์ตคืนมาถึงมือนะคะ ถ้าไม่ต้องการก็ไม่ต้องรับบริการนี้ได้ค่ะ เมื่อได้วีซ่ามาครอบครองแล้ว อย่าเพิ่งรีบดีใจ ตรวจสอบรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อนว่าเขาพิมพ์ชื่อ วันที่ และข้อมูลต่าง ๆ ถูกต้องตามที่เราขอไปหรือเปล่า (บางครั้งอาจจะให้มากกว่าที่เราขอ เช่นว่าไป 15 วัน แต่เขาให้อยู่แบบเผื่อ ๆ ได้ 1 เดือน แบบนี้โอเค แต่ถ้าให้น้อยกว่า หรือให้ผิดเดือน ผิดปี ไม่ได้นะคะ ต้องรีบติดต่อไปขอแก้ไข) ถ้าทุกอย่างถูกต้องสมบูรณ์ ก็เชิญดีใจได้แล้วค่ะ เย้!!! หวังว่าเพื่อน ๆ อ่านประสบการณ์ของเราแล้ว จะช่วยให้สามารถเตรียมพร้อมขอวีซ่าเชงเกนได้สะดวกยิ่งมากขึ้น และตอนนี้ศูนย์ VFS กรุงเทพฯ ย้ายไปเปิดที่ใหม่ที่ชั้น 8 ตึก Trendy ซอยสุขุมวิท 13 วางแผนการเดินทางกันดี ๆ นะคะ หากมีข้อสงสัยสอบถามศูนย์ VFS โดยตรงได้ที่ info.austh@vfshelpline.com ขอให้วีซ่าผ่านอย่างราบรื่นและเที่ยวสนุกกันทุกคนค่ะ ภาพประกอบทั้งหมดโดยผู้เขียนบทความ จัดแต่งรูปด้วยแอป PicCollage อัปเดตบทความท่องเที่ยวตามสถานที่อันหลากหลาย โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี !