รีเซต

เที่ยวอิตาลี นครรัฐวาติกัน Vatican City มรดกโลก เมืองหลวงแห่งคริสตจักร

เที่ยวอิตาลี นครรัฐวาติกัน Vatican City มรดกโลก เมืองหลวงแห่งคริสตจักร
SummerB
3 กุมภาพันธ์ 2566 ( 13:30 )
1.6K

     หากกล่าวถึงนครรัฐที่เล็กที่สุดในโลก แต่กลับแฝงไปด้วยความยิ่งใหญ่และความศักดิ์สิทธิ์ คงเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก นครรัฐวาติกัน หรือ Vatican City ศูย์กลางแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่รายล้อมไปด้วยบ้านเมืองของ กรุงโรม แห่ง อิตาลี โดดเด่นผ่านรูปแบบสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์อันเข้มข้น เรียกว่าเป็นศูนย์รวมของผลงานศิลปะ และสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของเหล่าศิลปินระดับโลกเลยก็ว่าได้ จะมีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ตามเรามาเลยค่ะ

 

นครรัฐวาติกัน Vatican City

นครศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนาคริสต์

ดูสารคดี Pope : The Most Powerful Man in History ออนไลน์ได้ที่นี่

 

ทำความรู้จักกับ นครรัฐวาติกัน

 

      นครรัฐวาติกัน (Vatican City) ศูนย์กลางแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่มีความยิ่งใหญ่นับตั้งแต่สมัยโบราณ ที่นี่เป็นนครรัฐที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตร กับประชากรราวๆ 1,000 คนเท่านั้น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของ แม่น้ำไทเบอร์ (Tiber River) แม้รอบด้านจะรายล้อมด้วยบ้านเมืองของ กรุงโรม ประเทศอิตาลี แต่นครรัฐวาติกันก็ถือว่าเป็นรัฐอิสระ โดยมีสมเด็จพระสันตปาปาเป็นประมุขของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และมีอำนาจสูงสุดทั้งทางด้านนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการนั่นเองค่ะ

 

ประวัติ นครรัฐวาติกัน

และการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก

 

 

      หากจะกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของนครรัฐวาติกัน ก็ต้องย้อนกลับไปเมื่อศตวรรษที่ 4 ยามที่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) ได้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรก โดย จักรพรรดิคอนสแตนตินมหาราช (Emperor Constantine I) เมื่อปี ค.ศ. 324 เพื่อเป็นที่ตั้งของ สุสานนักบุญปีเตอร์ (St. Peter's Grave) สมเด็จพระสันตปาปาองค์แรกของโลก นับแต่นั้นมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และนครรัฐวาติกันก็กลายเป็นศูนย์รวมของชาวคริสต์ ทำให้เกิดเป็นนครรัฐที่มีระบบการปกครองครอบที่ยิ่งใหญ่คลุมทั่วทั้งอาณาจักรโรมัน อีกทั้งเป็นเมืองหลวงแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมาจนถึงปัจจุบัน

      จนกระทั่งในยุคฟาสซิสต์อิตาลี (Fascist Italy) เมื่อปี ค.ศ. 1929 นครรัฐวาติกันและอิตาลีได้ลงนามสนธิสัญญา Lateran Treaty ตกลงให้นครรัฐวาติกันเป็นรัฐเอกราชมีอำนาจอธิปไตยของตนเอง และเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมของโลกที่เปี่ยมล้นไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ด้วยเหตุนี้เอง นครรัฐวาติกันจึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก (UNESCO World Heritage Site) เมื่อปี ค.ศ. 1984 และเปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เข้าไปชมความงดงามและความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมด้วยตาตนเอง

 

ที่เที่ยวไฮไลท์ นครรัฐวาติกัน

1. จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์

St. Peter's Square

 

 

      กรุงวาติกันนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่หลายแห่งด้วยกัน เริ่มด้วย จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Square) จัตุรัสทรงกลมขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1656 ออกแบบโดย เบอร์นินี (Gian Lorenzo Bernini) ประติมากรและสถาปนิกชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเสียงแห่งยุค ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมันที่มีความยิ่งใหญ่อลังการ ประดับด้วยรูปปั้นของเหล่านักบุญเรียงรายเป็นวงกลมด้านบนเสา ตรงกลางจัตุรัสจะเป็นที่ตั้งของ เสาโอเบลิสค์  (Obelisk) เสาทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่สูง 25.5 เมตร สร้างขึ้นที่เมือง Heliopolis ประเทศอียิปต์ เมื่อ 4,000 ปีที่แล้ว ความพิเศษของเสาต้นนี้คือ เป็นเสาโอเบลิสค์เพียงต้นเดียวที่ไม่ได้ถูกโค่นล้มตั้งแต่สมัยโรมันโบราณนั่นเองค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/kTow5TQNGtNeZc6B8 

===============

 

2. มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

St. Peter's Basilica

 

 

      มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ (St. Peter's Basilica) สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในนครรัฐวาติกัน ที่พวกตำแหน่งหนึ่งในโบสถ์ที่สวยและใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกมาตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เริ่มสร้างเป็นครั้งแรกเมื่อศตวรรษที่ 4 ก่อนจะมีการบูรณะซ่อมแซมครั้งใหญ่ปี ค.ศ. 1626 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรเนสซองส์ (Renaissance) โดยศิลปินและสถาปนิกที่มีชื่อเสียงแห่งยุคมากมาย เช่น ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo) โดนาโต บรามันเต (Donato Bramante) และ ราฟาเอล (Raphel) เป็นต้น 

 

 

      ภายในโบสถ์เป็นที่ฝังพระศพนักบุญปีเตอร์ ตลอดไปจนถึงสมเด็จพระสันตปาปาองค์ต่อมา รวมถึงเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาที่สำคัญเป็นอย่างมาก เชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้เข้าไปในโบสถ์แล้ว จะต้องทึ่งในสถาปัตยกรรมและศิลปะอันวิจิตรงดงามอย่างแน่นอนค่ะ ทั้งการแกะสลักหินอ่อน การจัดวางโมเสกแต่ละชิ้นต่างก็เป็นงานละเอียดที่หาที่ใดเปรียบได้ ที่สำคัญยังมี รูปปั้นปิเอตา (Pieta) หนึ่งในผลงานแกะสลักหินอ่อนชิ้นเอกโดยไมเคิลแองเจโลเป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/HM8jYJVJATMomjpG7 

===============

 

3. โบสถ์น้อยซิสทีน

Sistine Chapel

 

Krikkiat / Shutterstock.com

 

      โบสถ์น้อยซิสติน (Sistine Chapel) สถานที่คัดเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ที่มีความงดงามและสำคัญไม่แพ้กัน โดยมีไฮไลท์เป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังและเพดานโบสถ์ วาดขึ้นโดยไมเคิลแองเจโล อีกหนึ่งผลงานชิ้นเอกที่บอกเล่าเรื่องราวจาก The Book of Genesis ที่กล่าวถึงการสร้างโลก และกำเนิดมนุษย์ 2 คนแรกของโลก รวมไปถึง การพิพากษาครั้งสุดท้าย (The Last Judgement) ที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างประณีตที่สุด ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผลงานนี้ถึงใช้เวลาในการวาดทั้งหมดถึง 4 ปี เพราะเต็มไปด้วยรายละเอียดในแบบที่เห็นแล้วก็ไม่อยากเชื่อเลยว่านี่เป็นฝีมือของคนคนเดียว 😲

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/8rxS24C9EaTBqXJY9 

===============

 

4. พิพิธภัณฑ์วาติกัน

Vatican Museums

 

Cristian Puscasu / Shutterstock.com

 

     ความยิ่งใหญ่ของนครรัฐวาติกันยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะที่ พิพิธภัณฑ์วาติกัน (Vatican Museums) ยังมีชิ้นงานศิลปะของหลายยุคหลายสมัย ตั้งแต่ยุคอียิปต์ ยุคกรีก โรมัน จนถึงยุคเรเนซองส์มาเก็บรักษาเอาไว้จำนวนมากถึง 70,000 ชิ้น ทำให้ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะเกี่ยวกับศาสนาคริสต์ที่มีขนาดใหญ่ และสำคัญที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมี บันไดวน ที่สร้างขึ้นโดยบรามันเต ไต่ระดับจากล่างไปบน และตกแต่งด้วยลวดลายสวยงาม เป็นผลงานทางสถาปัตยกรรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชมเป็นอย่างมากค่ะ

 

พิกัด : https://goo.gl/maps/u4H8iULAE4rCVUDB9