รีเซต

9 ปราสาทผีสิง สุดเฮี้ยนรอบโลก ความหลอนที่ยังรอการพิสูจน์

9 ปราสาทผีสิง สุดเฮี้ยนรอบโลก ความหลอนที่ยังรอการพิสูจน์
แมวหง่าว
16 ตุลาคม 2563 ( 17:00 )
52.5K
2

     เรื่องราวทางประวัติศาสตร์บนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเป็นประเทศใดก็ตาม ก่อนที่จะถึงยุครุ่งโรจน์ สงบสุขดั่งเช่นปัจจุบัน ล้วนต้องผ่านศึกสงครามอันโหดร้ายยาวนานหลายศตวรรษ อิฐทุกก้อน ประตูทุกบาน ป้อมปราการทุกป้อม ล้วนแล้วแต่ชโลมไปด้วยคาวเลือด ความทุกข์ทรมาน และความอาฆาตพยาบาทจากสงคราม วิญญาณยังคงวนเวียนถูกกักขังอยู่ภายในปราสาทชั่วนิรันดร์

 

 

     ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของปราสาทสยองขวัญจากทั่วทุกมุมโลก ที่มีผู้พบเห็นและสัมผัสกับประสบการณ์ทางวิญญาณชวนขนหัวลุกมากมาย แม้ตอนกลางวันสถานที่เหล่านี้จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อันงดงามเพียงใดก็ตาม เมื่อตกกลางคืนแล้ว ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดทอแสงก็พร้อมจะปรากฎเงามืดอันน่าหวาดหวั่นขึ้นมาทันที

 

1. Edinburgh Castle, Scotland

 

 

     ปราสาทเอดินเบิร์ก เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก โดยนิตยสาร Times ที่นี่ถูกก่อสร้างขึ้นในช่วงยุคศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บนหินผา แวดล้อมด้วยทิวทัศน์อันงดงามแบบสกอตแลนด์ แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายในปราสาทนั้น มีคุกกักขังนักโทษซึ่งอบอวลไปด้วยความตายอยู่ทุกอณู ถนนโดยรอบปราสาทถูกใช้เป็นที่ฝังศพของผู้ตายจากโรคระบาด ตามห้องโถงทางเดินมีผู้พบเห็นผีมือกลองไร้หัว วิญญาณของสุนัขที่เร่ร่อนอยู่บริเวณสุสาน และที่โด่งดังมากที่สุดคือ ตำนานของ Lady Glamis ที่ถูกเผาทั้งเป็นต่อหน้าลูกชายของเธอเอง ในปี 1537 ด้วยข้อหาแม่มด ซึ่งวิญญาณของเธอยังคงวนเวียน ทวงถามความยุติธรรมที่ควรได้รับ

 

 

     ในปี 2001 เคยมีการทดลองโดยคัดเลือกอาสาสมัคร 240 คน ที่ไม่เคยมาที่ปราสาทเอดินเบิร์ก และไม่ทราบถึงประวัติของที่นี่ ให้มาอยู่อาศัยในปราสาทเป็นเวลา 10 วัน ผลก็คือผู้เข้าร่วมทุกคนล้วนแล้วแต่เจอเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ความรู้สึกอึดอัดคล้ายถูกจ้องมองอยู่ตลอดจากมุมมืด เงาที่ปรากฎอยู่ตามห้องขัง และความรู้สึกคล้ายถูกเผาไหม้อย่างไม่ทราบสาเหตุ

 

2. Chillingham Castle, England

 

 

     ปราสาทชิลลิงแฮม เต็มไปด้วยตำนานสยดสยองอันยาวนานกว่า 800 ปี ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการรบกับกองทัพสก็อตแลนด์ รวมถึงกักขัง ทรมานเชลยศึกและทหารที่จับตัวมาได้ และตำนานที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุดคือเรื่องราวของ John Sage ผู้คุมสุดโหดที่เกลียดชังชาวสก็อตเป็นอย่างมาก โดยจะค่อยๆ กรีดเนื้อของนักโทษทีละชิ้น ทีละส่วน จนกว่าจะขาดใจตายในที่สุด

 

 

     ปัจจุบันปราสาทชิลลิงแฮมได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว แต่บรรยากาศอันน่าสยดสยองภายในปราสาทแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ เสียงกรีดร้องด้วยความทรมานยังคงก้องอยู่ภายใน รวมถึงเสียงโซ่ของผู้คุม John Sage ที่ใช้ลากศพของผู้เคราะห์ร้ายด้วย

 

3. Himeji Castle, Japan

 

 

     ปราสาทฮิเมจิที่แสนงดงาม หนึ่งในมรดกโลกที่เหลือรอดมาจากการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีอีกชื่อหนึ่งว่าปราสาทนกกระสาขาว เป็นปราสาทที่ออกแบบสลับซับซ้อนทั้งด้านในและด้านนอก มีอาคารเชื่อมต่อกันกว่า 83 อาคาร เนื่องจากเป็นปราสาทที่ใช้ป้องกันศัตรูจากภายนอกในยุคสงครามกลางเมือง

 

Kit Leong / Shutterstock.com

 

     ตำนานความเชื่อเกี่ยวกับปราสาทฮิเมจินั้นมีมากมาย เช่น ถ้าใครอยู่ภายในปราสาทประมาณ 4 โมง ถ้าไม่ออกจากปราสาทภายในเวลา 2 ชั่วโมงจะหลงทาง แต่ตำนานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ ตำนานผีนับจาน หรือซารายาชิกิ (Sarayashiki) ซึ่งว่ากันว่าในจำนวนบ่อน้ำหลายสิบบ่อที่สร้างขึ้นในปราสาทแห่งนี้ มีบ่อหนึ่งที่มีผีสิงซึ่งเป็นวิญญาณของหญิงสาวชื่อ โอกิกุ (Okiku) ที่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรม

 

4. Leap Castle, Ireland

 

 

ปราสาทลีป ไอร์แลนด์

 

     ปราสาทลีป มีอายุกว่า 400 ปี และเป็นที่ที่ได้รับการกล่าวว่าเป็นปราสาทที่เฮี้ยนที่สุดในไอร์แลนด์ จากเหตุการณ์ที่บรรดาลูกหลานตระกูล โอ คารอล ทำการต่อสู้แย่งชิงสิทธิ์ความเป็นผู้นำ เกิดการสังหารหมู่ภายในตระกูลรุ่นแล้วรุ่นเล่า รวมไปถึงมีการค้นพบคุกลับแบบยุโรปยุคกลาง ที่เรียกว่า Oubliette เป็นคุกที่สร้างให้มีลักษณะเป็นเกาะกลางเหว ด้านล่างจะมีกับดักเป็นหนามแหลมเพื่อป้องกันนักโทษหลบหนี มีการพบซากกระดูกมากมายทับถมกันในคุกลับนั้น

 

5. Predjama Castle, Slovenia

 

 

     ปราสาทสมัยเรอเนสซองซ์ที่สร้างภายในโพรงถ้ำขนาดยักษ์ เพื่อใช้เป็นป้อมปราการทำศึกกับจักรวรรดิโรมัน มีช่องทางลับมากมายสำหรับใช้เพื่อหลบหนี และส่งเสบียงทัพในยามศึกสงคราม ที่แห่งนี้นอกจากจะมีผู้เสียชีวิตจากการสู้รบแล้ว ยังมีผู้ตายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1511 ก่อนจะถูกสร้างใหม่อีกครั้งในปี 1567

 

6. Castle Bran, Romania

 

 

     ปราสาทบราน แห่งโรมาเนีย เป็นปราสาทที่นักเขียนชาวไอริช “บราม สโตเกอร์” ใช้เป็นวัตถุดิบในนิยายชื่อดัง เคาท์แดร๊กคิวล่า แม้จะไม่ได้เป็นปราสาทของแวมไพร์จริงๆ แต่ความน่ากลัวในทางประวัติศาสตร์จริงนั้นก็ยังคงอยู่ คือเรื่องราวของเจ้าชายนักรบนาม “วแลด แดรคูล” (Vlad III Dracul) ที่เคยครอบครองปราสาทนี้เพื่อใช้ต่อสู้กับชาวเติร์ก ว่ากันเจ้าชายทรงสู้รบด้วยความเหี้ยมโหดไร้ปราณีต่อข้าศึกศัตรู เชลยศึกที่จับได้ก็จะถูกนำมาเสียบประจานอย่างน่าสยดสยอง

 

 

7. Čachtice Castle, Slovakia

 

 

     ปราสาทแอคติส ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้หมู่บ้านแอคติส ประเทศสโลวาเกีย ที่มีตำนานความเหี้ยมโหดของ เคาท์เทส อลิซาเบธ บาโธรี่ ที่ลวงเด็กสาวในดินแดนของตนเข้าปราสาทเพื่อรีดเอาเลือดสดๆ มาอาบชำระล้างร่างกาย ด้วยเธอมีความเชื่อว่ามันสามารถชะลอวัยได้

 

8. Eltz Castle, Germany

 

Frank Fischbach / Shutterstock.com

 

     ปราสาทเอ็ลทซ์ หนึ่งในปราสาทยุคกลางของเยอรมนีที่ขึนชื่อเรื่องความสวยงาม ปัจจุบันตัวปราสาทยังเป็นกรรมสิทธิ์ของตระกูลเอ็ลทซ์ ตระกูลขุนนางเก่าแก่ซึ่งอาศัยอยู่มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 12 และไม่เคยเปลี่ยนมือเจ้าของเลย ร่ำลือกันว่าทุกวันนี้ยังสามารถเห็นวิญญาณของอัศวินยุคกลาง เดินตรวจตราไปมารอบปราสาทอยู่

 

9. Houska Castle, Czech Republic

 

 

     ปราสาทโฮชกา (Houska) แห่งสาธารณรัฐเช็ก ปราสาทสยองขวัญที่คาดว่าน่าจะสร้างในสมัยศตวรรษที่ 13 ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาอันโดดเดี่ยว ความแปลกประหลาดของปราสาทหลังนี้ก็คือ วัตถุประสงค์ในการสร้าง นั่นเอง ตามปกติแล้วปราสาทจะถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเหมือนป้อมปราการบวกเข้ากับที่อยู่อาศัย แต่ที่นี่ไม่ได้สร้างเพื่อการสู้รบกับข้าศึกแต่อย่างใด เพราะมันเอาไว้กักกัน "บางอย่าง" เอาไว้ไม่ให้ออกมาได้ต่างหาก

     ปราสาทหลังนี้ถูกสร้างทับอยู่บนหลุมขนาดใหญ่หลุมหนึ่งใต้ปราสาท โดยสร้างโบสถ์น้อยไว้อีกหนึ่งอยู่ ณ จุดนั้น มีความเชื่อกันว่าหลุมนี้ลึกจนมองไม่เห็นก้น เป็นประตูเชื่อมลงไปถึงยมโลก และยังเป็นที่อยู่อาศัยของปีศาจครึ่งคนครึ่งสัตว์ด้วย หากหลุมนี้ถูกเปิดเมื่อไหร่ ก็อาจนำพาปีศาจร้ายเข้ามายังโลกมนุษย์ได้ ทุกวันนี้ยังมีผู้พบเห็นปีศาจ และภูตผีต่างๆ วนเวียนอยู่ภายในปราสาท เพียงแต่มันถูกขังเอาไว้ ไม่สามารถออกมาข้างนอกได้

====================

 

รวมที่เที่ยว ที่พัก อัพเดทเทรนด์ ฟินทั่วไทยและต่างประเทศ

อ่านง่าย สบายกว่าที่เคย! บนแอปพลิเคชัน ทรูไอดี

ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!