ดินแดนแห่งหมีขาวและดินแดน 2 ทวีป เมื่อพูดถึงแบบนี้ เป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก “รัสเซีย” ประเทศที่ตั้งอยู่ทวีปเอเชียและทวีปยุโรปเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและสวยงาม จึงไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยวรัสเซียสักครั้ง แถม!! เป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี และไม่ต้องขอวีซ่าด้วย 😊ต้องเกริ่นก่อนว่า...เราไปช่วงกันยายน ถึง ตุลาคม 2562 (ประมาณ 5 ปีกว่า ก่อนโควิด) และไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ ซึ่งข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สายการบิน และอื่นๆ อาจมีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ไม่ใช่ข้อมูล ณ ปัจจุบัน ดังนั้นเราแนะนำให้หาข้อมูลต่างก่อนไป ไม่ว่าจะเป็น Google , Facebook , YouTube รวมถึงสอบถามผู้รู้ สำหรับคนที่ไปกับบริษัททัวร์...สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือ มัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีคนไทย) นะ เพื่อความมั่นใจ และถูกต้องของข้อมูลที่อัพเดทแล้ว ดังนั้นบทความนี้...เป็นการเล่าจากประสบการณ์ที่เราไปเที่ยว ณ ตอนนั้น และถือเป็นข้อมูลพื้นฐาน 101 สำหรับผู้ที่สนใจไปเที่ยวรัสเซียนะ😊ในทริปนี้...เราไปเที่ยวกับบริษัท Let’s Go Group เที่ยวรัสเซีย...มอสโคว์ (Moscow) และเซนปีเตอร์เบิร์ก (Saint Peterburg) 7 วัน 5 คืน สายการบิน Thai Airways ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อากาศเย็นสบาย มีฝนตกบ้าง และมีใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้ชมกัน ว่าแล้วไปดูกันว่า 7 วัน 5 คืน ไปที่ไหนบ้าง...ไปกันเลยวันแรก...ณ วันเดินทางไปรัสเซียในวันแรกนี้...เจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีมคนไทย) นัดเจอที่สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ในการประสานงาน และให้คำแนะนำต่างๆ ก่อนออกเดินทาง ซึ่งการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ไปยังสนามบินนานาชาติโดโมเดโดโว รัสเซีย ประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที นั่งเครื่องนานแบบฉ่ำๆ ไปเลย เพราะบินตรงจากประเทศไทยไปประเทศรัสเซีย และเมื่อถึงมอสโคว์ (Moscow) ประเทศรัสเซียแล้ว เดินทางสู่ที่พัก และจัดกระเป๋าอีกครั้ง!! และถ้าถามว่าทำไมถึงต้องจัดกระเป๋าอีกครั้ง เนื่องจากไปเที่ยวเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก 2 คืน ซึ่งแล้วแต่โปรแกรมที่จัดไว้นะ ว่าเป็นแบบไหน ในส่วนของเราพักที่มอสโคว์ 1 คืน แล้วค่อยไปเซนต์ปีเตอร์เบิร์กค่ะ และการจัดกระเป๋านั้น แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละบุคคลนะ ว่าสะดวกแบบไหน แยกกระเป๋าไหม หรือไม่แยกวันที่ 2...เดินทางสู่ เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (Saint Peterburg)ในวันนี้เราเดินทางไป “เมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (Saint Peterburg)” ด้วยรถไฟความเร็วสูง (Sapsan Fast Train) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง ซึ่งบนรถไฟมีจุดบริการขายเครื่องดื่ม ชา กาแฟ แต่จำไม่ได้นะว่ามีจำหน่ายอาหาร หรือขนมปังไหม เพื่อความมั่นใจ ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือ มัคคุเทศก์นะ เมื่อถึงเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์กแล้ว เที่ยวต่อเลย...สถานนีแรก... “โบสถ์หยดเลือด (Church of the Savior on Spilled Blood)” มีลักษณะรูปร่างคล้ายวิหารเซนต์บาซิลที่เมืองมอสโคว์ โดยนำรูปแบบสถาปัตยกรรมในคริสต์ศตวรรษที่ 16 – 17 นำมาใช้ในการก่อสร้าง ซึ่งจังหวะที่ไปนั้น มีการปรับปรุง ซ่อมแซ่มในบางส่วนของโบสถ์ และอากาศครึ้ม ฝนพร้อมตกมากแม่สถานีต่อไป... “พระราชวังแคทเทอรีน (Catherline Palace)” ณ เมืองพุชกิน (Pushkin) พระราชวังที่สวยงามแห่งหนึ่งในรัสเซีย มีห้องต่างๆ ให้ชมมากมาย แต่!! ที่พลาดไม่ได้ คือ “ห้องอำพัน หรือ ห้องแอมเบอร์รูม (The Amber Room)” เป็นงานศิลป์ที่สวยงาม ซึ่งในบางจุด ไม่สามารถถ่ายรูปได้ ดังนั้นให้สังเกตป้าย หรือ สอบถามมัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีมคนไทย) และมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ได้นะ อ่อ!! ลืมบอกเลย...ว่านอกจากมัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีมคนไทย) แล้ว ยังมีมัคคุเทศก์ท้องถิ่น (เป็นชาวรัสเซีย) ด้วยนะ สามารถสอบถามและพูดคุยได้นะคะ แต่ถ้าไม่มั่นใจ หรือไม่เก่งภาษาสามารถถามมัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีมคนไทย) ได้นะ และการไปพิพิธภัณฑ์ พระราชวัง หรือสถานที่อื่นๆ ที่ผู้คนเยอะ ทางมัคคุเทศก์จะแจกเครื่องสำหรับการฟังบรรยาย คำอธิบาย (คล้ายๆ เครื่อง iPod หรือเครื่อง MP3) พร้อมหูฟังแจกด้วยนะ....เครื่องสำหรับการฟังบรรยาย คำอธิบาย...หลังจากนั้น...รับประทานอาหารเย็น ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ (ที่เราเจอในทริปนี้นะ) จะเป็นอาหารอิตาเลียนสลับกับอาหารจีน (เป็นเมนูผัด ทอด เช่น ผัดผัก ไข่เจียว และอื่นๆ) และเข้าที่พักวันที่ 3...ยังอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (Saint Peterburg)เดินทางกันต่อกับสถานีแรก...“พระราชวังฤดูร้อน หรือ พระราชวังปีเตอร์ฮอป (Peterhof Palace) หรือ เปโตรควาเรสต์” ตั้งอยู่ริมทะเล และเป็นพระราชวังที่ต้องตื่นตาตื่นใจกับความงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ และประติมากรรมน้ำพุอันโดดเด่นอลังการ และเดินเล่นพักผ่อนกับอุทยานพฤกษานานาพันธุ์ ซึ่งตอนไปนั้นใบไม้กำลังเปลี่ยนสีสวยงาม ตั้งอยู่ด้านหน้าของพระราชวัง (หมายเหตุสำหรับ “น้ำพุ” น้ำพุในสวนไม่สามารถเปิดให้ชมได้ในช่วงฤดูหนาว และอาจปิดทำการ โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ดังนั้นควรหาข้อมูล หรือสอบถามรายะเอียดต่างๆ เพื่อความมั่นใจนะ)สถานีต่อไป... “ป้อมปีเตอร์และปอล (Peter and Paul Fortress)” สิ่งก่อสร้างแรกของเมือง เพื่อเป็นอนุสรณ์ต่อชัยชนะของสงคราม สามารถเดินชมด้านในของป้อมปีเตอร์และปอลได้นะ และจะมีรูปปั้นอยู่ท่านนึง เราจะไม่ได้นะว่าท่านคือใคร แต่จำได้จากที่มัคคุเทศก์บอก คือ ถ้าเราไปลูบ หรือ จับ หรือ แตะที่รูปปั้นนี้ เราจะได้กลับมาเที่ยวรัสเซียอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจริงไหมนะ แต่เราไปลูบ หรือ แตะที่รูปปั้นนี้แล้ว 😁และสถานีสุดท้ายของวันนี้ ก่อนไปพักผ่อน...กับ “ถนนเนฟสกี้ (Nevsky Prospekt)” มีความยาว 4.5 กิโลเมตร ณ ปัจจุบัน เป็นถนนสายหลักของเมือง และเป็นย่านการค้า ย่านที่พัก และอื่นๆ อีกด้วยวันที่ 4...เที่ยวเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก วันที่ 2...ก่อนกลับมอสโคว์ยังอยู่ที่ “เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก (Saint Peterburg)”...สถานที่แรก คือ “พิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจ (The State Hormitage Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมงานศิลปะ และภาพเขียนของจินตกร และยังอยู่บริเวณเดียวกันกับ “พระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace)” ประกอบด้วยห้องต่างๆ มากมาย และยังเป็นสถานที่รับรองการเสด็จอีกด้วย ซึ่งตัวอาคารกว้างขวางมาก เดินกันแบบฉ่ำๆ เลย แต่คุ้มมากๆ ในการเดิมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สถานนีต่อไป... “มหาวิหารเซนต์ไอแชค (Saint Issacis Cathedraf)” เป็นมหาวิหารที่ใช้เวลาสร้าง 40 ปี ในอดีตเป็นมหาวิหารที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ซึ่งภายในมีรูปภาพที่สร้างด้วยโมเสควิจิตรสวยงาม ทั้งรูปเขียนและหินแกรนิต ซึ่งตามประวัติ มหาวิหารได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยจากการถูกถล่มด้วยระเบิดของทหารนาซี ซึ่งมองแค่นอกอาคารสีออกขาว ครีม น้ำตาล ว่าสวยแล้ว มีต้นไม้สีเขียวและสีเหลือง (ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี) แบบนี้ ยิ่งสวยมากกว่าเดิม...เดินทางกลับ “เมืองมอสโคว์ (Moscow)” ด้วยรถไฟความเร็วสูง ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง...วันที่ 5...ณ เมืองมอสโคว์ (Moscow)สถานีแรก ณ เมืองมอสโคว์ (Moscow)...กับ “พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace)” ที่ประทับของพระเจ้าชาร์ทุกพระองค์ แต่ในปัจจุบันเป็นที่ประชุมของรัฐบาล และที่รับรองแขกระดับประเทศ ตัวอาคารสีขาว ตัดกับโดมสีทองด้านบน โดดเด่นเป็นสง่า ซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันจะเป็นจัตุวิหาร เป็นที่ตั้งของ “มหาวิหารอัสสัมชัญ (Assumption Cathedral)” หากมีพิธีกรรมทางศาสนา จะไม่อนุญาตให้เข้าด้านในสถานีถัดไป อยู่บริเวณใกล้ๆ กัน กับ... “มหาวิหารอาร์คแอนด์เกิล มิคาเอล (The Archangel Michael)” เป็นที่เก็บพระศพของพระเจ้าชาร์ ก่อนยุคพระเจ้าปีเตอร์มหาราช ผ่านชม “ระฆังยักษ์แห่งพระเจ้าชาร์ (Big Bar of Tsar)” ระฆังใบใหญ่ที่สุด (ใหญ่แค่ไหน เราแปะรูปไว้ให้แล้วนะ) ซึ่งระฆังใบนี้...ประวัติความเป็นมาบอกว่าเกิดความผิดพลาดระหว่างหล่อทำให้เกิดระฆังแตก ปัจจุบันตั้งอยู่ภายในพระบรมราชวังเครมลิน และชมปืนใหญ่พระเจ้าชาร์ (Cannons of Tsar) ปืนใหญ่นี้ยังไม่เคยมีการใช้งานจริงนะ (ว่ากันว่าไม่เคยการใช้ยิงเลย) และขยับมาอีกนิด อยู่บริเวณเดียวกัน...กับ “พิพิธภัณฑ์อาร์เมอรี่แชมเบอร์ (State Armoury Chamber Museum)” เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดของรัสเซีย และเป็นที่เก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติของพระเจ้าแผ่นดิน ซึ่งเราจะเห็นตัวอาคารสีเหลืองมัสตาร์ด ตัดกับหน้าต่างสีขาว และยังมีต้นไม้เปลี่ยนสีสลับไปมา มองแล้วสวยงามสบายตา😊 ซึ่งทั้งสองสถานที่ คือ มหาวิหารอาร์คแอนด์เกิล มิคาเอล และ พิพิธภัณฑ์อาร์เมอรี่แชมเบอร์ อยู่บริเวณใกล้กัน สีของตัวอาคารสีสันสวยงาม เหมาะแก่การถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกสถานีต่อไป... “สถานีรถไฟใต้ดิน (Moscow Metro)” แต่ละสถานีมีสถาปัตยกรรมการตกแต่งภายในที่สวยงามและไม่เหมือนกัน ซึ่งในแต่ละสถานีจะสื่อความหมาย หรือเล่าเรื่องราวที่ไม่เหมือนกันผ่านงานปั้น รูปหล่อ ภาพสลักนูนต่ำ ภาพวาดประดับลวดลายแบบโมเสก ดังนั้นเหมาะแก่การถ่ายรูปแบบชิคๆ ได้ แต่ แต่ แต่!!! ตอนถ่ายรูประวังทรัพย์สินของมีค่าด้วยนะ เพราะเป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มีผู้คนสัญจร เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินค่อนข้างเยอะ ระวังกันด้วยนะสถานีสุดท้ายของวัน...กับ “การแสดงละครสัตว์ (Circus Show)” เป็นการแสดงขอสัตว์แสนรู้ รวมทั้งมายากล กายกรรม การแสดงผาดโผน และยังมีการแสดงดนตรีแบบเล่นสดด้วย บอกได้เลยว่าประทับใจ ตื่นตาตื่นใจ และสนุกมากๆ ก. ไก่ ล้านตัวได้ (สำหรับผู้ที่จะเข้าชมการแสดงนี้ ไม่ว่าจะไปแบบ Backpack หรือ ไปกับบริษัททัวร์ แนะนำให้สอบถามเจ้าหน้าที่ หรือ มัคคุเทศก์ ว่าในวันที่เราจะเข้าชมนั้น มีโชว์ละครสัตว์ไหม เนื่องจากในบางครั้ง บางกรณี...งดการแสดงโดยไม่แจ้งล้วงหน้า หรือหารอบโชว์ไม่ได้)วันที่ 6...ยังอยู่ ณ เมืองมอสโคว์ ก่อนกลับประเทศไทยสถานีแรก...เข้าสู่โหมดจินตนาการกัน กับ “DIY ระบายสีตุ๊กตาแม่ลูกดก ณ ร้านผลิตตุ๊กตาแม่ลูกดก” ตุ๊กตาแม่ลูกดกมีชื่อเสียงและเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของรัสเซีย ซึ่งทางร้าน...ได้จัดเตรียมตุ๊กตาแม่ลูกดกแบบแม่แบบกับสีน้ำเตรียมไว้ให้ระบายตามจินตนาการ สามารถนำกลับเป็นของที่ระลึกได้ หรือจะซื้อตุ๊กตาแม่ลูกดกเป็นของฝากได้เช่นกัน ที่ร้านมีจำหน่ายนะสถานีต่อไป...กับ “จัตุรัสแดง (Red Square)” ลานกว้างใจกลางเมือง โดดเด่นด้วยอาคารสีแดง หลังคาร (โดม) สีขาวตัดกัน เป็นเวทีของเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ รวมถึงการเฉลิมฉลอง หรือประท้วงต่างๆ และบริเวณโดยรอบของจัตุรัสแดง เป็นที่ตั้งของกลุ่มสถาปัตยกรรมที่สวยงาม...ของจริงตัวอาคารต่างๆ สวยงามกว่าในรูปอีกนะ แถมยังมีสวนดอกไม้ประดับประดาสีสันสวยงามอยู่หน้าจัตุรัสแดงอีกด้วยสถานีต่อไป สถานที่ใกล้เคียงบริเวณเดียวกัน... “มหาวิหารเซนต์บาซิล หรือ เบซิล (Saint Basil’s Cathedral)” สัญลักษณ์แห่งความงามของเมืองมอสโคว์ มีลักษณะเป็นโดมรูปหัวหอมสีสันสดใส และตั้งอยู่บริเวณโดยรอบจัตุรัสแดง ซึ่งเป็นสถานที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากไปถ่ายรูปเช็คอินกัน ซึ่งช่วงที่ไปนั้นมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ระวังมิจฉาชีพกันด้วยนะ!!สถานีต่อไป ไม่ห่างกันเลย... “หอนาฬิกาชาวิเออร์ (Savlour Clock Tower)” ตั้งอยู่บนป้อมสปาสสกายา บนยอดมีดาวแดง 5 แฉก ซึ่งสีของหอนาฬิกาจะคล้ายๆ (หรือเหมือนก็ได้นะ) กับจัตุรัสแดง (Red Square) เลย และยังอยู่บริเวณเดียวกันด้วย แต่ไม่แน่ใจนะว่าสามารถเข้าไปชมด้านในของหอนาฬิกาได้ไหมสถานีต่อไป ก็ยังอยู่ในบริเวณเดียวกัน... “ห้างสรรพสินค้ากุม (Gum Department Store)” สถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ของมอสโคว์ ปัจจุบันเป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำ จำหน่ายสินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอาง และอื่นๆ อีกมากมาย และเมื่อมาห้างสรรพสินค้ากุม อย่าลืมมาเยือนร้านไอศครีมที่มีชื่อเสียงของห้างให้ลิ้มลองกัน ชื่อร้าน (เขียนบนป้ายหน้าร้าน) ว่า Мороженое ซึ่งไม่แน่ใจนะว่าใช่ร้านนี้ไหมสถานีต่อไป... “มหาวิหารเซนต์ซาเวียร์ (Cathedral of Christ the Savlour)” หรือเรียกว่า มหาวิหารโดมทอง เป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะในสงครามนโปเลียน ซึ่งของจริงอลังการมาก แต่ด้านในไม่สามารถถ่ายรูปได้ ยิ่งถ้ามีพิธีกรรม...ไม่สามารถถ่ายได้ และมาถึงที่นี่แล้ว ต้องไปเดินเก็บภาพบนสะพาน Moskva-river ที่ทอดข้ามแม่น้ำมอสควาแห่งนี้ สายนางแบบ นายแบบ ชอบโพสต์ท่าห้ามพลาด เพราะจากบนสะพานจะเห็นตัวโบสถ์เป็นพื้นหลังที่สวยงามมาก แล้วทางด้านข้างจะเป็นวิวภาพกว้างของพระราชวังเคลมลินบนริมฝั่งแม่น้ำและสถานีสุดท้ายก่อนกลับไทย... “สวนโคโลเมนสโกเย” ตั้งอยู่บริเวณของพระราชวังไม้ บริเวณรอบนอกมีพื้นที่กว้างขวาง และมีต้นไม้ที่ร่มรื่น ซึ่งช่วงที่ไปเป็นช่วงฤดุใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้มีสีสันสวยงามในอีกรูปแบบนึง เข้ากับตัวพระราชวังไม้ 😊และสุดท้าย ท้ายสุด หลังจากรับประทานอาหารเย็นแล้ว...เดินทางไปสนามบินนานาชาติโดโมเดโดโว เมืองมอสโคว์ รัสเซีย เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับอีกวัน (วันที่ 7) เพราะฉะนั้นเดินทางครบ 7 วันพอดีค่ะ 😊เกือบลืมเลย สำหรับของฝาก...มัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีมคนไทย) แนะนำซื้อของฝาก โดยเฉพาะขนม ช็อกโกแลตที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้โรงแรม ซึ่งเราจำไม่ได้นะว่าซื้อที่ไหน ระหว่างมอสโคว์ หรือ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก แต่บอกได้อย่างนึงว่าขนมและช็อกโกแลตเยอะมาก และถือว่าถูกด้วยเช่นกัน แนะนำเลย หรือถ้าไม่อยากซื้อขนม ก็จะมีร้านตุ๊กตาแม่ลูกดกอีกจุดนึงค่ะที่แนะนำค่ะเป็น 7 วันที่สนุกและคุ้มมากๆ ค่ะ แถมเหนื่อยในเวลาเดียวกันด้วย 😅 โดยเฉพาะขากลับ เพราะปกติเรานอนบนเครื่องบินแค่ 1 – 2 ชั่วโมงเท่านั้น ไม่หลับต่อ แต่นี่เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ขึ้นเครื่องปุ๊บหลับปั๊ปเลย พร้อมนอนมาก ถือว่าเป็นทริปที่เราได้พักผ่อนและชาร์จพลัง ก่อนกลับไปลุยงานต่อ แถมยังได้ความรู้และได้เข้าสังคมในอีกรูปแบบนึงจากการไปเที่ยวกับบริษัททัวร์ ถ้ามีโอกาส....แนะนำไปเที่ยวรัสเซียสักครั้งนะ จะรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจ แถมได้ประสบการณ์คำแนะนำ!! แชร์จากประสบการณ์ของเราจากการไปเที่ยวกับบริษัททัวร์นะ ซึ่งเพื่อนๆ ทุกคนทั้งที่ไปเที่ยวกับบริษัททัวร์เหมือนเรา หรือไปแบบ Backpack ที่เข้ามาอ่าน ข้อมูลที่เรามาแนะนำนี้ ถือเป็นข้อมูลพื้นฐาน 101 เท่านั้นนะข้อแรก “เลือกสถานที่ท่องเที่ยว”...เริ่มจากตัวเราเองว่าอยากไปเที่ยวประเทศอะไร และเมืองอะไร รวมถึงช่วงเวลาที่อยากไปด้วยนะ เช่น ฤดู , เทศกาล และอื่นๆ เพื่อประกอบในการตัดสินใจข้อ 2 “วัน และ เวลาเดินทาง”...ดูวันและเวลาเดินทางที่เราสะดวก และตรงกับทริปที่เราอยากไป โดยเฉพาะเพื่อนๆ ที่ทำงานประจำ ลองแพลนวันลาหยุดดีๆ นะ ว่าสามารถขยับ (เลื่อน) ได้ไหมข้อ 3 “สายการบิน”...ที่พูดถึงสายการบิน เนื่องจากตอนที่เราไปนั้น บินตรงจากประเทศไทย ไป ประเทศรัสเซียเลย แต่ ณ ตอนนี้ ที่เราเข้าไปดูคราวๆ มีการเปลี่ยน (ต่อเครื่อง) นะ ดังนั้นลองเข้าไปดูกันว่าต่อเครื่องที่ไหน ใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง กี่นาที อาจรวมถึงอาหารบนเครื่องว่ามีไหมนะข้อ 4 “อาหาร”...ไหน ไหน ก็พูดถึงอาหารแล้ว ให้ดูสัญลักษณ์จาน ช้อน ส้อม 🍽 ในหน้าแรกของโปรแกรมทัวร์ ว่าในทริปนั้นเป็นแบบไหน มีครบทุกมื้อไหม หรือมีแค่บางมื้อ...ขอขยายความนะ ที่เราหมายถึง คือ บางโปรแกรม บางทริปทุกมีอาหารครบทุกมื้อ คือ ทางบริษัททัวร์ติดต่อร้านอาหารไว้แล้วทุกมื้อ รวมอาหารเช้าที่โรงแรม หรือ บางโปรแกรม บางทริป ที่มีแค่บางมื้อ คือ ทางบริษัททัวร์ติดต่อร้านอาหารแค่บางมื้อ ส่วนอีกมื้อ คือ อิสระอาหาร...ตามอัธยาศัย รวมอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคลนะ ว่าสะดวกแบบไหน ยกตัวอย่าง เช่น ทริป A (ครบทุกมื้อ) ไป 6 วัน 4 คืน ครบทุกมื้อ+บนเครื่อง แบ่งออกเป็น อาหารเช้า 4 มื้อ / อาหารกลางวัน 4 มื้อ / อาหารเย็น (ค่ำ) 4 มื้อ ทริป B (บางมื้อ) ไป 6 วัน 4 คืน อาหาร 9 มื้อ+บนเครื่อง แบ่งออกเป็น อาหารเช้า 4 มื้อ / อาหารกลางวัน 4 มื้อ / อาหารเย็น (ค่ำ) 1 มื้อเพิ่มเติมสำหรับคนแพ้อาหาร...แนะนำให้แจ้งเจ้าหน้าที่ และมัคคุเทศก์ (หัวกน้าทีมคนไทย) ตั้งแต่ต้นนะคะ ทางบริษัททัวร์จะได้เตรียมอาหารที่เหมาะสมกับเพื่อนๆ ที่แพ้อาหารได้ถูกต้อง และอีกสิ่งหนึ่งที่แนะนำให้พกไป คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วย สักถ้วยนึง เพื่ออาหารไม่ถูกปากคนไทยแบบเรา เนื่องจากตอนที่ไป เป็นอาหารอิตาเลี่ยนสลับกับอาหารจีน ซึ่งอาหารจีนส่วนใหญ่จะเป็นเมนูประเภทผัด ทำให้คิดถึงอาหารไทย แต่เดี่ยวก่อน!!! อย่าเพิ่งรีบไปซื้อนะ ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ หรือ มัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีมคนไทย) ว่านำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยไปได้ไหม ลองถ่ายรูปบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบถ้วยที่จะนำไปด้วย ส่งให้เจ้าหน้าที่ หรือ มัคคุเทศก์ (หัวหน้าทีมคนไทย) ช่วยดูอีกที เพราะกลิ่นในซองเครื่องปรุงบางคนเขาไม่ชอบกลิ่น ดังนั้นแนะนำให้สอบถามนะข้อ 5 “(ค่า) ทิปมัคคุเทศก์”...ที่พูดถึงเรื่องของค่าทิปของมัคคุเทศก์ เนื่องจากอยากให้สังเกต “สกุลเงิน” ค่ะ เนื่องจากบางประเทศที่ไปใช้สกุลเงินเดียวกัน ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าทิป แต่บางประเทศ ใช้สกุลเงินต่างกัน เช่น ประเทศรัสเซีย...ใช้สกุลเงิน “รูเบิล (RUB)” สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนตัว แต่พอเป็นค่าทิปมัคคุเทศก์ใช้สกุลเงิน “ดอลล่าร์สหรัฐ (USD)” ค่ะข้อ 6 “ข้อมูลทั่วไป”...เป็นข้อมูลทั่วไปที่ทุกคนรู้อยู่แล้วค่ะ เช่น เสื้อผ้า ของใช้จำเป็น และอื่นๆ แต่ที่อยากเน้น และสังเกตในบางข้อ • เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย...ช่วงที่เราไป ช่วงฤดูอะไร เช่น ฤดูหนาว = เสื้อกันหนาว / ฤดูฝน = ร่ม เป็นต้น • ยา...ทั้งคนมีโรคประจำตัว และไม่มีโรคประจำตัว นำติดตัวใส่กระเป๋า • เวลา...ควรรู้ Time Zone ของประเทศที่เราจะไปว่าเวลาห่างจากประเทศไทยเท่าไร? เร็ว หรือ ช้า กว่าไทยเท่าไร? • ระบบไฟ (ปลั๊กไฟ)...ประเทศที่เราจะไปใช้ปลั๊กไฟรูปแบบไหน จะได้เตรียม Adapter ได้ถูกต้อง ไม่มีปัญหา • สกุลเงิน...ประเทศที่เราจะไปใช้สกุลเงินอะไรเป็นหลักและนี่เป็นประสบการณ์และคำแนะนำของเราที่ได้จากการไปเที่ยวในครั้งนี้...ยังไงก็ตาม ถือว่าเป็นการแชร์ประสบการณ์จากเรา และเป็นข้อมูลพื้นฐาน 101 จากเราละกันนะ😊 ปล.อย่าเพิ่งเบื่อกับคำพูดที่ว่าเป็นข้อมูลพื้นฐาน 101 เลยนะ เพราะเป็นประสบการณ์การไปเที่ยวรัสเซียที่นานมากๆ เลยมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ🙏🙏 ....หมอกเทา....CREDIT PHOTO : หมอกเทา (CREATOR) เป็นภาพที่ถ่ายเมื่อตอนไปเที่ยว ซึ่งมีทั้งภาพจากกล้องโทรศํพท์และกล้องฟิล์ม อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !