“ศาลเจ้ากวนอู” เป็นส่วนหนึ่งของป่ากวนอู หรือ “กวนหลิน” เมืองลั่วหยาง หนึ่งในห้าสิ่งก่อสร้างสำคัญเกี่ยวกับเทพเจ้ากวนอูในประเทศจีนที่ยังคงรักษาไว้จนถึงปัจจุบัน กวนหลินในระยะแรกมีเพียงเนินดินสุสานที่ฝังศีรษะของกวนอูหลังจากถูกสังหารโดยกองกำลังของซุนกวนในปี 219 (ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก) โดยโจโฉเป็นผู้ฝังศีรษะของกวนอูไว้ที่นี่พร้อมกับสร้างศาลเพียงตาเพื่อเป็นที่ระลึก เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งก่อสร้างที่เป็นอาคารผุพังลง จึงได้มีการบูรณะซ่อมแซมเรื่อยมา แต่สุสานยังอยู่ในสภาพดี สิ่งก่อสร้างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้เป็นผลงานการซ่อมสร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ปัจจุบันกวนหลินแวดล้อมไปด้วยต้นสนเก่าแก่ ห้องหับต่างๆ มากนับร้อยห้อง รูปปั้น 200 กว่ารูป และภาพวาดเรื่องราวตามพงศาวดารสามก๊กมากกว่า 50 ภาพ หากเคยอ่านเรื่องสามก๊ก น่าจะได้รับอรรถรสในการชมภาพวาดเหล่านี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย จุดเด่นภายในกวนหลิน ได้แก่ ตำหนักที่ประดิษฐานเทพเจ้ากวนอู (Qi Sheng Hall) และตำหนักเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง (Hall of God of Wealth) ที่ประดิษฐานเทพเจ้ากวนอูตามความเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภจึงมีของเซ่นไหว้ไม่เคยขาด อีกสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญและถูกทำให้ศักดิ์สิทธิ์ตามไปด้วยคือต้นไม้และสิงโตหินจำนวน 104 ตัวที่ตั้งเรียงรายตลอดสองข้างทางเดิน มีแถบผ้าสีแดงสดเขียนคำอวยพรผูกอยู่ท่วมท้น รวมถึงยังมีแผ่นกระดาษให้เขียนขอพรและนำไปแขวนไว้ตามกิ่งไม้ “กวนอู” เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์จีนยุคสามอาณาจักร หรือ “สามก๊ก”(The Three Kingdom Period) ซึ่งเป็นช่วงที่แผ่นดินจีนถูกสถาปนาขึ้นเป็นสามอาณาจักร ได้แก่ อาณาจักรเว่ยหรือวุยก๊กภายใต้การนำของโจโฉ อาณาจักรอู๋หรือง่อก๊กภายใต้การนำของซุนกวน และอาณาจักรสู่หรือจ๊กก๊กภายใต้การนำของเล่าปี่ ทั้งสามอาณาจักรต่างทำสงครามสู้รบแย่งชิงดินแดนระหว่างกัน ขณะเดียวกันก็มีความขัดแย้งแย่งชิงอำนาจและความอ่อนแอภายในอาณาจักร ลักษณะของกวนอูตามคำบรรยายในพงศาวดารสามก๊กระบุว่าเป็นผู้มีรูปร่างสูงใหญ่เก้าฟุตจีน หรือประมาณหกศอก (180 เซนติเมตร) ใบหน้าแดงเหมือนผลพุทราสุก นัยน์ตายาวรี คิ้วดั่งหนอนไหม หนวดเคราเงางามยาวถึงอก มีง้าวรูปจันทร์เสี้ยวเป็นอาวุธประจำกาย เรียกว่า “ง้าวมังกรเขียว” หรือ “ง้าวมังกรจันทร์ฉงาย” ก่อนมีสถานะเป็นเทพเจ้า กวนอูเป็นขุนศึกที่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ มีคุณธรรมสูงส่งในเรื่องการยึดมั่นสัจจะคำสาบานและกตัญญูรู้คุณ หลังจากร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเล่าปี่และเตียวหุยแล้ว กวนอูก็ยึดมั่นในสัจจะวาจาตลอดมาไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อคราวที่รบแพ้และยอมจำนนเข้าสวามิภักดิ์ต่อโจโฉ ในใจของกวนอูยังยกย่องและคิดถึงเล่าปี่อยู่เสมอ แม้โจโฉจะมอบเงินทอง สาวงาม บ้านและม้าดีให้ แต่กวนอูก็ไม่เคยเปลี่ยนใจ ยังคงเด็ดเดี่ยวมั่นคงต่อเล่าปี่ไม่เคยเสื่อมคลาย ต่อมาเมื่อได้รับข่าวคราวของเล่าปี่จึงเร่งรุดไปเสาะหา ทหารของโจโฉที่ไล่ตามและสกัดกั้นไม่ให้หลบหนีถูกกวนอูตีพ่ายกลับไปหมด ภายหลังกลับไปร่วมก๊กกับเล่าปี่ ได้เกิดเหตุการณ์สู้รบครั้งสำคัญที่โจโฉพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ถึงกับต้องหนีหัวซุกหัวซุนแทบเอาชีวิตไม่รอด จนมาพบกวนอูที่ยืนดักรอสกัดจับ แต่เพื่อตอบแทนบุญคุณที่โจโฉเคยมีต่อตน กวนอูไม่สนใจต่อคำสั่งและได้ปล่อยให้โจโฉหนีไป แม้กวนอูจะเป็นผู้ล้มเหลวในการทหาร เนื่องจากอ่อนด้อยเรื่องยุทธศาสตร์การรบจนถึงกับต้องพ่ายแพ้อยู่บ่อยครั้ง แต่การที่มีภาพลักษณ์ความเป็นยอดคุณธรรมตามหลักคำสอนของลัทธิขงจื่อ คือมีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี และรู้จักตอบแทนบุญคุณ ล้วนเป็นคุณสมบัติที่ส่งผลให้บุคคลธรรมดากลายเป็นเทพเจ้าที่ควรแก่การเคารพบูชาในสังคมศักดินาของจีน ปัจจุบันประชาชนถือกวนอูเป็นเทพพิทักษ์ท้องที่ เหล่าทหารในกองทัพถือกวนอูเป็นเทพเจ้าแห่งการทหาร มีฐานะเป็น “อู่เซิ่งเหยิน” หรือปรมาจารย์แห่งการต่อสู้ ส่วนพ่อค้าแม่ขายถือกวนอูเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภ ในวงการตำรวจโดยเฉพาะที่ฮ่องกง มีการตั้งรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูในสถานีตำรวจเพื่อสักการบูชา ด้านในสุดของกวนหลินคือสุสานกวนอู มีลักษณะเป็นเนินดินมีกำแพงอิฐบล็อกสีเทาเตี้ยๆ ล้อมรอบ บนเนินดินมีต้นไม้และหญ้าขึ้นปกคลุมทั่วพื้นที่ ด้านหน้าของกำแพงมีประตูหลอกทำเป็นทางเข้าสุสาน มีแท่นบูชา กระถางธูป และของเซ่นไหว้มิได้ขาด โดยเล่าต่อกันมาว่าศีรษะของกวนอูถูกฝังอยู่ที่นี่ Travel Tips: ศาลเจ้ากวนอูเปิดทุกวันเวลา 8:00-17:00 ราคาบัตรเข้าชมคนละ 40 หยวน การเดินทางใช้รถประจำทางสาย 55 จากหน้าสถานีรถไฟธรรมดาเมืองลั่วหยาง *รูปภาพประกอบบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน