มีโอกาสเก็บหอมรอมริบจนได้ไปเที่ยวอเมริกามาค่ะ เมืองที่ไปเคยเยือนมามีแทมป้า นิวยอร์ค วอชิงตัน ดีซี ลอสเองเจิลลิส แซนแฟรนซิสโก และลาสเวกัส แต่ก่อนที่จะเขียนแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวและการเดินทางอันน่าพิศวงในแต่ละเมือง ในบทความชิ้นแรกของผู้เขียนอยากจะมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ที่มีแพลน มีความฝัน มีความตั้งใจจะไปอเมริกา ได้รู้จักประเทศนี้แบบควิก ๆ (แบบเร็ว ๆ) กันก่อน กับ 14 เรื่องน่ารู้ ... ก่อนไปอเมริกา เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เดินทางอย่างสนุกสนาน รู้เท่าทัน และปลอดภัยค่ะ (ปล. รูปประกอบบทความทั้งหมดถ่ายภาพโดยผู้เขียนเองค่ะ) ทุกเมืองในอเมริกาใช้ปลั๊คแบบไทยเป๊ะเด๊ะ ไม่ต้องแบกหัวต่อปลั๊ค universal แบบไอไปนะยู ราคาสินค้าทุกร้าน ทุกเมือง ยังไม่รวม tax ที่เราเห็นป้ายราคาแล้วคิดว่า "หูยยย ถูกจัง" อาจจะต้องบวกเพิ่มไปอีก 7-14% จากราคาป้าย ซึ่ง tax rate ก็ขึ้นอยู่กับเมืองที่เราไป เปอร์เซนต์จะต่างกันไปในแต่ละเมือง ฉะนั้นหากมีใครฝากซื้อ ฝากหิ้วอะไร แล้วกำหนดเพดานราคามาให้ว่าไม่เอาเกินราคานี้นะ ให้ confirm กันดี ๆ ก่อนนะคะว่าราคาที่ให้มารวม tax แล้วรึยัง จะได้ไม่ต้องเสียเวลา chat ถามกันตอนอยู่หน้าร้าน เพราะเวลาที่อเมริกาต่างกับบ้านเรามาก เพื่อนอาจจะไม่ตอบเรา ณ ตอนเราอยู่ที่ร้านก็ได้ (แอบกระซิบค่ะ เท่าที่ไปช้อปปิ้งมา tax ที่ลาสเวกัสถูกที่สุดในบรรดาเมืองที่ผู้เขียนเคยไปมา ดีใจที่เช็คก่อนช้อป ไม่ได้จัดเต็มที่ลอสเองเจิลลิส ^^) เป็นเรื่องปกติที่ต้องให้ทิปในร้านอาหารที่อเมริกา หรือบางร้านเรียกว่า gratitude โดยให้บวกเพิ่มไปอีก 10-15% ของราคาอาหารทั้งหมดที่กินนะคะ บางร้านจะคิดมาให้ที่ด้านล่างของบิลเลยว่า gratitude เท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่ไม่มี ต้องมานั่งคำนวณเอง ซึ่งน่าปวดหัวมากสำหรับเด็กสายศิลป์อย่างผู้เขียน ที่เลิกยุ่งเกี่ยวกับวิชาคณิตศาสตร์ไปตั้งแต่จบมัธยมต้นแล้ว >< คิดว่าตัวเองสตรองภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งแล้ว เอาเข้าจริงพอไปเยือนประเทศเจ้าของภาษาบางครั้งก็ฟัง native พูดไม่รู้เรื่องเลย (แง) โดนเฉพาะชื่อสถานีในรถไฟใต้ดิน ต้องเปิด metro map ประกอบด้วยเพื่อความชัวร์ จะได้ไม่พลาดลงผิดสถานีนะคะ (ได้แต่นั่งพึมพำกับตัวเองในใจว่าจะพูดเร็วไปไหนฟระ รีบเหรอ 555) อเมริกาเป็นเมืองที่มีพี่ ๆ ป้า ๆ ลุง ๆ ที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง หรือที่เรียกว่า โฮมเลส (homeless) เยอะมากกก ถ้าเจอพี่ ๆ เหล่านี้หรือคนที่ท่าทางสติไม่ดีมาพูดด้วย ให้ตั้งสติให้มั่น แล้วสวดมนต์ไล่ ไม่ใช่อย่างนั้นนน ให้เฉย ๆ นิ่ง ๆ ไว้ค่ะ อย่าสบตา อย่าพูดตอบ แล้วรีบเดินหนี หรือบางทีเดิน ๆ อยู่อาจเจอพวกที่เดินพูดคนเดียวก็มี ฉะนั้นเวลาเดินเที่ยวในอเมริกาต้องคอยระมัดระวังตัว มองหน้า มองหลังให้ดี ๆ อย่ามัวแต่ selfie หรือ chit chat เพลินนะคะ ผู้เขียนเคยคุณป้าสติไม่ดีบนรถเมล์ไล่ให้ไปลงนรกหลายรอบมาก "You, go to hell, go to hell, go to hell, f*ck you" -_- ดังนั้นเวลาจะไปเที่ยวเมืองไหน เช็คให้ดีก่อนว่าย่านไหนไม่ควรไปพัก ไม่ควรไม่เที่ยว ไม่ควรไปเฉียดใกล้ จะได้ไม่ต้องเจอกับคนน่ากลัว ๆ อย่างนิวยอร์คก็ไม่ควรเตลิดเปิดเปิงจาก Manhattan ขึ้นไปแถวย่าน Bronx ถ้าเป็นวอชิงตัน ดีซีก็ไม่ควรไปแถว ๆ Union Station แซนแฟรนซิสโกควรหลีกเลี่ยงย่าน Tenderoid และลอสเองเจิลลิส โซน LA downtown อย่าได้ไปพัก หรือเพ่นพ่านตอนกลางคืนเด็ดขาด มีข่าวนักท่องเที่ยวโดนฆ่าหมกแท๊งค์น้ำในโรงแรมกลางเมืองมาแล้วนะจ๊ะจะบอกให้ แต่ที่พัก / โรงแรมที่อเมริกา แพงมากกกกกกกกกก (กอไก่ล้านตัว) หรือเพราะผู้เขียนจนเอง เลยคิดว่าทุกที่ที่น่าพักมันแพงไปหมด 555 อย่างไรก็ตาม เมื่อหลีกเลี่ยงย่านอันตรายในข้อ 6 แล้ว ก็ลองหาที่พักของคนไทยที่เปิดให้เช่า หรือ airbnb เป็นตัวเลือกที่แนะนำที่สุดค่ะ ถึงจะมีพี่ ๆ homeless เยอะ แต่คนที่นี่ค่อนข้างช่วยเหลือนักท่องเที่ยวนะคะ อารมณ์ service mind มาเต็ม แบบเห็นยืนดูแผนที่เอ๋อ ๆ งง ๆ ก็จะเข้ามาถามว่ามีอะไรให้ช่วยมั๊ย หรือจากประสบการณ์ คือ เค้าเสนอตัวช่วยยกกระเป๋าลงบันไดรถไฟใต้ดินให้ อาจเพราะเห็นเราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มาพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาด 29 นิ้วก็ได้ 5555 แต่ก็ต้องดูคนที่เข้ามาหานิดนึงนะคะ ว่าท่าทางน่ากลัว หรือไม่น่าไว้วางใจรึป่าว ก่อนจะไปเสวนา หรือรับความช่วยเหลือจากเค้าค่ะ คนที่นี่พูดคำว่า sorry กับ excuse me กันจนติดปาก แบบแค่เค้ายืนขวางทางเราใน Mart นิดเดียว ก็ sorry แล้ว จะเดินผ่าน เดินตัดหน้า เดินแซงก็ excuse me กันตลอด แตกต่างกับบางชาติ (ไม่เอ่ยนะว่าชาติไหน) เดินกระแทกไหล่ ชนหลัง ขอโทษซักคำยังไม่มี ถ้าเราไปแล้วจะเดินแซงใคร หรือบังเอิญไปชนใครโดยไม่ตั้งใจ ก็ say sorry ซักนิดนะคะ เราจะกลายเป็นคนที่น่ารักขึ้นมาในทันทีเลยค่ะ หากใครเบื่อที่จะต้องทาน junk food พวกพิซซ่า ไก่ทอด แฮมเบอร์เกอร์ เพราะมันอร่อยแต่ไม่ดีต่อสุขภาพ (แหะ ๆ) ทุกเมืองมี China town เป็นของตัวเองแนะนำให้ไปหาข้าว หรือบะหมี่ทาน จะได้อาหารถูกปากและถูกใจชาวเอเชียอย่างเรา ในราคาสบายกระเป๋า (ผู้เขียนแอบคิดทุกครั้งว่าทำไมอากง อาม่าไม่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่นี่นะ ไม่งั้นป่านนี้เราคงได้ Green Card ไปแล้ว อิอิ) อาหารที่นี่จานใหญ่และเยอะมากสมราคา ใครกินน้อย สามารถสั่งมาจานเดียวแล้วแบ่งกับเพื่อนก็ได้ ประหยัดได้อีก 555 ปกติผู้เขียนตั้งงบไว้กินไม่เกินมื้อละ 10 เหรียญ บางร้านแพงหน่อยก็ไม่เกิน 15 เหรียญ และที่นี่ไม่มีกฎแบบบางประเทศว่า ถ้ามา 2 คนก็ต้องสั่ง 2 จานแบบนี้ ฉะนั้น share and save โลดดด ก่อนออกจากที่พัก / โรงแรม ไปท่องเที่ยว ให้เช็คพยากรณ์อากาศดี ๆ ในสมาร์ทโฟนนี่แหละ แม่นมากขอบอก เวลาไหนลมจะแรง ฝนจะตก แดดจะออก ฟ้าจะครึ้ม เป๊ะเว่อร์ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ เตรียมแต่งองค์ทรงเครื่องกันนะคะ ประเด็นคือ ที่อเมริกาลมแรงแบบแรงมากกก ขนาดพัดลมเบอร์ 10 วันไหนพยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีลม แนะนำว่าไม่ต้องหวีผมออกจากบ้านนะคะ หรือฉีดสเปรย์ใส่เยลแข็ง ๆ มาเลย :P รถไฟใต้ดินบางเมืองมีหลายสายที่วิ่งมารางเดียวกัน ฉะนั้นต้องเล็งป้ายหน้ารถ หรือข้างรถให้ดี ๆ ว่าใช่สายที่เราจะไปมั๊ยนะคะ ไม่งั้นขึ้นผิดคันจะเสียทั้งอารมณ์ และเสียเวลาเที่ยวอันแสนมีค่าของเราไปค่ะ สุดท้ายควรมีเพื่อนร่วมทางที่น่ารักไปเที่ยวอเมริกากับเราด้วย ไม่ควรเป็น solo traveler นะคะ จริง ๆ ผู้เขียนเป็นคนที่ชอบเที่ยวคนเดียว และเคยไปเที่ยวคนเดียวมาเหมือนกันค่ะ เพราะรู้สึกว่ามันสบายดี อยากตื่นกี่โมงก็ตื่น อยากไปไหนก็ไป เมื่อยแล้วก็กลับที่พักนอนเล่นชิล ๆ แต่สำหรับอเมริกานี่ไม่แนะนำเลยค่ะ อย่างที่บอกว่าถึงแม้จะมีคนที่ nice กับเรา แต่ก็มีพี่ ๆ homeless และคนไม่ประสงค์ดีเยอะเช่นกัน ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ชวนคนที่คุณรักไปเที่ยวด้วยกันนะคะ