คงไม่แปลกถ้าจะบอกว่า เป็นชาวพุทธที่ชอบเข้าโบสถ์คริสต์ ไม่ได้ไปประกอบศาสนกิจแต่อย่างใดหรอกนะ แค่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมยุโรปแบบเรอเนซองส์เท่านั้นเอง ใครเป็นสายแชะ เชื่อว่าต้องสนุกกับการถ่ายภาพในหลาย ๆ มุมของโบสถ์แห่งนี้ที่มีชื่อว่า อาสนวิหารอัสสัมชัญ ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านเจริญกรุง เมืองเก่าที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาสนวิหารอัสสัมชัญ ตั้งอยู่ที่ซอยเจริญกรุง 40 เป็นอาสนวิหารประจำมิสซังโรมันคาทอลิก ในปี พ.ศ.2352 คุณพ่อปาสกัล ซึ่งเป็นชาวไทย-โปรตุเกส ได้รวบรวมเงิน 1,500 บาท นำถวายให้กับพระสังฆราชฟลอรังส์ เพื่อจะได้สร้างวัดสักแห่งหนึ่งให้เป็นเกียรติแด่อัสสัมชัญของพระนางมหามารีอา หลังจากนั้นพระสังฆราชจึงซื้อที่ดินแปลงแรกในราคา 250 บาท ต่อมาในปี พ.ศ.2363 จึงซื้อที่ดินแปลงที่สองซึ่งเป็นที่ตั้งของอาสนวิหารในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เงินที่ได้รับจากคุณพ่อปาสกัลไม่เพียงพอสำหรับการสร้างวัด พระสังฆราชจึงต้องขอรับเงินบริจาคจากพระคาร์ดินัลแห่งกรุงโรม การก่อสร้างวัดหลังแรกจึงเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2363 แล้วเสร็จในปีต่อมาก่อนจะได้รับการสถาปนาเป็นอาสนวิหารอัสสัมชัญ ต่อมาในปี พ.ศ.2452 ได้มีการสร้างโบสถ์หลังใหม่ (หลังปัจจุบัน) เพื่อรองรับการขยายตัวของคริสตชนที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง วัสดุส่วนใหญ่สั่งเข้ามาจากฝรั่งเศส สิงค์โปร์ และอิตาลี รากฐานของโบสถ์เป็นท่อนซุงจำนวนมาก มัดเรียงกันเป็นแพ แทนการใช้เสาเข็ม ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวโบสถ์ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด จึงได้มีการซ่อมแซม และมีการใช้เหล็กโยงกลางอาคารเพื่อเสริมแรงดึงผนังทั้งสองด้านเข้าหากัน ตัวอาคารถูกจัดวางตามแนวทิศตะวันออกและตะวันตก ภายในแบ่งเป็นสี่ส่วนด้วยกันคือ ส่วนที่ใช้ประกอบพิธีกรรม ซึ่งมีแท่นหินอ่อนขนาดใหญ่ที่พระสงฆ์ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ส่วนบริเวณที่นั่งของผู้มาร่วมพิธี ตรงที่เป็นช่องคูหาที่มีพื้นที่มากพอควรนั้นเป็นที่ประดิษฐานรูปพระและนักบุญต่าง ๆ ส่วนเหนือโถงทางเข้าเคยใช้เป็นที่สำหรับขับร้องและตั้งออร์แกนขนาดใหญ่ ทั้งผนังอาคารและเพดานล้วนตกแต่งด้วยจิตรกรรมแบบเฟรสโก หรือประติมากรรมปูนปั้นที่แสดงถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา รูปแบบทางสถาปัตยกรรมของอาสนวิหารแห่งนี้ได้รับอิทธิพลในช่วงต้นศตวรรษที่ 15 หรือในช่วงสมัยเรอแนซ็องส์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมกันในอิตาลี จนแพร่หลายออกไปทั่วยุโรป ลักษณะโครงสร้างมีความสมดุลย์อย่างชัดเจนซึ่งดูได้จากหอคอยขนาบตัวอาคารทั้งสองด้านและหน้าต่างยอดครึ่งวงกลมที่มีอยู่รอบตัวอาคาร เป็นการตอกย้ำศิลปะแบบเรอแนซ็องส์อย่างเด่นชัด นับเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงามมากแห่งหนึ่งในประเทศไทย นอกจากสื่อให้เห็นถึงความมั่นคงทางคริสต์ศาสนาแล้ว ความสวยงามเหล่านี้ยังยืนยันศิลปวัฒนธรรมที่มีอายุมาอย่างยาวนาน และยังคงดำรงอยู่ต่อไปให้คนรุ่นหลังได้มีโอกาสชื่นชม ทำให้ตระหนักได้ถึงความละเอียดอ่อนและความฉลาดในเนื้องานของช่างสมัยก่อนที่นับวันจะหาดูได้ยากในสมัยนี้ การเดินทางมาที่โบสถ์อัสสัมชัญไม่ยากเลย ถ้าหากมาทาง BTS ให้ลงสถานีสะพานตากสิน แล้วเดินเท้าต่อมาที่เจริญกรุง ซอย 40 ส่วนการแต่งกายนั้น เนื่องจากเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ ควรแต่งกายสุภาพเพื่อให้เกียรติสถานที่