ด้วยความที่มีเวลาน้อย แต่อยากเที่ยว จึงตัดสินใจปุ๊บปั๊บกับเพื่อน สร้างทริปเซี่ยงไฮ้ขึ้นมา ทางเราเลือกจองตั๋วผ่านแอปพลิเคชัน traveloka ขาไปบินด้วยสายการบิน Thai AirAsia X ออกจากสนามบินดอนเมือง 00.15 น. จะไปถึงที่ท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ผู่ตงประมาณตี 5 เราเดินทางช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2024 อุณหภูมิประมาณ 15-17 องศา ซึ่งอากาศกำลังเย็น ลงเครื่องประมาณ ตี 5 กว่าๆ กว่าจะเขียนใบเข้าเมือง รอตรวจคนเข้าเมืองก็เสร็จประมาณ 6 โมงเกือบ 7 โมง จึงเลือกนั่งรถไฟ Maglev ซึ่งมันเปิดให้ซื้อตั๋วก่อน แต่รถออกประมาณ 7.00 น. ซึ่งตอนที่เราไปนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้หางตั๋วเครื่องบินขาเข้าเป็นส่วนลดได้ จากสนามบินไปลงที่สถานี Longyang Road ใช้เวลาเพียง 8 นาทีเอง แล้วต่อรถไฟใต้ดิน Metro ไปโรงแรมเพื่อฝากกระเป๋าก่อน เลือกพัก Holiday Inn Express: Shanghai Putuo จองผ่านแอปพลิเคชัน Booking อยู่ห่างจากแหล่งท่องเที่ยวหลักประมาณ 10-15 นาทีด้วยรถไฟใต้ดิน แต่ได้บรรยากาศที่สงบ ติดแม่น้ำ บรรยากาศผ่อนคลาย ที่นี่มีบริการอาหารเช้าให้ด้วย มื้อแรกของวันเป็นเสี่ยวหลงเปากับเกี๊ยวน้ำที่ร้าน Lailai Snack Dumpling โดยนั่ง Metro Line 2 ลงสถานี People's Square ทางออก 19 แล้วเดินต่อ ไปถึงช่วงประมาณ 10 โมง คนเริ่มต่อคิวเยอะแล้ว แต่ถือว่าเขาจัดระเบียบดี ไม่วุ่นวาย รอคิวไม่นาน สั่งอาหารที่เคาน์เตอร์หน้าร้านก่อน แล้วจึงหาที่นั่ง อาหารถือว่ารอไม่นาน (แนะนำให้พกน้ำขวดหรือกระติกน้ำติดตัวไว้ เพราะบางร้านอาจไม่มีเครื่องดื่มให้) หลังจากกินอิ่ม เราก็เดินเที่ยวตั้งแต่ People’s Square ไปจนถึง West Nanjing ไปทั้งร้าน M&M'S ร้านใหญ่ มีหลายโซนให้นักท่องเที่ยวเลือกซื้อ ร้าน Starbucks Reserve Roastery ที่นี่คนก็เยอะ ทั้งนักดื่ม มาเที่ยวชมโซนโรงคั่ว ส่วนโซน West Nanjing ร้านอาหารและคาเฟ่เยอะมาก ถ้าหากไม่อิ่ม น่าจะเสียเงินหลายร้านเลย บรรยากาศดี อาคารทรงยูโรปแล้วมีตรอกเล็กๆ ร้านค้าเล็กๆ เต็มไปหมด หลังจากนั้นก็กลับไปเช็คอินที่โรงแรม ช่วงบ่าย 3 ออกไป North Bund Green Land โดยนั่ง Metro Line 12 ลงสถานี International Cruise Terminal ทางออก 3 เป็นสวนสาธารณะที่อยู่ริมแม่น้ำ มีปะติมากรรมหลากหลายรูปทรงสีเงินประดับภายในสวนหลายจุด และเห็นวิวฝั่งตรงข้ามเป็นหอไข่มุกตะวันออก (Oriental Pearl Tower) ใหญ่ตระการตาแล้ววิวของ The Bund จากมุมไกลๆ จากตรงนี้เดินเลาะริมแม่น้ำไปถึง The Bund และถนนหนานจิงได้เลย ระหว่างรอเวลาเปิดไฟ 18.00 น. จึงเลือกไปกินหม้อไฟหมาล่าก่อน เราเลือกไปร้าน Wen he niu (温禾牛) ที่ห้าง Henderson Metropolitan ตรงข้ามกับ Pop Mart สาขาถนนหนานจิง เป็นบุฟเฟ่ต์ รสชาติอร่อย มีเมนูให้เลือกหลากหลาย หลังจากอิ่มจากมื้อเย็น ก็มาชมไฟหอไข่มุกและ The Bund ไฟสวยมาก บรรยากาศช่วงฤดูใบไม้ร่วงกำลังเย็น แล้วแสงไฟจากตึกฝั่งตรงข้ามสะท้อนบนผิวแม่น้ำคือโรแมนติกมาก จึงเห็นคู่แต่งงานหลายคู่มาถ่ายพรีเวดดิ้งที่นี่ เป็นสถานที่ที่ใครเซี่ยงไฮ้พลาดไม่ได้ Day 2 เรารับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ซึ่งโรงแรมนี้มีทั้งอาหารจีนและอาหาเช้าแบบฝรั่งให้เลือกสรร หลังจากนั้นก็เช็คเอาท์ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรม Wukang Mansion (武康大楼) เดินทางด้วย Metro Line 10, 11 ลงสถานี jiaotong Univerity Exit 7 อะพาร์ตเมนต์มากกว่า 100 ปี เป็นสถาปัตยกรรมยุคเก่าที่ยังคงความคลาสสิค ไปช่วงสายๆ คนจะเยอะ ทั้งนักท่องเที่ยวชาวจีนและต่างชาติ บรรยากาศรอบๆ มีความย้อนยุคและทันสมัย มุมไหนก็สวย เดินทางกันต่อไป Metro Line 9 หรือ 12 สถานี Dapuqiao ทางออก 1 ที่ Tianzifang (田子坊) ย่านที่มีความชิคน่ารัก พัฒนาจากบ้านที่อยู่อาศัยสมัยก่อนจนกลายเป็นแหล่งเที่ยวเก๋ๆ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ของฝาก และภาพ Street Art สวยๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เยี่ยมชม หลังจากนั้นก็ไป Xintiandi สามารถไปด้วย Metro หลายสาย เรานั่ง Line 10 ทางออก 2 ย่านยอดนิยมที่ใครๆ ต่างก็มาเช็คอิน อาคารสร้างด้วยอิฐที่ผสมผสานสไตล์จีนและฝรั่งเศลได้อย่างลงตัว ตอนที่เดินมีกลิ่นอายเหมือนเที่ยวในโซนยุโรป มีร้านค้าทั้งแบรนด์เนมและร้านอาหาร ทุกมุมตรอกซอกซอยคือถ่ายรูปออกมาสวย นอกจากนี้ยังมีห้างสรรสินค้าให้เที่ยวอีกด้วย เราไปสวนอวี้หยวนมาเช่นกัน นั่ง Metro Line 10 สถานี Yu garden ทางออก 1 แต่เดินแค่รอบนอกที่เป็นโซนร้านอาหารและร้านขายของไม่ได้เข้าไปข้างในสวน เนื่องจากคนเยอะมาก จึงกลับมาย่านหนานจิง ด้วย Metro Line 10 สถานี Nanjing ทางออก 2 ไปกินมื้อเที่ยงบะหมี่ปู ที่ร้าน Supreme crab since 1930 ในห้าง Dimaru รสชาติอร่อยนัวๆ ปูขนเต็มคำ แต่กินมากก็แอบเลี่ยน น้ำจิ้มซีฟู้ดลอยมาในหัวเลย หมูทอดอร่อยควรสั่งมาก เดินเล่นซื้อของที่ถนนหนานจิงสักพัก ก็กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม เวลานั้นน่าจะประมาณเกือบ 1 ทุ่ม ยังมีเวลาจึงแวะไปที่วงเวียนหมิงจู (Mingzhu Roundabout) มาโดย Metro Line 2 ลงที่สถานี Lujiazui ทางออก 2 ตรงนั้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยอดนิยม เพราะมีทั้งหอไข่มุก และ Disney China Flagship Store และตึกสูง 3 ตึก ที่นักท่องเที่ยวชอบไปถ่ายรูปกัน ไม่เพียงเท่านั้นตรงนี้ยังถือเป็นจุดฮวงจุ้ยที่ดีที่สุดในเซี่ยงไฮ้ทำให้รู้สึกหมือนได้รับพลังดีๆ กลับมา นอกจากนี้เรายังแวะ Super Brand Mall เพื่อซื้อชีสเค้กของร้าน Holiland Travel ซึ่งเป็นของฝากที่นักท่องเที่ยวต่างบอกว่าต้องลอง ซึ่งรสชาติสมกับการที่คนรีวิวกัน อร่อยมาก น่าเสียดายที่เราไปช้า หลายๆ รสจึงหมด เหลือแค่ไม่กี่อย่าง แต่คุ้มกับการหิ้วกลับมา ถึงเวลาเดินทางไปสนามบินครั้งนี้ เราเหลือเป็นนั่ง Metro Line 2 จากสถานี Lujiazui ยาวๆ จนถึงสนามบิน ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าได้ เทียบกับขามาที่นั่ง รถไฟ Maglev ใช้เวลาต่างกันมาก ตอนแรกกะจะไปกินข้าวที่สนามบินระหว่างรอเช็คอิน สรุปร้านแถวบริเวณเคาน์เตอร์เช็คอินปิด อดเลย ขากลับเราเลือกเป็นสายการบิน Thai Lion Air เครื่องจะออกประมาณตี 02.40 แล้วมาถึงไทยประมาณ 6.10 น. (แต่ความจริงประมาณ 7 โมงกว่า) พร้อมไปทำงานต่อ เรียกว่า 2 วัน 1 คือ คุ้มสำหรับสายเที่ยว กินลม ชมบรรยากาศเมือง เก็บแลนด์มาร์คได้หลายที่เลย ทั้งทริปเราใช้ Metro เป็นหลัก ทุกสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองค่อนข้างเดินทางง่าย ให้จำชื่อสถานีที่ต้องลงไว้ เพราะหลายสายเชื่อมถึงกันได้ แต่ต้องเช็กเวลาเปิด-ปิดรถไฟดีๆ Photo: ผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !