เอ่ยขึ้นมาว่า มูนสโตน ก็ชวนให้อยากรู้แล้วว่าคืออะไร มูนสโตน(Moon Stone)หรืออัฒจันทร์ศิลา คือแผ่นหินแกะสลักมีลักษณะครึ่งวงกลม เป็นงานสถาปัตยกรรมแบบศรีลังกา พบเห็นอยู่ที่บริเวณฐานทางขึ้นบันไดของปราสาทหิน หรือโบราณสถานสำคัญของศรีลังกา มูนสโตนอยู่ตรงหน้าบันไดทางขึ้นโบราณสถาน ยุคสมัยแรกของโบราณสถานในพุทธศาสนาของศรีลังกาอยู่ที่เมืองอนุราธปุระ มีเจดีย์ขนาดใหญ่สร้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 7- 8 อย่างเช่น มหาสถูปหรือรุวัลเวลิเสยะแห่งมหาวิหาร เชตวันสถูป สถูปอภัยคีรี ด้านหน้าทางขึ้นตรงบันไดเข้าสู่โบราณสถาน เราจะเห็นมูนสโตนปรากฏอยู่เสมอ โบราณสถานเมืองอนุราธปุระ หรือจะเป็นเมืองโปโลนนารุวะในยุคสมัยต่อมา ลักษณะของสถาปัตยกรรมมีความแตกต่างออกไป สถูปมีขนาดเล็กลง และยังมีรูปแบบใหม่ที่สวยงามแปลกตา อย่างเช่น วฏทาเค ที่ตั้งอยู่ตรงลานกลางเมืองโบราณโปโลนนารุวะ ลักษณะมีลานยกพื้น 2 ชั้นตรงกลางมีสถูปขนาดเล็ก โดยรอบสถูปมีแท่นประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่โดยรอบ ก่อนทางขึ้นตรงบันไดเห็นแผ่นหินครึ่งวงกลมที่เรียกว่ามูนสโตน วฏทาเค เมืองโปโลนนารุวะ ครั้นเมื่อพิจารณาภาพแกะสลักในมูนสโตน จะเห็นลวดลายวงด้านนอกเป็นรูปสัตว์สี่ชนิดคือ ช้าง ม้า โค สิงห์ แถวถัดมาเป็นหงส์ ส่วนวงตรงกลางเป็นลายพรรณพฤกษา มีการสันนิษฐานว่าลวดลายของมูนสโตน อาจจะเป็นสัญลักษณ์ของสระอโนดาต ซึ่งเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ในป่าหิมพานต์ โดยสระอโนดาตจะไหลออกจากปากของสัตว์ 4 ชนิดซึ่งประจำอยู่ทั้ง 4 ทิศ กลายเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ 4 สาย ส่วนดอกบัวและหงส์ซึ่งอยู่วงด้านในอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของสระอโนดาต การที่มูนสโตนอยู่บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ ย่อมหมายถึงการชำระล้างร่างกายให้สะอาด ในความหมายของการเดินเข้าศาสนสถาน น่าจะหมายถึงการชำระล้างสิ่งสกปรกทั้งทางกายและทางใจ ลวดลายของมูนสโตน อีกหนึ่งการสันนิษฐาน ได้ตีความว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ช้างหมายถึงการเกิด โคคือความแก่ สิงห์คือการเจ็บป่วย และม้าคือการตาย ส่วนวงถัดมาคือหงส์คือความมีสติ รู้ความถูกผิด ส่วนตรงกลางเป็นดอกบัวคือสัญลักษณ์ของการหลุดพ้น ทั้งสองการตีความหมายของมูนสโตน ไม่ว่าเริ่มแรกของการสร้างจะเป็นแบบไหน ล้วนแล้วแต่แฝงคติความคิดไว้อย่างลึกซึ้ง จากการสืบค้นของนักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ ได้สรุปว่าสถาปัตยกรรมและศิลปะในการสร้างมูนสโตนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโบราณสถานแบบศรีลังกาอย่างแท้จริง