จากบทความที่แล้วเราได้แนะนำเกี่ยวกับการกรอก E-Visa อินเดียไปแล้วนั้น ในบทความนี้ก็มาต่อที่การจองรถไฟเลย ทางเราเดินทางไปอินเดียค่อนข้างบ่อยและทุกครั้งก็มักเที่ยวด้วยรถไฟอินเดีย และแน่นอนว่าทำการจองเองทั้งหมดไม่เคยทำผ่านบริษัททัวร์เลย ที่จะบอกคือถ้าเราทำได้คุณก็ทำได้เช่นกัน วิธีการจองค่อนข้างง่ายมาก ไม่ยุ่งยากซับซ้อนอะไรเลย เพียงแต่มันต้องรู้จักระบบการจองรถไฟบ้านเขาก่อน เราจะสรุปคร่าวๆ มาใส่ไว้ในบทความให้ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ IRCTC ระบบตัวย่อต่างๆ ที่เห็นในระบบบ่อยๆ และวิธีการจองพร้อมวิธีการชำระเงิน จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้างไปรับชมพร้อมๆ กันเลยทำความรู้จัก IRCTC IRCTC คืออะไร... มันก็คือบริษัทการจัดเลี้ยงและการท่องเที่ยวรถไฟแห่งอินเดีย IRCTC ย่อมาจาก Indian Railway Catering and Tourism Corporation เป็นหน่วยงานภาครัฐของอินเดีย ที่ให้บริการจองตั๋วรถไฟ ทั้งรถไฟวิ่งแบบปกติและรถไฟขบวนนำเที่ยว ( แบบแพ็กเก็จทัวร์หลายๆ วัน ) นอกจากนี้ยังครอบคลุมไปถึงการจองมื้ออาหารบนรถไฟ จากที่เคยใช้บริการมาหลายๆ คลาส ตั้งแต่คลาสท้องถิ่นไปจนถึงชั้นดีๆ ทางเราไม่เคยเห็นตู้เสบียงของเขาเลย มีแต่หาไม่เจอเองหรือไม่มีก็ไม่แน่ใจ ทางเราใช้บริการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชัน IRCTC นี่แหละค่ะพอเราออเดอร์ไปแล้วเมื่อถึงเวลาก็จะมีพนักงานนำอาหารขึ้นมาให้เราที่ที่นั่งเลย เรียกว่าไม่ต้องลุกไปไหน นั่งสบายๆ ได้เลย และที่สำคัญเป็นเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้และราคาการจองก็คือราคามาตรฐานแบบที่คนอินเดียทั่วๆ ไปเขาจ่ายกันเลย ข้อควรรู้ก่อนจองต้องจดจำตัวย่อต่างๆ ของระบบ เพราะรถไฟอินเดียยังสามารถจองได้แม้รถไฟจะเต็มแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเหมือนระบบเสี่ยงดวงเพราะการที่เราจองแม้มันจะเต็มมันคือการสำรองกรณีมีคนยกเลิก ซึ่งมันหมายความว่ามันอาจจะมีหรือไม่มีที่นั่ง ดังนั้นถ้าอยากได้ที่นั่งชัวร์ๆ ระบบต้องโชว์คำว่า "available" ตามด้วยเลขจำนวน ส่วนคำย่อที่ต้องระวังและตัดสินใจดีๆ คือ WL ย่อมาจาก Waiting List และ RAC ย่อมาจาก Reservation After Cancellation ทั้งสองตัวย่อนี่คือสถานะไม่แน่นอนว่าจะได้รับที่นั่งหรือไม่ WL คือรอจัดสรรค์ที่นั่งอาจจะมีที่นั่งว่างหรือไม่มี ส่วน RAC คือมันเต็มแล้วแน่ๆ แล้วคุณจะได้ที่นั่งก็ต่อเมื่อมีคนยกเลิกตั๋วยกตัวอย่างกรณีสถานะ WL และ RAC หากระบบขขึ้นโชว์ว่า WL10 หรือ RAC10 หมายความว่า เราต้อง "รอลุ้นที่นั่งตามลำดับ" กรณีเลขต่อท้าย 10 นั้นคือรอที่นั่งลำดับที่ 10 ที่นั่งที่เพิ่งว่างในแต่ละวันจะถูกมอบให้ 9 คนก่อนหน้าเรา และมันไม่แน่นอนว่าจะมีที่นั่งมาถึงลำดับหลังๆ หรือไม่ จากประสบการณ์เคยจอง WL1 และ 2 ยังได้รับที่นั่งอยู่ แต่ตอนที่จอง WL5 คือไม่ได้ที่นั่งนะ ซึ่งในครั้งนั้นต้องไปวิ่งวุ่นหาตั๋วหน้างานก็ได้เป็นตั๋วยืน แต่โชคดีที่ขึ้นสถานีต้นทางเลยมีที่นั่ง ดังนั้นหากจะจองแบบเสี่ยงดวงไป แนะนำให้วางแผนสำรองกรณีไม่ได้ที่นั่งไปด้วยค่ะ วิธีจองรถไฟอินเดียและชำระเงิน1. สำหรับการจองครั้งแรกต้อง "Register" ก่อน2. เข้าไปหน้า Register แล้วกรอกข้อมูลตามที่ระบบกำหนดให้ครบจากนั้นกด "Continue"*หน้าต่อจากข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่มีให้ดูเนื่องจากทางเราเคยลงทะเบียนไปนานแล้ว แต่จำได้ว่าเป็นการยืนยันตัวตนผ่าน Email และเบอร์โทรศัพท์ และต้องชำระค่าสมัคร 100 รูปี หรือประมาณ 50 บาท ทั้งนี้ราคาอาจมีปรับเปลี่ยนไปตามเวลา ( สำหรับการชำระเงินจะอธิบายพร้อมขั้นตอนการจองตั๋วรถไฟ )3. เมื่อสมัครเรียบร้อยจะมี Email แจ้ง เราจะจองรถไฟได้ก็ต่อเมื่อ verify Email และเบอร์โทรศัพท์ผ่านแล้ว 4. Login เข้าระบบ และทำการค้นหาจุดหมายปลายทาง เลือกต้นทาง>ปลายทาง>วันที่ที่จะไป>เลือกคลาสและประเภทรถไฟ (ระบุหรือไม่ก็ได้ เพราะหน้าแสดงผลก็มีให้เลือกทั้งหมดอยู่ดี ) > จากนั้นคลิก Search 5. หน้าเว็บจะแสดงผลขบวนรถไฟพร้อมรายละเอียดขึ้นมา เมื่อเลือกขบวนได้แล้วให้เลือกคลาส และดูสถานะของคลาส หากขึ้นว่า available ก็คือว่าง 6. ถ้าคลาสที่จะไปว่าง ก็คลิกที่สถานะ available แล้วคลิก "Book Now" จากนั้นเว็บจะพาไปต่อยังหน้าที่ต้องกรอกรายละเอียดส่วนบุคคล 7. กรอกรายละเอียด ชื่อ นามสกุล ( เว็บจำกัดจำนวนตัวอักษรหากตกบางอักษรไม่ต้องตกใจยังสามารถเดินทางได้ ) > เพศ > อายุ > สัญชาติ > เลขพาสปอร์ต > เลือกประเภทที่นั่ง > ใส่วันเดือนปีเกิด 8. ข้อมูลส่วนต่อมาคือ ให้เราเลือกอัปเกรดที่นั่งหรือคงตามที่เราเลือก หรือจองเมื่อมีที่นั่งล่างว่างเท่านั้น 9. จากนั้นคลิกเลือกรับหรือไม่รับประกันการเดินทาง แล้วคลิกไปหน้าต่อไป10. ระบบจะขึ้นหน้าผลลัพธ์โดยรวม ให้เราได้ตรวจสอบข้อมูลก่อน หากไม่มีอะไรผิดพลาด ให้ใส่รหัสตัวอักษรแล้วไปต่อหน้าชำระเงิน11. หน้า Payment Methods เลือก Multiple Payment Service แล้วเลือกจ่ายด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิต ให้สังเกตว่ามีคำว่า International Cards หรือไม่ จากนั้นคลิก Pay&Book12. หลังจากใส่ข้อมูลบัตรเสร็จแล้ว จะมี OTP ส่งมาที่เบอร์โทรศัพท์ที่เราละทะเบียนกับธนาคารของบัตร นำ OTP ไปใส่แล้วรอระบบสักครู่ หากตัดบัตรสำเร็จเว็บจะโชว์ตั๋วพร้อมส่งเข้า Email ทันที หลังจากนั้นไม่นานจะมาการคอนเฟิร์มพร้อมส่ง PNR ให้เราอีกครั้ง เท่านี้เป็นอันเสร็จสิ้นแล้วค่ะ ง่ายไหม...?? สำหรับผู้เขียนผู้เขียนว่าง่ายนะ ค่อนข้างเข้าใจง่าย เว็บทางการของเขาก็ชัดเจนต้องบอกว่าบางประเทศมีเว็บจองเยอะและจองยากกว่านี้อีก สำหรับผู้เขียนรู้สึกว่าเว็บของอินเดียค่อนข้างสากลและเสถียรมาก ไม่ใช่แค่เว็บจองแต่แอปพลิเคชันสำหรับเช็คสถานะรถไฟก็เสถียรบอกสถานะรถไฟแบบเรียลไทม์เลย หากมีดีเลย์หนึ่งสถานีแอปจะคำนวนเวลาสถานีที่เหลือทั้งหมดว่าจะใช้เวลาเท่าไรถึงจะมาถึงเรา และจะถึงจุดหมายในเวลากี่โมง ทางเราเคยเจอดีเลย์แต่เพราะแอปพลิเคชันเขาคำนวนเวลาดีเลย์ทั้งหมดและสรุปว่าจะถึงจุดหมายกี่โมง เราเลยสามารถบอกที่พักได้ว่าดีเลย์และบอกเวลาที่จะถึงใหม่กับที่พักได้ ส่วนตัวชอบรถไฟและเทคโนโลยีบ้านเขามากๆ ไปกี่รอบก็ชอบนั่งรถไฟ รถไฟอินเดียไม่ได้แย่อย่างที่คนไทยว่ากัน มันมีหลายคลาสอยู่ที่คุณจะเลือกคลาสแบบไหน ถ้ารู้ตัวว่าไม่ทึกไม่อึดก็ไม่ต้องไปเลือกชั้นท้องถิ่น ถ้าคุณเลือกคลาสที่มันเหมาะกับคุณคุณก็จะได้รับประสบการณ์ดีๆ กลับไป อย่างไรก็ตามหากใครติดขัดตรงไหนอยากถามอยากปรึกษาก็สามารถทักมาสอบถามได้ที่ twitter ที่ Artinime หรือ Facebook เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะ สุดท้ายหากใครที่รู้สึกชอบบทความนี้ก็สามารถแชร์ออกไปได้เลยค่ะhttps://www.facebook.com/solely.travel.Lifestyle/ https://twitter.com/supamas_kpr/status/1611227556371656705?s=20&t=3CLycxOV57zJNpIl6XQTTQ เรียบเรียงเนื้อหาและภาพโดยหญิงเถื่อนแชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”