เที่ยวย่าติง 10วันด้วยงบประมาณ 2หมื่น หากใครชอบท่องเที่ยวแนวภูเขาแต่งบประมาณอาจได้แค่ใกล้ๆ ย่าติงนั้นเป็นคำตอบที่ต้องมนต์สะกด ของนักเดินทางทุกคนด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามจนได้ขนามนามในเรื่อง ‘The Lost Horizon’ หากเราไปถึงก็จะเข้าใจว่านี่คือ สวรรค์ที่เห็นด้วยตา อุทยานย่าติ่งสูง4000 เมตรระดับน้ำทะเลสูงเกือบสองเท่าของดอยอินทนนท์และเกือบจะเทียบเท่าเทือกเขามงต์บล็องของสวิสทั้งหมดนี้อยู่ใกล้แค่จีน การเดินทางไปย่าติงครั้งนี้ เราเลือกเส้นทางกรุงเทพ-เฉิงตูในช่วงที่มีราคาโปรโมชั่น การเดินทางของเรามักจะได้วันไปและกลับที่ถูก ด้วยอาชีพฟรีแลนซ์จึงไม่มีปัญหาเรื่องระบุวันเดินทางเพื่อให้ได้ตั๋วราคาที่ถูกที่สุด ทริปนี้เราได้ราคาไปกลับกรุงเทพ-เฉิงตูที่ราคา 3พันกว่าบาท มาถึงเฉิงตูเวลาค่อนข้างดึกจึงเข้าที่พักนอนพักผ่อนจนถึงเช้า เราเลือก Flipflop Hostel Poshpacker ที่พักใจกลางเฉิงตู เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวสไตล์แบ็คแพคราคาหลักร้อยถึงพันต้นๆต้องบอกว่าที่พักแห่งนี้ดีมากทีเดียว มาเที่ยวจีนปัญหาหลักๆ ก็คือการสื่อสารที่คนส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ การเลือกที่พักแบบโฮสเทลจึงเป็นที่รวมของนักท่องเที่ยวต่างภาษาเพราะพนักงานโรงแรมจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดี การเดินทางจากเฉิงตูไปย่าติงค่อนข้างจะลำบากเมื่อเราคำนวณสถานะความพร้อมคงไม่อาจไปได้ด้วยตัวเอง เราจึงตัดสินใจซื้อทัวร์ของโรงแรมคือ แพคเกจ 6วัน5คืน โดยเส้นทางนี้ เราจะได้ไปจอยกับกรุ๊ปทัวร์จีนมีไกด์เป็นคนจีน แพคเกจนี้รวมที่พักค่าอาหาร ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวด้วยราคาประมาณ 7 พันกว่าบาท ถือว่าคุ้มค่ามากทีเดียว วันแรกของการเดินทางเห็นหน้าเพื่อนร่วมทัวร์จึงรู้ว่าเราเป็นเพียงคนไทยสามคนในกรุ๊ปนอกนั้นเป็นคนจีนทั้งหมดเลย ทัวร์นี้รวมคนจีนที่มาจากทุกสารทิศ มารวมที่เฉิงตูเพื่อเดินทางไปย่าติง เราทั้งสามคนเป็นจุดสนใจของเพื่อนร่วมทัวร์จีน แต่ละคนพยายามพูดภาษาจีนกับเรา เราไม่เข้าใจภาษาจีนเลย กูเกิลแปลภาษาเป็นดั่งนางงามมิตรภาพเชื่อมต่อความเข้าใจ การเดินทางไปถึงย่าติ่งจากเฉิงตู ใช้เวลาหยุดพัก 1 คืนที่เมืองคันติ้ง เส้นทางหุบเขาที่สวยงาม ทัศนียภาพที่แปลกตาทำให้เราสนุกนั่งรถจนลืมความเหนื่อย มีจุดจอดพักทั่วไปเพื่อแวะปลดปล่อยทุกข์ เราทุกข์เบาแต่ก็ตัดสินใจไปเข้าห้องน้ำเพราะไม่รู้ว่าอีกกี่ชั่วโมงรถจะจอดอีกครั้ง คนจีนมีระเบียบดีต่อแถวไม่แย่งกันเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่แวะเข้าตั้งอยู่กลางหุบเขาเป็นบ้านคนที่ทำห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว ต้องเสียเงินค่าเข้าคนละ 1หยวนหรือประมาณ 5 บาทเข้าได้ครั้งละ6 คน ลักษณะภายนอกของห้องน้ำเป็นเพิงไม้ ไม่มีหลังคา ตรงประตูเป็นแค่ม่านผ้าเปิดปิด พอเข้าไปก็จะเห็นทุกคนนั่งเรียงกันเป็นแถวหน้ากระดาน เมื่อมองก้มลึกลงไปข้างล่างจะเห็นพื้นดิน บ้างมีทิชชู่ บ้างพบประติมากรรมที่ถูกทิ้งไว้ แน่นอนไม่จำเป็นต้องใช้น้ำหลังเสร็จธุระคือเราสามารถลุกออกไปได้เลย ทิชชู่เปียกสำคัญ ขอย้ำเพื่อนๆควรพกไว้ติดตัวเสมอหากมาเที่ยวเมืองจีน เหลือบมองเพื่อนข้างๆ คือเพื่อนร่วมทริปที่เห็นกันอยู่บนรถในใจจินตนาการ "กรูอาย" ที่ต้องมานั่งยองยองฉี่ร่วมห้องเดียวกัน หนึ่งคนในกรุ๊ปทัวร์ที่ร่วมห้องปลดทุกข์กับเราคือผู้หญิงจีน นางแต่งตัวสวยสะดุดชุดขนมิงค์สีชมพู หลังจากได้ร่วมห้องน้ำเดียวกับนาง เรากับเพื่อนให้ฉายาเทอว่า นางฟ้าขนมิงค์บนส้วมหลุม เรารีบนั่งลงทำธุระแต่ไม่ทันจะเสร็จดี มีป้าคนนึงเดินตรงพุ่งมาเข้าทางเรา นางถลกกางเกงนั่งทำธุระข้างหลังเรา "กรูแทบคลั่ง!!" ฉี่ก็ยังไม่สุด มีป้ามากจากไหนไม่รู้ มานั่งฉี่อยู่ที่หลังตูดดิฉันได้อย่างไร ..นี่มันหลุมส่วนตัวนะป้า กรูอยากร้องให้" ในใจก็โครตขำฉี่ก็ไม่สามารถปลดปล่อยได้เต็มที่ เพราะกลัวจะไปกระทบกับมวลสารข้างล่างกระเด็นใส่ เพราะฉะนั้นใครไปที่จีน ห้องน้ำระหว่างทางให้เราเตรียมความพร้อมในด้านจิตใจมาก่อนเลย อาจเจอคนและส้วมที่ไม่คาดฝันมาก่อน นี่เป็นจอดแรกที่มิรู้ลืมแต่ก็สนุกดี นี่แหละคือรสชาติความสนุกของการได้ไปเที่ยว คือการที่เราได้เห็นสิ่งที่เราไม่เคยเห็นในบ้านเรา (รูปข้างบนเป็นห้องน้ำร้านอาหารมีฉากกั้น ค่อนข้างมีระดับ เรื่องส้วมที่บรรยายเราไม่สามารถถ่ายภาพได้ ณ โมเม้นนั้น ให้ผู้อ่านจินตนาการเอง) วันที่ 2 ของการเดินทาง เพื่อนเราเริ่มมีอาการหายใจไม่ออกวันนี้รถขึ้นเขาไปที่ระดับความสูง 4900เมตร หากใครร่างกายไม่พร้อมสำหรับการเดินทางมาที่ความสูงนี้อาจหมดสติได้ เพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหายใจลำบาก ถึงจุดนี้เราซื้อออกซิเจนกระป๋องมาสูดดมกับเพื่อน อาการที่เกิดขึ้นนั้น เขาเรียกว่าโรคแพ้ความสูง เป็นเพราะร่างกายยังปรับตัวไม่ได้กับความสูงที่เจอ เรามีอาการปวดหัวตึ้บตึ้บเหมือนเป็นไมเกรนแต่เชื่อมั้ยว่าช่วงเวลานั้น วิวที่อยู่ตรงหน้าฟ้าที่โครตฟ้ามันคุ้มค่าที่ได้มาเจอเหมือนอยู่บนหลังคาโลก วันที่ 3 และ 4 เราออกเดินทางแต่เช้าเพื่อที่จะไปนั่งรถบัสเข้าอุทยานย่าติ่งนี่คือช่วงเวลาแห่งความงดงามที่รอคอยเราใช้เวลาอยู่ที่นั่นทั้งวันเพื่อดูความงดงามของธรรมชาติที่พระเจ้าบันดาลสร้างมาและที่พลาดไม่ได้การเดินต่อไปให้ถึงจุดหมาย ทะเลสาปน้ำนม เหนื่อยแทบขาดใจแต่นี่แหละมนต์สะกด ของความงามที่อยู่ตรงหน้า ภาพทะเลสาปน้ำทะเลโครตสีฟ้า สลับกับทิวเขาหิมะ นี่ไชน่าหรือกู อยู่สวิส.... วันที่ 5และุุ 6 อำลาย่าติงและแพคกระเป๋าเดินทางกลับเฉิงตู เราแวะพักหนึ่งคืนที่เมืองเต้าเชิง เมืองนี้อยู่ในเขตการปกครองของทิเบต เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นผู้คนในดินแดนหลังคาโลกว่าเขามีหน้าตาการแต่งกายเป็นอย่างไร คนที่นี่จมูกค่อนข้างใหญ่จะเป็นไปได้มั้ยเมื่อเราอยู่ที่สูงเราต้องการออกซิเจนมากกว่าผู้คนในพื้นที่ราบต่ำ คนที่นี่เลยจมูกใหญ่เพื่อการหายใจโดยเฉพาะ ตอนบ่ายเดินชมเมืองเราพบว่าเมืองนี้น่าอยู่ เป็นเมืองที่สะอาดมากมีถนนที่สวยงาม ไม่มีเสาไฟที่ห้อยระโยงระยาง อากาศดีมากหนาวทั้งปี ผู้คนเป็นมิตรขอถ่ายรูปง่ายเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ประทับใจมาก ลามะที่นี่ขี่มอเตอร์ไซด์และออกมาทำกิจกรรมเหมือนฆราวาสบ้านเรา สังเกตุที่แฮนด์มอเตอร์ไซด์จะเห็นถุงมือใหญ่มากเพราะมีไว้กันลมหนาว ตอนเย็นผู้คนที่นี่นับร้อยคนออกมาเต้นรำที่สวนสาธารณะนับเป็นกิจกรรมแก้หนาวได้อย่างดี เราใช้ช่วงเวลาที่เหลืออีก 3วัน เที่ยวในเฉิงตูและรอบๆเมือง รวมงบประมาณทั้งหมดที่ใช้ไปก็เกือบสองหมื่น เที่ยวจีนครั้งนี้อาหารอร่อยมากยกเว้นอาหารในทัวร์ ที่เฉิงตูหน้าโรงแรมมีร้านสุกี้ที่คนวัยทำงานมากินหลังเลิกงานใครชอบน้ำจิ้มแบบหมาล่าที่นี่ต้นตำรับเลย หากพูดถึงเรื่องโรงแรมสำหรับทริปนี้ค่อนข้างดีทีเดียวระดับสามดาว เรื่องความสะอาดดีเป็นมาตรฐานสากล เราว่าใครที่ชอบเดินทางแบบไม่ค่อยลุยมาก กินอิ่ม นอนหลับ ชอบธรรมชาติ แบคแพคแบบใจสุข กายสุข ต้องทริปนี้เลย การเดินทางทริปนี้จุดหมายคือไปให้ถึงย่าติงแต่สิ่งที่เราค้นพบในจิตใจ คือ ความสุขนั้นอยู่ที่ระหว่างทาง จุดหมายทำให้ระหว่างทางเกิดขึ้น ความสุขระหว่างทางเรามักจดจำได้ ขอให้เราได้ใช้ชีวิตของเราเก็บเกี่ยวความสุขระหว่างทาง และขอให้ทุกการเดินทางของคุณเต็มด้วยความสุข แล้วพบกันใหม่ในทริปหน้า ภาพหน้าปกจาก https://unsplash.com/ ภาพที่ 1-13 ภาพจากผู้เขียน