ป้อมปี่…ชื่อที่สำหรับใครหลายคนอาจจะยังไม่คุ้นหู แต่สำหรับสายท่องเที่ยวธรรมชาติแล้ว นี่คือจุดหมายปลายทางที่อยู่ในลิสต์ “ต้องไปสักครั้ง” ของอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี เช้าวันนั้น ฉันตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเต็มที่ เสียงนาฬิกาปลุกผสมกับเสียงฝนปรอยบาง ๆ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก การเดินทางจากตัวเมืองกาญจนบุรีใช้เวลาประมาณ 3–4 ชั่วโมง ถนนทอดยาวคดเคี้ยวผ่านทุ่งนา หมู่บ้านเล็ก ๆ และแนวภูเขาที่ซ้อนกันเป็นชั้น ๆ บางช่วงมีหมอกลอยต่ำจนมองเห็นเหมือนผืนผ้าขาวปกคลุมผิวโลก ยิ่งใกล้ถึงอุทยาน เสียงรบกวนจากโทรศัพท์และความวุ่นวายของเมืองก็เหมือนจะจางหายไป เหลือเพียงเสียงลม เสียงจักจั่น และหัวใจที่เต้นแรงรอคอยภาพวิวที่เคยเห็นแต่ในรีวิวของคนอื่น การมาที่นี่ไม่ใช่แค่การหนีความเหนื่อยล้า แต่เป็นการมาหาความเงียบที่ใจฉันโหยหามานาน เมื่อเข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เจ้าหน้าที่ต้อนรับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและแนะนำพื้นที่กางเต็นท์ที่มองเห็นวิวสวยที่สุด ซึ่งก็คือบริเวณ “ป้อมปี่” จุดเด่นของที่นี่คือผืนน้ำกว้างใหญ่ของเขื่อนวชิราลงกรณที่ทอดตัวรับสายลมและท้องฟ้าอย่างสง่างาม ฉันมาถึงช่วงบ่าย แสงแดดเริ่มอ่อนลงเป็นสีทอง ส่องกระทบผิวน้ำให้เกิดประกายระยิบระยับเหมือนเพชรนับพันเม็ด ลมเย็นพัดผ่านใบหน้าและพาเอากลิ่นดินชื้นจากฝนเมื่อเช้าลอยมาแตะจมูก เสียงน้ำกระทบฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ราวกับกำลังเล่าเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้ให้คนแปลกหน้าอย่างฉันฟังรอบแรก การได้เดินสำรวจรอบ ๆ เห็นเต็นท์ของนักท่องเที่ยวคนอื่นตั้งอยู่ห่างกันพอสมควร ทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัวและไม่พลุกพล่าน ฉันกางเต็นท์ลงตรงจุดที่สามารถมองเห็นทั้งพระอาทิตย์ตกและขึ้นได้จากมุมเดียวกัน — ตรงนี้เองที่ฉันรู้ว่าการเลือกทำเลคือหัวใจของการนอนกลางแจ้งที่ป้อมปี่ เมื่อดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับเส้นขอบฟ้า สีส้มทองเปลี่ยนเป็นม่วงและน้ำเงินเข้ม อุณหภูมิลดลงจนต้องหยิบเสื้อคลุมมาสวม เสียงหัวเราะของกลุ่มเพื่อนจากเต็นท์ข้าง ๆ และกลิ่นหมูกระทะที่ลอยมาตามลม ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้เราจะเป็นคนแปลกหน้าแต่ก็เหมือนเป็นเพื่อนร่วมทางในค่ำคืนเดียวกัน ฉันนั่งบนเก้าอี้แคมป์เล็ก ๆ จิบโกโก้อุ่น มองผืนน้ำที่เงียบสงัดจนสามารถเห็นภาพดาวพราวบนท้องฟ้าสะท้อนลงไปได้อย่างชัดเจน เสียงจักจั่นร้องประสานกับเสียงน้ำคือลูกคู่ออเคสตร้าของธรรมชาติที่ไม่มีที่ไหนเลียนแบบได้ ความมืดที่นี่ไม่ได้น่ากลัว เพราะแสงดาวและแสงไฟจากเต็นท์เพื่อนบ้านช่วยแต่งเติมให้ค่ำคืนนี้ดูนุ่มนวล ฉันเผลอหลับไปพร้อมกับเสียงลมและไอเย็นที่โอบล้อม เหมือนธรรมชาติกำลังกล่อมให้หลับฝันดี เสียงนกร้องปลุกให้ตื่นก่อนแสงอาทิตย์จะโผล่พ้นภูเขา ฉันเปิดซิปเต็นท์ออกแล้วพบกับภาพที่ทำให้หัวใจเต้นแรง — หมอกขาวปกคลุมผิวน้ำจนดูเหมือนทะเลหมอกลอยต่ำ ขอบฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนสีจากฟ้าเข้มเป็นเหลืองอ่อน แสงแดดแรกกระทบละอองหมอกจนเกิดประกายสีทองลอยละล่องไปทั่ว ฉันนั่งจิบกาแฟร้อนบนเก้าอี้ตัวเดิม แต่คราวนี้เป็นความรู้สึกสดชื่นและเต็มไปด้วยพลัง เสียงน้ำกระทบฝั่งดังแผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบของเช้าวันใหม่ ความเงียบสงบในเวลานี้ทำให้รู้ว่าทำไมป้อมปี่ถึงเป็นที่รักของนักเดินทางหลายคน มันไม่ใช่เพราะความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่เพราะที่นี่ให้พื้นที่กับความคิด ให้เวลาหมุนช้าลง และให้โอกาสเราได้อยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง ฉันเก็บภาพถ่ายหลายใบแต่ก็รู้ดีว่าความรู้สึกที่แท้จริงนั้นอยู่ในความทรงจำ ไม่ใช่ในเลนส์กล้อง ก่อนจะเก็บเต็นท์ ฉันเดินไปยืนที่ริมฝั่งอีกครั้ง ลมเช้าพัดเอากลิ่นน้ำและดินมาปะทะจมูก เสียงเครื่องยนต์เรือของชาวบ้านที่แล่นผ่านเป็นสัญญาณว่าชีวิตในที่นี้กำลังเริ่มต้นขึ้นอีกวัน ฉันมองย้อนกลับไปที่พื้นที่ที่เคยนั่งเล่นเมื่อคืนและเช้านี้แล้วรู้สึกว่าป้อมปี่ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยว แต่มันคือ “พื้นที่แห่งความรู้สึก” ที่บรรจุทั้งความสงบ ความอบอุ่น และความงดงามไว้ในเวลาเพียงสั้น ๆ หนึ่งวันหนึ่งคืน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ความทรงจำนี้ชัดเจนพอที่จะทำให้ฉันอยากกลับมาอีกครั้ง ไม่ว่าจะมากับเพื่อน ครอบครัว หรือมาคนเดียว เพราะทุกครั้งที่มาที่นี่ เราจะได้ของขวัญกลับไปเสมอ — ไม่ใช่ของฝากในถุงกระดาษ แต่เป็นความรู้สึกที่เราเก็บไว้ในใจ และไม่มีใครสามารถขโมยไปได้ สถานที่นี้ คือ หน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม (ป้อมปี่) แผนที่ : https://maps.app.goo.gl/qf5rCsMLUxLtn2XL9?g_st=il ทุกภาพประกอบโดยผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !