หากคุณกำลังมองหาช่องทางการทำงานในต่างประเทศแแบบถูกกฎหมาย แถมยังได้เที่ยวหรือจะสมัครคอร์สเรียนระยะสั้นก็ยังได้ ต้องไม่พลาดโครงการ Work and Holiday ที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้ไปเปิดประสบการณ์กันถึงประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โครงการ Work and Holiday คืออะไร? Work and Holiday หรือ WAH เป็นวีซ่าท่องเที่ยวประเภทหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เยาวชนไทยอายุระหว่าง 18-30 ปี ได้ไปเปิดประสบการณ์ในต่างแดนไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว การทำงาน หรือเรียนต่อ เป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม โดยปัจจุบันมีให้เลือก 2 ประเทศคือ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ซึ่งจริง ๆ แล้วโครงการนี้มีในไทยมานานกว่าสิบปีแล้วนะ แต่ที่อาจจะไม่บูมเท่าโครงการ Work and Travel ของเด็กมหา'ลัยอาจเป็นเพราะว่าการไปโครงการนี้จะต้องสมัครเองโดยไม่ผ่านเอเจนซี่ เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีหน่วยงานที่มาโปรโมทโครงการนี้อย่างจริงจัง คนส่วนใหญ่จะรู้จักผ่านการบอกเล่าประสบการณ์ของคนที่เคยไปมาแล้วหรือคนรู้จักแนะนำมาอีกที อย่างที่เกริ่นจากชื่อบทความนี้กันไปว่าโครงการนี้เป็นเรื่องราวของการไปออสเตรเลีย แต่ ๆ ๆ เจ้าวีซ่า Work and Holiday เขามีให้เลือกไปอีกประเทศด้วยคือ นิวซีแลนด์ ในชื่อวีซ่าคล้าย ๆ กันคือ Working Holiday Scheme (WHS) รายละเอียดเกือบทุกอย่างแทบจะเหมือนกันเปี๊ยบ มีแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่ในบทความนี้เราจะมาเน้นที่ประเทศออสเตรเลียซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าและมีคนไทยไปมากกว่า จะเป็นเพราะอะไรตามไปอ่านกันต่อเล้ย Work and Holiday VS Work and Travel ต่างกันยังไง? ก่อนจะไปพูดเรื่องอื่น เพื่อป้องกันความสับสนเราจะมาอธิบายให้เข้าใจกันอีกครั้งก่อนว่า โครงการ Work and Holiday ไม่ใช่ Work and Travel นะ ทั้ง 2 โครงการนี้ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ประการแรกคือโครงการ Work and Holiday จะไปได้หลังเรียนจบปริญญาตรีแล้วเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับ Work and Travel ตรงที่ต้องไปขณะกำลังเรียนอยู่ในมหา'ลัยเท่านั้น ประการที่สองคือการไปโครงการ Work and Holiday จะต้องสมัครเอง ดำเนินการเองทุกอย่าง (ในกฎของทางสถานทูตเองก็มีระบุไว้เช่นกันว่าไม่ให้สมัครผ่านเอเจนซี่) เพราะฉะนั้นการจะหางาน หาบ้าน หาตั๋วเครื่องบินไปอะไรก็ต้องทำเองทุกอย่าง มีเพียงหน่วยงานของรัฐที่ชื่อ กรมกิจการเด็กและเยาวชน หรือ ดย. เท่านั้นที่เป็นผู้ประสานงานในไทย แต่อย่างไรขั้นตอนการสมัครวีซ่าทุกอย่างเราต้องดำเนินการเองจ่ะ จิงโจ้ กับ โคอาล่า สัตว์ประจำถิ่นออสเตรเลียเขาล่ะ คุณสมบัติของผู้สมัครวีซ่า Work and Holiday อย่างที่บอกกันไปว่าโครงการนี้รับผิดชอบโดยกรมกิจการเด็กและเยาวชนเนอะ เขาเลยแค่ให้แค่วัยรุ่นอายุระหว่าง 18-30 ปี ไปเท่านั้น แต่วันกด submit ยื่นเอกสารเพื่อขอวีซ่ากับทางสถานทูตน่ะ อายุจะต้องไม่เกิน 31 ปี สัญชาติไทยเท่านั้นจ้า เพราะโครงการนี้มีในหลายประเทศเลย แต่ละประเทศก็จะมีเงื่อนไขแตกต่างกันไป ดังนั้นถ้าเป็นโครงการของไทยก็จะต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้นนะ ต้องเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ถามว่าเพิ่งจบ ป.โท ล่ะได้มั้ย ข้อนี้สบายมาก ถ้าอายุยังไม่เกินก็ไปได้หายห่วง ต้องมีหลักฐานแสดงทักษะทางด้านภาษาอังกฤษด้วย ข้อนี้คนที่เรียนจบ ป.ตรี ภาคอินเตอร์รอดตัวฉิวเลยจ่ะ ไม่ต้องห่วงในข้อนี้แล้ว ส่วนคนที่เรียนจบภาคไทย (ในใบจบไม่ได้ระบุว่าเรียนเป็นภาคภาษาอังกฤษ) ก็จะต้องมีคะแนน IELTS ไปยื่น ซึ่งของออสเตรเลียต้องใช้คะแนน 4.5 ขึ้นไปในทุกพาร์ท เท่านั้น!! ส่วนนิวซีแลนด์หยวนๆให้เฉพาะคะแนน overall 4.5 จ่ะ จะมีพาร์ทไหนต่ำกว่านี้ก็ได้ไม่เป็นไร จะไปได้ต้องมีเงินนะ ข้อนี้หมายถึงว่า ต้องแสดง statement ซึ่งเป็นขั้นตอนทั่วไปสำหรับการยื่นวีซ่าไปต่างประเทศอยู่แล้ว ใช้สำหรับรับประกันว่าคุณจะมีเงินเพียงพอสำหรับใช้กินอยู่ในออสเตรเลียช่วงแรก และมีเงินพอสำหรับกลับประเทศนะ โดยของออสเตรเลียกำหนดไว้ว่าจะต้องมีเงินในบัญชีออมทรัพย์ของตัวเองไม่ต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 110,000-130,000 บาท (ทั้งนี้ต้องตรวจสอบเรทเงินอีกที แต่เพื่อความชัวร์ควรมีเผื่อ ๆ ในบัญชีมากกว่า 5,000 AUD ประมาณ 10,000-20,000 บาทก็ได้) ห้าข้อนี้เป็นแค่คุณสมบัติคร่าว ๆ ที่ must have ในวันที่ต้องสัมภาษณ์ขอใบรับรองกับ ดย. หรือขอวีซ่ากับสถานทูต อาจมีอะไรเพิ่มเติมจากนี้อีก แนะนำว่าให้ติดตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของ ดย. อีกทีจ้า ข้อจำกัดสำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ วีซ่านี้มีอายุเพียง 1 ปีเท่านั้นนับจากวันที่เราก้าวเท้าเข้าไปเหยียบแผ่นดินออสเตรเลีย เราเดินทางไปถึงวันไหนให้นับไปเลยอีก 365 วัน คุณจะต้องออกจากออสเตรเลียแล้ว แต่ทางที่ดีควรออกก่อนวันวีซ่าหมดเป๊ะ ๆ ดีกว่านะ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เช่น เที่ยวบินดีเลย์ จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง (ปล. ตอนนี้สามารถต่อวีซ่า WAH ปีสองและปีสามได้แล้ว แต่ต้องทำงานตามที่เงื่อนไขกำหนด) ทำงานอะไรก็ได้แต่ห้ามเกิน 6 เดือนต่อ 1 นายจ้าง เพราะชื่อวีซ่าบอกว่าเป็น Work and Holiday เขาเลยอยากให้คุณได้ไปเที่ยวด้วย ไม่ใช่ทำงานอย่างเดียว เงื่อนไขเลยกำหนดให้ต้องทำงานที่เดิมไม่เกิน 6 เดือน ถ้าทำผิกกฎก็อาจถูกถอนวีซ่าและส่งกลับประเทศได้เลยนะ (แอบกระซิบว่าจริง ๆ หลังจากนั้นถ้ายังไม่อยากเที่ยวก็ยังทำงานได้ แต่ต้องเปลี่ยนที่ไปทำที่อื่นต่อเท่านั้นเอง) อยากสมัครเรียนก็ได้แต่ห้ามเกิน 17 สัปดาห์ อีกหนึ่งกิจกรรมที่เด็ก WAH จะมาทำกันคือเรียนภาษา อาจจะเรียนภาษาทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวันหรือใช้ในการทำงาน แต่ที่ออสเตรเลียเขาก็มีคอร์สสำหรับเด็ก WAH เช่นกันนะ เช่น คอร์สบาริสต้า เรียนจบก็ไปชงกาแฟเลย หรือคอร์สอื่น ๆ ที่เรียนจบแล้วเขาจะให้ใบอนุญาตเราเลย เช่น ใบอนุญาตทำงานในร้านที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (ออสเตรเลียเขาเคร่งในเรื่องใบอนุญาต จะไปทำงานสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ได้) อยากไปแล้วววว...ต้องสมัครยังไงบ้างนะ? เอาล่ะ หลังจากอ่านกันมาสักพักอาจจะกระตุ้นความอยากให้ใครหลายคนแล้ว ประเด็นต่อไปคือมีวิธีการสมัครยังไงบ้าง เราถึงจะได้เป็นหนึ่งใน 2,000 คนที่ได้ไป Work and Holiday บอกก่อนเลยว่า Work and Holiday ของไทยกำหนดจำนวนคนที่ขอวีซ่าได้แต่ละปีนะ ข่าวดีก็คือตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ทางออสเตรเลียได้อนุมัติให้เพิ่มโควต้าสำหรับคนไทยเป็น 2,000 คนเต็มๆแล้ว บางคนอาจจะงง เอ๊ะ ทำไมน้อยจัง อยากบอกว่าอันนี้คือเพิ่มขึ้นมาเยอะแล้วนะ เพราะปีก่อน ๆ ให้แค่ 500 คนเอง แต่ตั้งแต่ปี 2019 ได้เพิ่มโควต้าให้เป็น 2,000 คน (อย่างไรก็ตามโควต้า 2019 ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ให้ครบ 2,000 คนเป๊ะ ๆ) ส่วนโควต้าของนิวซีแลนด์ ตามที่จั่วหัวกันไปว่าโครงการของออสเตรเลียได้รับความนิยมมากกว่าเป็นเพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะว่าในแต่ละปีนิวซีแลนด์เขาให้โควต้าคนไทยแค่ 100 คนเอง เพราะฉะนั้นการแข่งขันก็จะสูงกว่า คนส่วนใหญ่เลยเลือกที่จะเสี่ยงดวงกดโควต้าของออสเตรเลียกันมากกว่า ดังนั้นก่อนจะไปถึงด่านการขอวีซ่ากับสถานทูตได้ เราจะต้องผ่านด่านที่เรียกว่า "การกดโควต้า" เพื่อให้เราได้เข้ารอบเป็นหนึ่งใน 2,000 คนก่อน ที่จะได้ใบรับรองในการไปขอวีซ่าได้ ขอสรุปขั้นตอนการขอวีซ่า Work and Holiday แบบคร่าว ๆ ตั้งแต่แรก ดังนี้ ลงทะเบียนเพื่อรับ Username กับ Password กับทาง ดย. ซึ่งจะต้องใช้ในการล็อกอินเข้าไปกดโควต้าในวันที่กำหนด สมัครขอใบรับรองคุณสมบัติออนไลน์กับทาง ดย. หรือศัพท์ในวงการที่เรียกว่า 'กดโควต้า' เป็นขั้นตอนที่เราจะต้องช่วงชิงตำแหน่งโดยอาศัยความเร็วของอินเทอร์เน็ต ความไวของนิ้วในการกดรีเฟซและกรอกแบบฟอร์ม และดวงของคนกดสมัคร ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ให้นึกถึงการกดบัตรคอนเสิร์ตหรือการกดลงทะเบียนเรียนของมหา'ลัยเข้าไว้ ซึ่งสิ่งที่จะได้เจอคือ 'เว็บล่ม' ข้อนี้ขอให้เตรียมใจไว้ก่อน แต่ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ ทุกอย่างก็จะเริ่มสบายล่ะ เตรียมเอกสารเพื่อใช้ยื่นขอใบรับรองคุณสมบัติกับทาง ดย. ซึ่งใบสมัครจากการกดโควต้าก็เป็นหนึ่งในเอกสารที่ใช้ยื่น หากเอกสารเรียบร้อยดี ดย. ก็จะออกใบรับรองให้เพื่อใช้ในการขอวีซ่าต่อไป (*ต้องบอกนิดหนึ่งว่าการได้ใบรับรองไม่ได้หมายถึงได้วีซ่าแล้วนะ ใบรับรองใช้เพื่อรับรองกับทางสถานทูตเท่านั้นว่าเรามีคุณสมบัติเพียงพอในการขอวีซ่าได้) หลังจากได้ใบรองจาก ดย. มาแล้ว ให้เตรียมเอกสารอีกรอบสำหรับใช้ในการยื่นขอวีซ่าออนไลน์กับ immigration หลังจากกด submit ขอวีซ่าไปแล้ว ก็ต้องไปตรวจสุขภาพกับตรวจไบโอกับทาง VFS ตามขั้นตอนต่อไป สุดท้ายรอรับผลพิจารณาการขอวีซ่าจากทางสถานทูต และเตรียมแพ็คกระเป๋าไปออสเตรเลียกันได้เลย (หลังจากวีซ่าผ่านแล้ว วีซ่าจะมีอายุอีก 1 ปี) หน้าตาเว็บไซต์ของกรมกิจการเด็กและเยาวชนที่เด็ก WAH ทุกคนคงคุ้นเคย ถ้าใครสนใจจริง ๆ แนะนำให้ไปอ่านรายละเอียดของโครงการแบบครบถ้วนกับเว็บไซต์ของ ดย. ได้เลยนะ (www.dcy.go.th) โครงการนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อยากลองไปใช้ชีวิตในต่างประเทศสักครั้งโดยที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก ไม่แน่ว่าการออกไปเปิดโลกในครั้งนี้อาจจะเป็น life changing ที่ทำให้เราได้ออกจากกรอบเดิมๆ และค้นพบสิ่งที่เราชอบจากการเดินทางก็ได้นะ สุดท้ายแล้วคงต้องบอกว่าขอให้ผู้ที่สนใจโครงการนี้ทุกคน ดวงดีกดโควต้าได้ทุกคนนะ :-) ขอบคุณภาพประกอบจาก เว็บไซต์ ดย. และ Unsplash : ภาพหน้าปก / ภาพจิงโจ้ / ภาพโคอาล่า