ถ้าพูดถึงช็อกโกแลต คงต้องพูดถึง Lindt ซึ่งเป็นบริษัทผลิต chocolate ชื่อดัง จากประเทศ Switzerland ที่เลื่องลือมานานแสนนาน และด้วยรสชาติของช็อกโกแลต ที่มีรสชาติถูกลิ้นแล้ว เมื่อกลางปีที่ผ่านมา Lindt ได้มีการเปิดตัวพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการในวันที่ 13 กันยายน 2020 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความทันสมัยเป็นอย่างมาก และมีการตกแต่งที่หรูหราด้วยโทนสีขาวราวกับแท่ง white chocolate บนดินอย่างไงอย่างงั้น และพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้มีชื่อว่า " Lindt home of chocolate " ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก พร้อมกับน้ำพุช็อกโกแลต ที่สูงกว่า 30 ฟุต และมีร้านขายช็อกโกแลตของ Lindt ที่มีขนาด 500 ตารางเมตร และแน่นอนค่ะ Lindt home of chocolate ได้ตั้งอยู่ในเมืองซูริค ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ Switzerland และเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยค่ะ เดินทางไปเยี่ยมชมได้สะดวกมาก ๆ และที่สำคัญเราได้มีโอกาสไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ด้วยตัวเองด้วย ก็เลยอยากจะเอารูปภาพสวย ๆ และประสบการณ์ดี ๆ จากการเที่ยวชมในครั้งนี้มาฝากเพื่อน ๆ ค่ะฟังดูน่าสนใจเอามาก ๆ เลยใช่ไหมคะ งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่าว่า แบรนด์ดังอย่าง Lindt จะมีพิพิธภัณฑ์สวยขนาดไหน และน้ำพุช็อกโกแลตที่ว่า จะสูงและสวยตระหง่านตามากแค่ไหน ไปดูกันเลยค่ะเรามาเริ่มกันที่ เท้าแรกด้านขวาของเราก้าวเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ ( ทำไมต้องด้านขวา เอ่อ ไม่ทราบเหมือนกัน 555+) เมื่อเราก้าวเข้าไปในตัวอาคาร สิ่งแรกที่เราสัมผัสได้คือความทันสมัย และความหรูหรา ที่ตกแต่งด้วยสีโทนขาว และสีทองตัด ให้ความรู้สึกแบบโรงแรม 5 ดาว มองตรงไปจะมีที่ขายตั๋วที่ถูกออกแบบคล้าย ๆ กับ reception desk ในโรงแรมหรู ๆ และมีการบริการแบบ VIP สุด ๆ ทางด้านซ้ายมือจะมีน้ำพุช็อกโกแลตตั้งอยู่ พร้อมกับกลิ่นที่โชยมาแตะจมูกของแขกที่เข้าชมเอามาก ๆ เลยค่ะ และจุดนี้เป็นจุดที่ดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นสิ่งแปลกใหม่ และถ้าหากมาที่นี่แล้วไม่แชะภาพกับน้องน้ำพุช็อกโกแลต เขาว่ากันว่าจะมาไม่ถึงดินแดนของ Lindt กันเลยทีเดียวบอกเลยว่า Lindt เขาทุ่มทุนสร้างน้ำพุช็อกโกแลตมาก ๆ การที่เอาช็อกโกแลตจริง ๆ มาทำเป็นน้ำพุไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะคะ ต้องคิดดูนะคะว่าเพียงแค่เราซื้อทานเอง 1 บาร์ ก็ถือว่าแพงเอามาก ๆ แล้ว ไม่อยากจะคิดเลยใช่ไหมคะ ว่าช็อกโกแลตที่นำมาทำน้ำพุ ถ้าตีเป็นเงินแล้วจะตกอยู่ที่กี่บาท ถ้ารู้แล้วอาจจะทำให้เราร้อง "โห้" เลยก็เป็นได้ ในระหว่างที่รอซื้อตั๋ว จะมีพนักงานคอยเสิร์ฟช็อกโกแลตรูปหัวใจสีแดง ให้กับแขกผู้เข้าชมคนล่ะ 1 ดวง ( แต่เสียดายลืมถ่ายภาพเก็บไว้ ) หลังจากที่เราซื้อตั๋วเสร็จแล้ว เราก็ต้องเอากระเป๋า หรือเสื้อโค้ชไปเก็บในห้อง เขาจะมีห้องเตรียมไว้สำหรับแขกที่มีสัมภาระเยอะ พอเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินไปรับเครื่องฟังซึ่งอยู่ตรงบันไดทางขึ้นไปเข้าชมพิพิธภัณฑ์ จะมีพนักงานคอยแจก เรามีหน้าที่เพียงแค่เดินไปรับเครื่องฟัง และแจ้งภาษาที่เราต้องการฟัง ทำไมต้องแจ้งภาษา จะบอกว่าพิพิธภัณฑ์ของ Lindt ค่อนข้างทันสมัย และเขาเน้นการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ และเครื่องฟังนี้ก็ใช้งานง่ายเอามาก ๆ เลย เพียงแค่นำเครื่องนี้ไปสแกนกับ QR code ( QR code จะมีสัญลักษณ์เดียวกันกับรูปที่อยู่ตรงกลางของเครื่องฟัง เราก็แค่นำเครื่องไปจ่อที่รูปนี้ที่อยู่ตามผนังให้ความรู้ ก็สามารถฟังได้แล้วค่ะ เปรียบได้ดั่งไกด์ส่วนตัวของเรานั่นเอง) ( ตั๋วเข้าชม และเครื่องฟัง )โอเคค่ะ ตอนนี้เราก็มีอุปกรณ์ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ครบแล้ว เรามาเริ่มเข้าชมกันเลยยย มาเริ่มกันที่ชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ จุดนี้เราเรียกได้ว่าเป็นจุดแรก ในการเข้าชมพิพิธภัณฑ์เลยก็ว่าได้ ก่อนที่เราจะเข้าไปข้างในเพื่อเยี่ยมชม เราจะต้องใช้ตั๋วเข้าชมด้านที่มี QR code สแกนกับเครื่อง เพื่อให้เครื่องทำการเปิดประตูให้เราเข้าไปข้างในเพื่อเข้าชม พอเข้ามาข้างในแล้วเราก็จะเห็นต้นไม้ใบหญ้า ซึ่งนั่นก็คือประวัติของช็อกโกแลตนั่นเอง ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เขามีการเล่าประวัติตั้งแต่การปลูก ไปจนถึงการทำช็อกโกแลตกันเลยทีเดียว รวมทั้งประวัติของเจ้าของบริษัท Lindt แพคเกจชิ้นแรกที่ใช้ห่อช็อกโกแลตของ Lindt และเครื่องจักรที่ทำช็อกโกแลตเครื่องแรกด้วยละค่ะ เห็นไหมคะว่าเขาใส่ใจในรายละเอียดมากขนาดไหน ( แพคเกจชิ้นแรกที่ห่อช็อคโกแลตของ Lindt )หลังจากเดินชมประวัติและได้รู้เกี่ยวกับช็อกโกแลตกันแล้ว ทีนี้เราก็ได้มาถึงกระบวนการทำช็อกโกแลตแล้วค่ะ และจุดนี้ก็เป็นจุดที่ภูมิใจนำเสนอเอามาก ๆ เลยค่ะ แต่...! มีคำเตือนนะคะ เพราะจุดนี้เป็นจุดที่ถ้าหากใครไม่หักห้ามใจ อาจจะเกิดโรคเบาหวาน หรือไม่ก็โรคอ้วนได้เลยละคะ 555+ ที่ต้องเตือนก็เพราะว่าเป็นจุดที่เป็นกระบวนการทำช็อกโกแลต ที่มีกระบวยช็อกโกแลตให้ชิมกันตั้ง 3 รส หรือ 3 กระบวยเลยนะคะ รสที่มีให้ชิมก็จะมี white chocolate, dark chocolate และ milk chocolate เราสามารถชิมเท่าไหร่ก็ได้ ตามความอยากเลยนะคะ ( ถึงแม้จะลืมถ่ายกระบวนการผลิต แต่เราก็ถ่ายกระบวยช็อกโกแลตมาฝากทุกคนน้าาา )(กระบวยช็อกโกแลต จริง ๆ มีทั้งหมด 3 รส แต่คนเข้าชมเยอะเลยได้มาแค่ 2 รส ไม่ว่ากันนะคะ 55+) พอเราชิมเสร็จแล้วเรา และได้ชมกระบวนการผลิตช็อกโกแลตกันไปแล้ว งั้นเราไปจุดต่อไปกันดีกว่าค่ะ จุดต่อไปเป็นจุดที่คล้าย ๆ โลกอวกาศ มีลูกโลก และประวัติค่ะ ( ห้องท่องอวกาศ )หลังจากได้ไปท่องอวกาศกันแล้ว เราก็มาถึงจุดที่เกือบจะสุดท้าย แต่ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับจุดสุดท้ายที่เอาใจแฟน ๆ ช็อกโกแลตแบบสุด ๆ ซึ่งเป็นจุดที่ได้ชิมช็อกโกแลตมากกว่า 4 รสด้วยกัน ( เสียดายที่เราไม่ได้ถ่ายมา ) แถมสามารถเอากลับได้ด้วย แต่เอาพอสมควรพอนะคะ เก็บไว้เผื่อคนอื่น ๆ ด้วย ( ช็อกโกแลตที่เราเอามาชิม )หลังจากที่ได้อ่านกันมาก็มากพอสมควร ทุกคนคงสงสัยว่าราคาค่าเข้าชมอยู่ที่เท่าไหร่ ราคาเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ $16.50 ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 495 บาท สำหรับเด็กอยู่ที่ราคา $11 ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 320 บาท แต่ถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 7 ขวบ รับสิทธิ์เข้าชมฟรีค่ะ หลังโควิดนี้สำหรับใครที่อยากไปเที่ยวประเทศ Switzerland ก็อย่าลืมแวะไปชมพิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตกันนะคะ ภาพทั้งหมดโดย : ผู้เขียน