การสร้างเขื่อนถือเป็นสิ่งที่ดี ดีหนึ่งคือช่วยผลิตกระแสไฟฟ้า ต่อมาคือการกักเก็บน้ำในหน้าฝนป้องกันน้ำท่วมได้ มีการช่วยในการแก้ไขน้ำเสียผลักดินน้ำเค็ม แต่ในการสร้างเขื่อนก็มีผลกระทบบ้างกับสัตว์ป่าที่เคยอาศัยอยู่ เขื่อนในประเทศไทยปัจจุบันนี้มีเพิ่มมากขึ้น ธรรมชาติบางครั้งก็โหดร้ายบันดาลฝนให้ตกลงมาจำนวนมาก บางปีก็แห้งแล้งดินแตกระแหง การสร้างเขื่อนเป็นการช่วยในหลายๆ เรื่องซึ่งที่จะพูดถึงต่อไปนี้ เชื่อว่าทุกคนต้องรู้จัก ซึ่งแต่ก่อนนั้นเขื่อนนี้มีชื่อว่า เขื่อนเชี่ยวหลาน แต่มาปัจจุบันนี่เขื่อนได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น เขื่อนรัชชประภา ความเป็นมาของเขื่อนรัชชประภา คือเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้เป็นหนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่พระชนมายุครบ 5 รอบ ซึ่งน่าจะเป็นในปี 2530 ดำเนินการสร้างใช้เวลาประมาณเกือบสิบปี สวยจนใครที่เดินทางมาสุราษฎร์ธานีต้องมาเที่ยวที่เขื่อนแห่งนี้ สีของน้ำ เขียวมรกตมาก เขื่อนรัชชประภาแห่งนี้ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวสนใจเดินทางมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก เขื่อนรัชชประภาแห่งนี้มีพื้นที่รวมทั้งหมด 1 แสน ไร่ พื้นที่อันกว้างใหญ่นี้ มีเกาะและมีภูเขารวมทั้งหมด 270 เกาะ จึงถือว่าสถานที่แห่งนี้นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่า กุ้ยหลินเมืองไทย ถ้าเรานั่งเรือชมความงามของเขื่อนรัชชประภาจะเห็นเกาะหินผา หน้าผาหินปูน ภูเขานั้นตั้งตระหง่านขึ้นเหนือน้ำสูง ตัดกับน้ำที่สีเขียวมรกต ใสสะอาด ถ้าเราไม่ได้สังเกตลักษณะเหมือนกับน้ำทะเล ยิ่งในตอนเช้าถ้าหากเราตื่นทันล่องเรือไปชมหมอกเดินทางกลับบ้าน สวยงามไม่แพ้ต่างประเทศ พิกัด>>>> เขื่อนรัชชประภา สุราษฎร์ธานี การผลิตกระแสไฟฟ้า เขื่อนรัชชประภานั้นมีประโยชน์ในเรื่องของการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำ ช่วยทำให้ภาคใต้นั้นได้มีน้ำใช้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นแล้วยังเหลือไปใช้ในการเกษตรอีกต่อหนึ่งด้วย พลังงาน 315 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมงนั้นถือว่าแรงมาก เขียวชอุ่ม เมื่อขึ้นมาด้านบนของเขื่อนแล้วเรามองกลับลงไป จะเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่ไม่ได้ปรุงแต่งอะไร ภูเขาที่มีต้นไม้ขึ้นเขียวชอุ่มชวนให้คลายความเครียด ถ้าหากเรามองในตอนแรกนั้น เราจะมีความรู้สึกว่าที่นี่ไม่ใช่เขื่อน จากสีของน้ำและภูเขานั้นเหมือนกับทะเลสาบ ใครจะรู้ว่าที่นี่นั้นน้ำทั้งหมดคือน้ำจืด ซึ่งมีความลึกอันประมาณไม่ได้ ครั้งหนึ่งเคยนั่งเรือเข้าไปนอนแพด้านใน ซึ่งใช้เวลาในการเดินทางเข้าไปประมาณสี่สิบนาที เหมือนเรือกำลังมุ่งหน้าออกไปทะเล น้ำที่นั่นลึกประมาณสี่สิบเมตร การว่ายน้ำจืดนั้นไม่เหมือนการว่ายน้ำทะเล การดำหรือว่ายน้ำในทะเลเรายังสามารถหายใจได้ ถ้าเหนื่อยเราลอยตัวได้ แต่สำหรับน้ำจืดไม่มีใครกล้าที่จะดำลงไปด้านล่าง เคยมีชาวบ้านนั้นเล่าให้ฟังว่า ใต้เขื่อนแห่งนี้ มีผู้คนล้มตายวายชีวาจำนวนมาก ใต้น้ำนั้นยังมีหมู่บ้าน วัดหรือสถานที่ที่เคยอยู่บนบกมาก่อน ซึ่งปัจจุบันอยู่ใต้น้ำลีกมากกว่า 40 เมตร น้ำแต่ละที่ของเขื่อนรัชชประภาแห่งนี้สีน้ำจะไม่เหมือนกันทั้งหมด บางที่ก็จะฟ้า บางที่ก็เขียว บางที่นั้นใส่ ถ้าเราเข้าไปลึกๆ ตรงเกาะที่เรียกว่า กุ้ยหลิ่นเมืองไทย น้ำที่นั่นสามารถลงเดินเล่นได้สบาย เพราะน้ำไม่ลึก ลึกก็จะประมาณเข่า หมู่ปลาแหวกว่ายกันอย่างสนุก ถนนแห่งนี้เป็นถนนที่ขับขึ้นจุดสูงสุดของเขื่อน ที่จะมีลานหญ้ากว้างให้เราได้ชมธรรมชาติถ่ายภาพเป็นที่ระลึก หรือต้องการที่จะศึกษาเรียนรู้ในโรงไฟฟ้าก็เข้าไปได้ แต่ส่วนมากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่ มานั่งจิบกาแฟ ชาเขียวนั่งสูดอากาศแล้วก็กลับลง หรือบางคนนั้นขยันหน่อยก็วิ่งออกกำลังกาย ชมบรรยากาศสักพัก ใช้เวลาไม่นานเดินทางขึ้นมาที่นี่ บางคนอาจจะแวะพักรถพักสายตา เพื่อเดินทางต่อสู่จุดหมาย มองไกลสุดลูกหูลูกตา ถ้าหากต้องการที่จะเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลานหรือเขื่อนรัชชประภานั้นจะต้องขับรถลงไปด้านล่าง ซึ่งลักษณะของที่พักที่ได้รับความนิยมจะเป็นแพ ซึ่งมีจำรวยมากสามารถเลือกได้เอกชน แพไม้ แพบ้านปูน ได้ทั้งหมดซึ่งเราอาจจะติดต่อซื้อทัวร์ หนึ่งคืนสองวัน เช้าเที่ยวรอบ ที่เคยไปเที่ยวเห็นจะเป็นเขาสามเกลอ ซึ่งเขานี้มีที่มาของคำว่า กุ้ยหลิ่นเมืองไทย ถ้ำประกายเพชร เป็นถ้ำที่มีแสงตกกระทบ มีประกายแสงที่สวยงามถ้ำปะการังและทะเลในจำนวน 500 ไร่ ถ้ำแห่งนี้จะมีหินงอกหินย้อย สวยงามเหมือนปะการัง ถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำนี้จะสำหรับคนที่รักในการผจญภัยร่างกายแข็งแรงหน่อย การจะเข้าถ้ำได้ต้องไปกับเจ้าหน้าที่ซึ่งการจะเข้าถ้ำได้จะต้องรอเวลาให้น้ำลงก่อน เมื่อปากถ้ำเปิดถึงจะเข้าได้ แต่ต้องระวังเรื่องของอันตรายเพราะใต้น้ำอะไรก็เกิดขึ้นได้แม้จะว่ายน้ำเก่งขนาดไหน สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละที่นั้น ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่ว่ายน้ำได้หรือไม่ได้ควรสวมใส่เสื้อชูชีพ เพราะอันตรายอยู่รอบด้าน ถ้าหากเกิดพลาดพลั้งไป อาจจะถึงกับชีวิต เพราะการจมน้ำจืดไม่เหมือนการจมน้ำเค็ม การช่วยเหลือจะค่อนข้างลำบาก ซึ่งต้องบอกว่าถ้าหากจมลงไป รอฟูอย่างเดียวในวันพรุ่ง ซึ่งคำพูดนี้เป็นการเตือนสติให้เรารักตัวกลัวตาย การไปเที่ยวครั้งนั้นที่จำได้แม่นที่สุดน่าจะเป็นเขาสามเกลอ หรือที่รู้จักกันในกุ้ยหลินเมืองไทย เพราะสวยจนเห็นตัวปลา พอเรือแล่นเข้าไป คนขับเรือจะดับเรือให้น้ำนิ่งเพื่อมองดูทำให้เห็นปลาสีสดใสและพื้นหิน ที่ประดับด้วยสาหร่ายที่โดนแสงส่องทำให้ดูแล้วสวยงามน่าชม เขื่อนถือว่ามีความสำคัญสำหรับประชาชน เพราะช่วยในการผลิตกระแสไฟฟ้า และการทำการเกษตร คนเราเกือบทุกคนต้องใช้น้ำอยู่ทุกวันเพราะคือปัจจัยที่สำคัญกับการดำรงชีวิต แต่ก่อนนั้นสถานที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วม แต่หลังจากที่มีเขื่อนช่วยกักเก็บน้ำฝน ก็ทำให้ปัญหานั้นทุเลาลง ผลพลอยได้ของการสร้างเขื่อน ทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมาย สร้างรายได้ให้กับประชาชน ถ้ามีโอกาสอย่าลืมเที่ยวเขื่อนในประเทศของไทย ให้ครบทุกที่เพราะแต่ละที่มีความสวยงามและน่าหลงใหล ภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนเอง (อุ้งเท้าแมว)🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”