กลับมาจากอินเดียจนจะกลับไปไหมอีกแล้วก็ยังบอกเล่าเรื่องราวของทริปช่วงกุมภาพันธ์ไม่หมดเลยค่ะ และรอบนี้ตัวเราได้รับข้อความถามเกี่ยวกับการเดินทางเยอะมากๆ ไม่ว่าจะทั้งเกี่ยวกับการขอ e-visa สารพัดปัญหาที่เกิดขึ้น รวมไปถึง "เมื่อถึงสนามบินแล้วไปยังไงต่อคะ" คำถามนี้ก็ถูกถามเยอะพอๆ กันเลยค่ะ ก็ตั้งใจจะมาบอกเล่าถึงเมืองนะ ดังนั้นบทความนี้ขอเริ่มที่นิวเดลีก่อน เพราะเป็นเมืองหลวงที่ผู้คนมักบินไปลงที่นี่เยอะที่สุด20 เรื่องต้องรู้ก่อนไปอินเดีย พร้อมอัปเดตการเข้าประเทศล่าสุด 2023วิธีเดินทางเข้าใจกลางเมืองนิวเดลี สามารถทำได้ทั้งหมด 3 วิธีคือ1. แท็กซี่ มีความส่วนตัวสูงที่สุดแต่แพงที่สุดสำหรับประเทศอื่นตัวเลือกแท็กซี่อาจพูดได้ว่าแม้ว่าจะแพงแต่เป็นตัวเลือกที่เร็วและสะดวกสุด แต่สำหรับอินเดียนั้นไม่ใช่เลย หากจะเข้าใจเมืองนั้นค่อนข้างมีระยะทางที่ไกลมากค่าใช้จ่ายจึงสูงตามไปด้วยและยังไม่ใช่ตัวเลือกที่เร็วที่สุดด้วยเพราะการจราจรของกรุงนิวเดลีก็ไม่ได้ต่างจากกรุงเทพสักเท่าไรเลยค่ะ 2. Airport Shuttle Busเป็นวิธีเข้าเมืองที่ช่วยประหยัดเงินมากกว่าแท็กซี่ เพราะราคาย่อมเยาว์แต่ใช้เวลานานพอตัวกว่าจะถึงใจกลางเมือง อีกทั้งการจราจรที่พอๆ กับกรุงเทพบ้านเรา เราอาจจะหลับแล้วหลับอีกก็ยังไม่ถึง ถ้านั่งเครื่องมาแล้ว 4 ชั่วโมงไม่เหนื่อยมากนักจะลองวิธีนี้ก็ได้ค่ะ รีวิวสายการบินโกเฟิร์ส Go first airline สายการบินอินเดีย กรุงเทพ - นิวเดลี3. รถไฟฟ้า ( Metro )วิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้เขียนใช้เป็นประจำค่ะ หลายๆ เมืองในอินเดียมีเมโทรนะคะ ดังนั้นก่อนจะไปลองเช็กก่อนว่าเมืองที่ตัวคุณไปนั้นมีเมโทรไหม ถ้ามีก็แนะนำวิธีนี้ สำหรับสนามบินอินทิราคานธี เมืองนิวเดลีนั้นเราสามารถขึ้นเมโทรได้ง่ายๆ ดังนี้ออกจากสนามบินที่ประตูท้ายๆ บริเวณที่รับกระเป๋าเลย ออกมาจะเจอทางลาดยาวลงไป ให้เราเดินลงไปทางนั้น เดินไปสักพักจะเจอป้ายบอกทาง บางช่วงป้ายอาจไม่มี ไม่ต้องตกใจเดินไปเรื่อยๆ จะพบทางไปยังเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถไฟฟ้า จากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟฟ้า ขั้นตอนนี้แนะนำให้เตรียมเงินให้พอดีค่ะ จากประสบการณ์พบเหตุเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋วไม่ยอมทอนเงินบ่อยมาก เรียกว่าทุกครั้งเลยและนั่นแหละค่ะเตรียมไปให้พอดีจะดีที่สุด เพราะการเถียงกับพี่อินเดียนั้นมันต้องใช้พลังเยอะมากๆ เลย ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่ต่อแถวด้านหลังช่วยพูด ก็คือต้องรับบทเป็นนางร้ายเสียงดังและแข็งกร้าวใส่ว่า "Change me now!" ( ทอนเงินฉันเดียวนี้ ) ถึงจะยอมทอนเงินกันค่ะ -..- แล้วครั้งล่าสุดปี 2023 นั้นพูดดีด้วยแล้วว่าให้ทอนเงินเพราะเราไม่มีแบงก์อื่นแต่เขาก็จะไม่ยอมทอนจนเราต้องเสียงดังใส่ตามเดิมแต่รอบนี้เจ้าหน้าที่โยนเงินทอนใส่เราเลยค่ะ ตอนแรกบอกไม่มีพอเราบอกทอนมาเดี๋ยวนี้มีเงินทอนเฉยเลย *หมายเหตุ : สถานีรถไฟนิวเดลีมีผู้ใช้บริการเยอะมากๆ และแน่นเกือบตลอดเวลามันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเงินทอน และถึงจะไม่มีจริงๆ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่ทอนเงิน ควรขอแลกกับคนข้างๆ ก่อน หรือผู้โดยสารคนอื่น เพราะฉะนั้นอย่าไปยอมค่ะข้อควรรู้อีกหนึ่งเรื่องคือการเข้าสถานีต่างๆ ของอินเดีย ค่อนข้างจะเคร่งในเรื่องการตรวจกระเป๋า เราต้องเอากระเป๋าเข้าเครื่องสแกนทุกครั้ง ซึ่งเครื่องสแกนจะแยกหญิงชาย และยิ่งเป็นสถานีหลักหรือสำคัญมาเพียงใดผู้คนก็จะเนืองแน่ตามไปด้วย ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 60 รูปี สามารถนั่งไปที่สถานีนิวเดลี ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใจกลางเมืองเลยปัจจุบันไม่แน่ใจว่าปรับใช้ถาวรหรือชั่วคราวแต่ว่ารอบนี้ได้ตั๋วเป็นกระดาษไม่ใช่เหรียญแล้ว เมื่อก่อนเป็นเหรียญหน้าตาคล้ายๆ บ้านเราเลย สังเกตพบว่าบางคนได้เป็นกระดาษบางคนเป็นบัตร แต่สำหรับกระดาษนั้นให้นำคิวอาร์โค้ดบนกระดาษทาบสแกนลงไปที่เครื่องสแกนประตูกั้นก็จะเปิด ขาออกก็แตะออกแล้วไปได้เลย สามารถเปลี่ยนสายสถานีรถไฟฟ้าไปยังสายอื่นๆ ต่อได้ที่สถานีนิงเดลีเลย รวมถึงถ้าจะไปสถานีรถไฟเพื่อไปเมืองอื่นต่อก็เดินตามทางเชื่อมเข้าตัวสถานีรถไฟนิวเดลี ได้ง่ายๆ เลย เท่านี้เราก็สามารถเดินทางเข้าใจกลางเมืองนิวเดลีได้แบบประหยัดและรวดเร็วแล้วค่ะ ถ้ามาถึงไม่เกินห้าทุ่มก็สามารถเลือกใช้ตัวเลือกนี้ได้เลย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและจะยิ่งดีมากๆ ถ้าเราเตรียมเงินไปพอดีเพื่อตัดปัญหาการถกเถียงเรื่องทอนหรือไม่ทอนเงินนั่นเองทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำตามได้เลย และสำหรับใครที่กำลังมองหาเอเจ้นท์รับจองรถไฟอินเดีย หรือไกด์นำเที่ยวราชาสถาน รวมถึงทัวร์เที่ยวสามารถทักมาสอบถามกับผู้เขียนได้ที่เพจ แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย ได้เลยค่ะ และถ้าใครชอบบทความนี้ก็แชร์ออกไปได้เลยค่ะ https://travel.trueid.net/detail/wr5g8mX5kayjhttps://travel.trueid.net/detail/YA4rXz6a98vqเรียบเรียงและถ่ายภาพโดย หญิงเถื่อน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !