"เชียงคาน" เมืองที่วันวานไม่เคยหลับใหล เมืองเล็ก ๆ เงียบสงบริมฝั่งแม่น้ำโขง เมืองแห่งความชิคที่เหมาะกับการใช้ชีวิต Slow life เมืองที่ผสมผสานระหว่างอดีตที่น่าจดจำ และปัจจุบันที่ทันสมัย เมืองที่ต้องหลงเสน่ห์ทุกครั้งที่ได้มาเยือน เมืองแห่งนี้ "เชียงคาน" เมื่อเอ่ยถึงเชียงคาน สิ่งแรกที่เพื่อน ๆ นึกขึ้นมาในหัวคืออะไรบ้างเอ่ย? บ้านไม้เก่า ข้าวห่อใบตอง แม่น้ำโขง ถนนคนเดิน จักรยาน งานศิลปะ ฯลฯ เชียงคานนับว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ ด้วยความคลาสสิคแบบชิค ๆ ทำให้เชียงคานเป็นหนึ่งในจุดหมายของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายอาร์ต ที่ต้องจดไว้ในลิสต์ของสถานที่ที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้ง บทความนี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเสพงานศิลป์ที่ถ่ายทอดโดยศิลปินแขนงต่าง ๆ ในเชียงคาน แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้เลยล่ะค่ะ ไปชมกันค่ะว่าจะน่ารักน่าหลงใหลแค่ไหน 1. ศิลปะกับเชียงคานเป็นของคู่กัน แม้จะเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ไม่ว่าจะเดินไปมุมไหน ก็จะพบเจอชิ้นงานศิลปะที่ถ่ถูกถ่ายทอดไว้ในสถานที่ต่าง ๆ ของเมืองแทรกซึมอยู่ตามเศษเสี้ยวของกำแพงบ้าน ร้านค้า หน้าประตู เสมือนเดินชมนิทรรศการขนาดใหญ่ที่ไม่มีกำหนดปิดงาน แม้เพียงการแปะสติ๊กเกอร์เก่า ๆ หรือการฉีดพ่นสเปรย์บนรั้วสังกะสี ผ่านเวลาเนิ่นนาน ก็สามารถกลายเป็นชิ้นงานศิลปะได้อย่างน่าทึ่งทีเดียวค่ะ บางสิ่งยิ่งเก่าก็ยิ่งทรงคุณค่า ผู้คนที่นี่เลือกที่จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้คงอยู่และเผยคุณค่าในตัวของมันออกมา ทำให้เชียงคานอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเมืองแห่งศิลปะเช่นที่ได้สัมผัสกัน 2. ผืนผ้าใบมีชีวิต กับงานศิลปะที่มีชิ้นเดียวบนโลก! ใช่แล้วค่ะ อ่านไม่ผิดหรอก ไม่แน่ใจว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจ แต่ที่เชียงคานจะมีบ้านไม้ขนาดใหญ่หลังหนึ่งที่ติดกระจกบานยักษ์ไว้ที่ตัวบ้าน ไม่ว่าใครเดินผ่านก็ต้องสังเกตเห็นได้แน่นอน ความพิเศษคือ กระจกบานนี้เมื่อมองจากถนนด้านล่าง จะสะท้อนภาพท้องฟ้าได้พอดิบพอดี เสมือนเป็นผืนผ้าใบ Canvas ที่มีธรรมชาติเป็นผู้ละเลงสีลงบนผ้าใบ และเพราะท้องฟ้านั้นเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวินาที เพราะหมู่มวลเมฆที่ลอยเคลื่อนอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับความสูงของผู้มาชมที่ไม่เท่ากัน จุดที่ยืนก็ต่างกัน ทำให้มุมและองศาของสายตาเรามองเห็นภาพท้องฟ้าที่มีเฉพาะเราเท่านั้นที่ได้เห็น เป็นภาพท้องฟ้าของเราที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก! น่ารักและสร้างสรรค์มาก ๆ เลยล่ะค่ะ ไอเดียจากสิ่งพื้น ๆ แต่สร้างความประทับใจสุด ๆ เลย 3. ตำนานที่ยังมีลมหายใจ "ภู่เชียงคาน แกลอรี่" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นและดำรงอยู่ด้วยความรักในงานภาพยนตร์ ของคุณลุงภู่ เจ้าของแกลอรี่ ภายในจัดแสดงของสะสมที่เกี่ยวกับภาพยนตร์ตั้งแต่สมัยยุคบุกเบิกในเมืองไทยเลยล่ะค่ะ ได้มีโอกาสเข้าไปชมโดยบังเอิญ และใช้เวลาพูดคุยกับคุณลุงเจ้าของแกลอรี่ ที่เมื่อก่อนแกมีกิจการฉายหนังในชุมชน แต่ยุคสมัยเปลี่ยนไป แอนะล็อกเปลี่ยนเป็นดิจิทัลเกือบทุกอย่างแล้ว แต่สิ่งของในอดีตก็ไม่เคยถูกลดคุณค่าลงแม้แต่น้อย แกเล่าให้ฟังด้วยความภาคภูมิใจในของสะสมทุกชิ้นของแก การทำงานของอุปกรณ์ฉายหนังสมัยก่อนเป็นยังไง วัฒนธรรมการดูหนังเมื่อก่อนต่างจากตอนนี้ยังไง เรียกว่าฟังเพลินเลยล่ะค่ะ หากใครมีโอกาสได้ไปเยือนเชียงคาน ก็อย่าลืมแวะไปชมแกลอรี่ของคุณลุงกันนะคะ รับรองได้ของติดไม้ติดมือกลับมาแน่นอน เพราะมันว้าวไปหมดเลยล่ะค่ะ 4. ร้านกาแฟชิค ๆ ที่ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ความอาร์ต "สองผัวเมีย" หรือ "Husband & Wife" เป็นร้านกาแฟที่เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในไอคอนของเชียงคานค่ะ นอกจากการตกแต่งร้านที่ทีเอกลักษณ์ เพลินตาเพลินใจไปกับชิ้นงานศิลปะที่ประดับไว้ในแทบจะทุกมุมของร้านแล้ว รสชาติอาหารและเครื่องดื่มก็ถูกใจมาก ๆ ค่ะ ได้กลิ่นอายของความเป็นเชียงคาน และราคาก็ไม่แพงเลย นอกจากนี้ที่นี่ยังเปิดเป็นเกสเฮาส์สำหรับนักท่องเที่ยวด้วยนะคะ ใครสนใจอยากสัมผัสบรรยากาศสามารถติดต่อได้ที่ Official Facebook Page ได้เลยค่า ส่วนถ้าใครอยากเขียนโปสการ์ดส่งให้เพื่อน ให้ครอบครัว หรือคนรัก ที่นี่ก็มีจำหน่ายหลากหลายจนเลือกไม่ถูก พร้อมส่งให้เสร็จสรรพถึงมือผู้รับแน่นอนค่า 5. Social Movement ที่ขับเคลื่อนผ่านงานศิลป์ แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีความสงบ แต่หากมีประเด็นทางสังคมที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อม ผู้คนที่นี่ก็พร้อมจะใช้สิทธิ์ใช้เสียงของตัวเองในการเรียกร้องความใส่ใจจากผู้มีส่วนได้เสีย ด้วยการรณรงค์ผ่านงานศิลปะ ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ของความเป็นเมืองศิลป์ ส่วนตัวมีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรมการรณรงค์ที่เขียงคานมาค่ะ ในประเด็นของผลกระทบจากการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขง เป็นการเรียกร้องความใส่ใจที่น่ารักมาก ๆ ด้วยการสื่อสารเชิงบวก โดยจะมีการจัดนิทรรศการงานศิลปะที่ถ่ายทอดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในลุ่มแม่น้ำโขง รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่ดำเนินมาอย่างสงบเรียบง่าย ผ่านภาพถ่าย ที่จัดแสดงโดยใช้วัสดุพื้นถิ่นแบบเก๋ไก๋ลงตัวมาก ๆ เลยล่ะค่ะ นอกจากภาพที่จัดแสดงแล้ว ยังมีกิจกรรมให้คนในชุมชน รวมไปถึงนักท่องเที่ยว ไม่จำกัดว่าจะเป็นใคร มาร่วมแสดงจุดยืนและปกป้องระบบนิเวศน์สิ่งแวดล้อมของแม่น้ำโขง ผ่านการลงมือรังสรรค์งานศิลปะลงบนผืนผ้าใบด้วยตัวเอง เรียกว่าเป็นข้อความที่สื่อออกมาจากใจของทุกคนที่นี่ สื่อสารออกไปให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับรู้ ในแบบฉบับที่แค่มองดูก็รู้ว่าต้องมาจากเชียงคาน วันนั้นมีผู้ให้ความสนใจมากพอสมควรทีเดียวค่ะ มาช่วยกันวาดคนละไม้ละมืออย่างยิ้มแย้ม ตกเย็นก็นำชิ้นงานนั้นไปเดินขบวนรณรงค์ร่วมกันในเมืองเชียงคาน และมีนักข่าวมาทำหน้าที่ช่วยเผยแพร่ต่อไปอีกทางหนึ่ง ทุกคนสื่อสารกันในเชิงบวก เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เป็นภาพที่น่ารักมาก ๆ เลย การณรงค์แบบสันติวิธีผ่านงานศิลปะ บอกให้โลกรู้ว่าเรารักธรรมชาติในท้องถิ่นของเราแค่ไหน ได้โปรดอย่ามาหาผลประโยชน์จนทำลายสิ่งดีงามนี้เลย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการสื่อสารที่ดีทีเดียวค่ะ เชียงคาน เป็นสถานที่ทรงคุณค่าที่อยู่คู่ประเทศไทย วิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ผูกพันกับริมน้ำโขงมาช้านาน เรียกได้ว่าเป็นสายน้ำแห่งชีวิตของผู้คนที่นี่ รวมไปถึงผู้คนในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ใช้แม่น้ำโขงในการหล่อเลี้ยงชีวิตและจิตใจ บทความนี้ขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง ในการสื่อสารเชิงบวกไปยังผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจกรรมที่ส่งผลกระทบกับชีวิตของชุมชนริมโขงที่เป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ จริงอยู่ที่เราต้องพัฒนา แต่การพัฒนาก็ควรอยู่บนฐานของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเช่นกัน มาช่วยกันส่งเสียงออกไปผ่านงานศิลปะ ด้วยการแชร์บทความนี้ออกไปกันนะคะ รักษาธรรมชาติ เพื่อรักษามนุษย์เราเองในอนาคต :) "Let the art heals the world.." เรื่อง-ภาพ : ดารัณ พันสวะนัด (ผู้เขียน)