สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน วันนี้ผู้เขียนจะพาคุณผู้อ่านทุกคนไปออกทริปท่องเที่ยว ช่วงฤดูหนาวซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของพวกเราเลยก็ว่าได้ ผู้เขียนได้มีโอกาสมาเยือนอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เกือบทุกปี เพราะอาศัยอยู่ใกล้เลยมีโอกาสได้ขึ้นมาสัมผัสบรรยากาศที่เงินหาซื้อไม่ได้อยู่บ่อยครั้ง และครั้งนี้ผู้เขียนจะมาเล่าประสบการณ์ การเดินป่าในเส้นทางศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน กันค่ะ ผู้เขียนขออนุญาตใช้คำย่อในการเรียก เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปาน สั้น ๆ ว่า เส้นเดินป่ากิ่วแม่ปานนะคะ จะได้อ่านง่ายไม่ยุ่งยากในการเรียก คำว่า " กิ่วแม่ปาน " หลาย ๆ คนอาจคุ้นหูคุ้นตามาบ้างแล้ว แต่ก็มีอีกหลาย ๆ คนที่ยังไม่มีโอกาสได้เดินป่าสัมผัสถึงบรรยากาศของผืนป่าแห่งนี้อยู่ไม่มากก็น้อย ดังนั้นผู้เขียนเลยขอถือโอกาสมาเล่าให้ฟังค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้างในการหาแหล่งท่องเที่ยวในทริปฤดูหนาววันหยุดยาวที่จะถึงนี้ค่ะ เส้นทางเดินป่ากิ่วแม่ปาน ตั้งอยู่ ก.ม.ที่ 42 ก็เกือบจะถึงยอดดอยอินทนนท์นั่นล่ะค่ะ เชื่อว่าหลาย ๆ คนเคยเดินทางมาสัมผัสอากาศหนาวและกราบสักการะพระบรมธาตุทั้ง 2 พระองค์ แวะถ่ายภาพป้ายจุดสูงสุดแดนสยามซึ่งเป็นแลนด์มาร์คสำคัญที่ทุกคนอยากเก็บภาพไว้ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่ไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงความสวยงามของเส้นทางเดินป่ากิ่วแม่ปานว่า ยังคงมีความสมบูรณ์ของผืนป่าดิบชื้นมากน้อยแค่ไหน สวยขนาดไหน หนาวขนาดไหน เรามาเดินเข้าป่าไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ผู้เขียนอยากแนะนำให้เดินทางถึงลานจอดรถ กิ่วแม่ปาน น่าจะไม่เกิน 6 โมงเช้า เพราะเราใช้เวลาในการเดินป่าระยะสั้นนี้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าเราไปแต่เช้ามืด เราจะได้สัมผัสอากาศหนาวจนเป็นเหน็บ และเราก็ยังได้รอรับแสงแรกของวันที่ปลายสุดขอบฟ้าด้วย ถือว่าไปแล้วคุ้มค่าเลยค่ะ นั่งรออยู่ซักพักแสงแรกก็ค่อย ๆ เปิดออกมาทีละน้อยอวดโฉมให้กับนักท่องเที่ยวที่ยืนรอได้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ เรียกความกระปรี้กระเปร่าออกมาได้ เพราะนั่งขดตัวเพราะความหนาวมาได้ซักระยะแล้ว พอเก็บภาพเสร็จสิ่งแรกที่เราจะทำคือ เติมพลังงานเข้าท้องก่อนตะลุยเดินป่ากันดีกว่า ว่าแล้วเราก็เติมข้าวต้มและกาแฟร้อนให้เรียบร้อย พร้อมด้วยเตรียมน้ำไปเพื่อจิบระหว่างเดินป่ากันด้วย เกือบๆ 7 โมงเช้า เราก็เดินไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เพื่อติดต่อไกด์นำทาง ค่าจ้างของไกด์นำทางจะอยู่ประมาณ 200 บาทต่อกรุ๊ปนะคะ ทางอุทยานจะไม่อนุญาตให้เราเดินเข้าป่าไปเองโดยไม่มีไกด์นำทางกันน๊า 7 โมงกว่าๆ ก็เริ่มเปิดทางเข้ากันแล้ว ผู้เขียนได้อยู่ในกลุ่มแรก ๆ ของวันนี้ ระยะทางเดินเท้าประมาณ 3 กิโลเมตร ช่วงแรก ๆ ของเส้นทางก็จะเหนื่อยหน่อย เพราะเราต้องเดินขึ้นเนินเขาและบันไดแต่เดินไม่ยากค่ะ ลักษณะของป่าที่นี่จะเป็นป่าดิบชื้น อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะร่างกายเรายังต้องปรับตัวต่อความดันอากาศ ตอนนี้เราเดินเท้าอยู่ที่ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลที่ 2000 เมตรนะคะ ร่างกายเราเลยต้องใช้เวลาในการปรับตัวนิดหน่อย แต่เดินไปซักพักก็จะชินและเย็นสบายเอามาก ๆ เราลัดเราะไปตามเส้นทางเดินไปเรื่อย ๆ ป่า 2 ข้างทางตามเส้นทางเดินนั้น เราจะเห็นไม้ป่าและเถาวัลย์อยู่มากมาย มีต้นเฟิร์น ต้นมอส ข้าวตอกฤาษี กล้วยไม้ป่าไปตลอดเส้นทาง มีต้นไม้ใหญ่ขนาด 3 คนโอบอยู่โดยรอบ ระหว่างที่เราใช้แรงในการเดิน จะสังเกตุได้ว่าเราแทบจะไม่มีเหงื่อออกมาเลย เพราะอากาศที่เย็นและลมโชยมาเป็นระยะ ๆ ละอองหมอกพัดผ่านใบหน้าเราตลอดเวลา เป็นที่สนุกสนานของกลุ่มที่เดินมาด้วยกัน จะมีน้ำตกขนาดเล็กอยู่เป็นระยะด้วย อาจเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิงก็เป็นได้ ไหลผ่านเราไปยิ่งทำให้หนาวเข้าไปอีก เพราะทั้งละอองหมอกและละอองน้ำตก ถูกลมพัดมาโดนหน้า มันเป็นอะไรที่สดชื่นมาก ๆ ระหว่างที่เราเดินกันไปนั้นไกด์นำทางก็จะอธิบายลักษณะของผืนป่า ชนิดของต้นไม้ที่อยู่ที่นี่ และสัตว์ป่าต่าง ๆ ให้เราฟัง หลังจากเดินมาได้ซักประมาณ 40 นาที เราก็จะเจอกับทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาแห่งนี้ สีเหลืองทองของทุ่งหญ้าตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้า เรียกความฮือฮาให้กับนักเดินป่าไม่น้อย ยิ่งวันไหนท้องฟ้าเปิดด้วยแล้ว สีของทุ่งหญ้าและท้องฟ้าจะสดมากถ่ายภาพออกมาจะสวยเป็นพิเศษ ทุ่งหญ้าแห่งนี้ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คของเส้นทางเดินป่ากิ่วแม่ปานเลยก็ว่าได้ ถ้าเดินทางมาจังหวะดี ๆ เราจะเห็นทะเลหมอกก้อนหนา ๆ เหมือนก้อนสำลีเต็มพื้นที่ยาวไปจนสุดเส้นขอบฟ้าเลยค่ะ แต่ครั้งนี้ผู้อ่านไม่ได้เจอทะเลหมอกอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะแค่ความหนาวและภาพที่ผู้อ่านเห็นอยู่ตรงหน้านี่ก็คุ้มค่ามากแล้วค่ะ บริเวณนี้จะมีระเบียงไม้ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้แวะถ่ายภาพ บรรยากาศโดยรอบเราสามารถมองได้ 360 องศากันไปเลย ถ้าเราไปยืนที่ระเบียงมองลงไปด้านล่าง เราจะเห็นอำเภอแม่แจ่ม เห็นบ้านเป็นจุดเล็ก ๆ ก็สะดุดตาไปอีกแบบค่ะ บริเวณนี้เราจะเห็นต้นกุหลาบพันปี ดอกสีแดง ๆ ขึ้นอยู่โดยรอบ อวดโฉมให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพความสวยและความสมบูรณ์ของผืนป่า ไว้เป็นที่ระลึกกันค่ะ ทริปนี้ของผู้เขียน ได้อารมณ์หลากหลายมาก ทั้งความหนาวเย็น ความสนุก ความรู้ และบรรยากาศของป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์อีกผืนหนึ่งของเมืองไทย เพราะฉะนั้น เวลาเราเดินป่า อย่าลืมช่วยกันอนุรักษ์และดูแลผืนป่าของเรากันด้วยน๊า ปล่อยให้ธรรมชาติอยู่ด้วยตัวของมันเอง เราจะเก็บมาได้ก็แต่แค่ภาพถ่ายและความทรงจำเท่านั้นนะคะ เราจะได้มีป่าที่สมบูรณ์แบบนี้ตลอดไปกันค่ะ ภาพปกและภาพประกอบจากผู้เขียน นามปากกา THUNNAPAS