ถ้าจะเลือกสถานที่เที่ยวแบบมีเวลาน้อย ไม่ไกลจาก กรุงเทพฯ มากนัก เพื่อน ๆ จะนึกถึงสถานที่ไหนกันบ้างค่ะ แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว สถานที่แห่งนี้ที่พาฟินทุกครั้งเมื่อมาได้มา เพราะหลงรักเสน่ห์ผู้คนและชาวบ้านแห่งนี้เป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายชาวมอญอาชีพส่วนใหญ่ทำเครื่องปั้นดินเผา แต่เอะ!ผู้เขียนเกริ่นมาซะขนาดนี้เพื่อน ๆ คงพอจะเดาออกแล้วหละค่ะ ว่าเป็นที่ใด สถานที่แห่งนี้เป็นเกาะที่อยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อว่า “เกาะเกร็ด“ นั้นเองค่ะ ตั้งอยู่ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี วันนี้ผู้เขียนจะพาเพื่อน ๆ ไปเชคอินร้านอาหาร ร้านขนมหวาน แวะทุกร้านเลยค่ะ เพราะที่นี้ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ วันนี้เราออกเดินทางกันวันเสาร์วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผู้เขียน และเพื่อน ๆ ว่างจากการทำงาน เลยใช้เวลาในวันหยุดออกไปหาของอร่อย ๆ และไปเที่ยวแบบ กินไป ชิมไป ในวันนั้นเรานั่งรถโดยสารรถตู้สายอนุสาวรีย์ -ปากเกร็ด และต่อด้วยมอเตอร์ไชค์รับจ้างบอกพี่วินว่าไปเกาะเกร็ด พี่วินเขาก็มาส่งตรงศาลาท่าเรือ พวกเรานั่งเรือเรือตรงศาลาลมเย็นพัดสบาย ๆ เป็นการเที่ยวแบบชิลจริง ๆเลยค่ะแบบ One day trip รู้สึกชีวิตมีความตื่นเต้น เวลาเรานั่งรถตู้โดยสารจะมีเหตุการณ์แปลก ๆ เจอคนแปลก ๆ บางคนก็มารยาทดี บางคนก็คุยโทรศัพท์แบบไม่เกรงใจใคร คนในรถรู้หมดเลยว่าคุยเรื่องอะไรทุกคนในรถก็ได้แต่มองหน้ากันและให้พี่เขาคุยให้สาแก่ใจ ในใจคิดว่าเมื่อไหร่จะลง โชคดีที่เราได้ลงก่อน เอาหละค่ะพูดเรื่องนั่งรตู้โดยสารอันนี้เอามาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคะ ไม่ได้จะว่าจะเจอทุกคันทุกคนวันนั้นอาจจะเป็นคราวซวยของผู้เขียนเอง ฮ่าฮ่า……พวกเรานั่งรอเรือประมาณ 20นาที ตอนนั้นเป็นเวลา 9:00 น. ตอนนั้นเราซื้อตั๋วรอแล้ว ตั๋วเรือข้ามฝากไปเกาะเกร็ดราคาเพียงคนละ 2 บาทเท่านั้น แต่ถ้าจะเช่าเหมาลำก็มีนะคะคิดราคา 500 บาท ขอบคุณเครดิตภาพประกอบจาก facebook MissNam Ka ท่าเรือข้ามฝากไปเกาะเกร็ดมีสองท่าด้วยกันนะคะ มีท่าวัดสนามเหนือ และท่าวัดสว่างอารมย์ แต่ในวันนั้นผู้เขียน และเพื่อน ๆ ขึ้นที่ท่าวัดสนามเหนือถ้าจำไม่ผิดนะคะพอพวกเราถึงที่เกาะเกร็ดสิ่งแรกที่ได้สัมผัส คือแปลกใจใบไม้กินได้ แม่ค้าบอกลองชิมดูก่อนนะคะ ใบไม้ทานได้ ดอกไม้ก็ทานได้ค่ะ วันนั้นที่เห็นจะมีดอกโสนชุบแป้งทอด ดอกเข็ม ดอกอัญชัญ ส่วนประเภทใบ มีใบมะกรูด ใบกระเพา ใบอะไรอีกนะจำไม่ได้เสียแล้ว ผู้เขียนชิมทุกเมนูเลยค่ะ จิ้มกับน้ำจิ้มอร่อยเด็ดอย่าบอกใคร เลยอุดหนุนพี่เขามา 1 ถุงค่ะ พอเดินลัดเลาะไปก็ไปเจอร้านเครื่องปั้นดินเผาซึ่งเยอะมาก ๆ มีทุกรูปแบบ มีทั้งแจกัน ชาม ที่ใส่น้ำ กระถางมีตั้งแต่ใบเล็กจนถึงใบใหญ่มันตระการตาเอามาก ๆ เลยค่ะ ก็อุดหนุนพี่เขามาอีกเช่นกันซื้อแจกัน กับกระถางใบเล็ก ๆ เพราะอยากได้ใบใหญ่แต่เอากลับไม่ไหวค่ะ ขอบคุณเครดิตภาพจาก facebook Miss Nam Ka แล้วพวกเราก็เดินมาเจอร้านขนมไทยแบบโบราณและพวกเราได้ไปเรียนรู้วิธีทำขนมฝอยทองด้วยค่ะซึ่งแม่ค้าไม่หวงวิชาเลยให้พวกเราลองฝึกทำ ทำเก้ ๆ กัง ๆ ทุกคนต่างหัวเราะและมีรอยยิ้ม ผู้เขียนจำชื่อขนมได้ 3 ชื่อ มีขนมโค ขนมชั้นดอกกุหลาบ ขนมเสน่ห์จันทร์ ซึ่งขายชิ้นละไม่แพงเลยค่ะ ผู้เขียนก็อุดหนุนมา สาม สี่ กล่อง เอามาฝากพี่ ๆที่ทำงานด้วย พอเดินไปชิมไป ซื้อทุกร้านก็เริ่มหิวแล้วพวกเราแวะรับประทานขนมจีนน้ำยาแกงกะทิรสชาติเข้มข้นมากชามละ 40 บาท ผู้เขียนกินผักทางร้านเกือบหมดเลยค่ะ ฮ่าฮ่า บอกเลยค่ะว่ารสชาติเด็ดมากเข้มข้นมาก เป็นร้านเล็ก ๆตั้งอยู่ในเกาะเกร็ด ชื่อร้านก็จำไม่ได้อีกแล้วค่ะ ขอบคุณเครดิตภาพประกอบจากfacebook Miss Nam Kaโดย และหลังจากทานอิ่มแล้วเราก็เดิน ๆ เที่ยวมาเรื่อย ๆ ถ่ายรูปตามที่เชคอินมาเรื่อย ๆ จนเดินมาถึงวัดปรมัยยิกาวาส หรือ วัดเจดีย์เอียง หรือเรียกอีกอย่างว่า พระเจดีย์มุเตา เป็นเจดีย์ทรงรามัญเป็นที่นับถือของชาวไทยเชื้อสายมอญ ชาวบ้านละแวกนั่นชื่อว่าป้าใจ เล่าให้ฟัง “แรกเริ่มเจดีย์นั้นก็ไม่ได้เอียงหรอก แต่เป็นเพราะเจดีย์ตั้งอยู่ตรงหัวแหลมเกาะแม่น้ำก็เกิดการกระแทกจากการเดินเรือมั้งเจดีย์นั้นก็ค่อย ๆ เอียง“ แล้วผู้เขียนเลยถามว่า “ทำไมถึงมีผ้าแดงผูกบนยอดเจดีย์” ป้าใจบอกว่า“เป็นสัญลักษณ์วัฒธรรมของชาวรามัญ“ ป้าแกบอกป้าก็จำได้เท่านี้แหละ จุดตรงเจดีย์เอียงถือว่าเป็นแลนด์มาร์คเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดเลยก็ว่าได้เพราะถ้าใครมาเที่ยวเกาะเกร็ดถ้าไม่เชคอิน หรือถ่ายรูปกับเจดีย์เอียงถือว่ายังมาไม่ถึงเกาะเกร็ดว่าแล้วพวกเราเลยกดชัตเตอร์รัว ๆ ก่อนกลับ วันนี้พวกเรา ฟินมาก ทั้งสนุก ทั้งเหนื่อยกับการเดิน แต่ก็เพลินดี มีรสชาติของการเที่ยวอีกแบบ เพื่อน ๆ อย่าลืมแวะมาเที่ยวกันนะคะ จะได้ฟิน ฟิน แบบพวกเรา วันหน้าผู้เขียนจะพาไปเชคอิน ไปฟินที่ไหนคอยติดตามกันนะคะ วันนี้ขอตัวเข้านอนก่อนเพราะว่าเพลียมากค่ะ ฝันดีกันทุกคนนะคะขอบคุณเครดิตภาพประกอบจาก facebook Miss Nam Ka เรื่องโดย สาวภูธร