จังหวัดสระแก้วเป็นจังหวัดที่คนส่วนใหญ่อาจมองข้ามไป เพราะคิดว่าไม่ค่อยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากเท่าจังหวัดอื่น เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเราเองก็ได้ยินและคุ้นเคยแค่สถานที่โดดเด่นอย่างตลาดโรงเกลือ 5555 แต่พอเราได้ไปเที่ยวทริป “ไปสระแก้ว...แล้วจะทำไม” (ตั้งชื่อทริปได้กวนมาก >//<) แล้วก็รู้สึกว่าจังหวัดนี้มีร้านอาหารอร่อย ๆ ที่พักดี ๆ และสถานที่ท่องเที่ยวให้ได้เที่ยวชิลล์ ๆ อย่างเพลิน ๆ ว่าแต่ทริปนี้เราไปเที่ยว กิน นอนที่ไหนกันบ้าง? ตามเรามาเลยดีกว่าค่ะ ^^ พอเดินทางมาถึงจังหวัดสระแก้ว ในอำเภออรัญประเทศแล้ว ก็ต้องแวะไปกินอาหารกลางวันเพื่อเพิ่มพลังกันก่อนที่ “ร้านอาหารเวียดนามยายเต็ม” ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้บอกเลยว่ามีมุมให้ถ่ายรูปสวย ๆ เพียบ เนื่องจากมีการตกแต่งข้าวของโบราณที่ชวนให้นึกถึงวันเก่า ๆ ยุคเก่า ๆ ทำให้บรรยากาศภายในร้านมีลักษณะคล้าย ๆ พิพิธภัณฑ์มากกว่าร้านอาหารนั่นเองค่ะ (ดูรีวิวฉบับเต็มได้ที่ ““ยายเต็ม” ร้านอาหารเวียดนามเจ้าเด็ดในสระแก้ว บรรยากาศสไตล์ฟิวชั่นแบบย้อนยุค”) ถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็เดินไปกินอาหารกลางวัน ซึ่งอาหารที่สั่งไปรอบแรกก็มี 4 อย่างด้วยกัน คือ บั้นหอย (เส้นหมี่หน้าหมู), หยอยก๊วง (ปอเปี๊ยะสด), แหนมเนือง (หมูย่าง), บั้นแส่ว (ขนมเบื้องญวน) พอกินไปสักพัก รู้สึกยังไม่อิ่มมากนักก็เลยสั่ง “ยำหมูยอญวน” เพิ่ม บอกเลยว่าจานนี้เผ็ดสุด กินแล้วน้ำหูน้ำตาไหลค่ะ 5555 หลังจากกินอาหารกลางวันแล้วก็นั่งรถต่อไปยัง “อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก” ซึ่งอ่างเก็บน้ำท่ากระบากเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ที่ต้องการปรับปรุงระบบชลประทานในเขตพื้นที่ราบเชิงเขา เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้น้ำในการอุปโภค บริโภค รวมไปถึงการทำเกษตรกรรมได้อย่างเพียงพอตลอดทั้งปีนั่นเองค่ะ นอกจากอ่างเก็บน้ำท่ากระบากจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญของเกษตรกรแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม เนื่องจากบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ทั้งแบบที่ขึ้นเองตามธรรมชาติและปลูกเป็นไม้ยืนต้นหรือไม้ประดับ เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจอย่างยิ่ง แถมมีกิจกรรมให้เลือกทำมากมายอีกด้วย เช่น การเล่นน้ำ, การปั่นเรือหงส์ และการนั่งกินลมชมวิวสวย ๆ ของภูเขาและอ่างเก็บน้ำอย่างชิลล์ ๆ ที่ซุ้มศาลาริมน้ำ ส่วนใครเป็นสายถ่ายรูป ต้องห้ามพลาดชมและแชะถ่ายภาพพระอาทิตย์ยามเย็นใกล้ลาลับขอบฟ้า โดยเฉพาะช่วงที่ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีทองเหนือผืนน้ำขนาดใหญ่ในอ่างเก็บน้ำแห่งนี้ เรียกได้ว่าแทบอยากจะหยุดช่วงเวลานี้ไว้จริง ๆ ค่ะ 😊😊😊 จากนั้นก็นั่งรถเพื่อเดินทางต่อไปยัง “ละลุ” ซึ่งละลุเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะ ยุบตัว หรือพังทลายของดิน เมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็นรูปต่าง ๆ คล้ายกำแพงเมือง หน้าผา บ้างก็มีลักษณะเป็นแท่ง ๆ คล้าย “แพะเมืองผี” จังหวัดแพร่ แต่มีขนาดเล็กกว่าและมีพื้นที่กว้างกว่า 2,000 ไร่ ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวน่ามหัศจรรย์แห่งหนึ่งของจังหวัดสระแก้วที่ได้รับสมญานามว่า “แกรนด์แคนยอนแห่งภาคตะวันออก” สำหรับการเดินทางไปยังละลุนั้นจะต้องจอดรถส่วนตัวบริเวณลานจอดรถหน้าศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและต้องใช้รถนำเที่ยวที่เป็นรถอีแต๊กของชาวบ้านเท่านั้น (ค่าบริการคันละ 200 บาท นั่งได้ประมาณ 6-10 คน) แต่ไม่อนุญาตให้ขับรถส่วนตัวเข้าไป เพราะจะทำให้ชั้นดินในบริเวณนั้นเกิดการพังทลายและยุบตัวจนเกิดความเสียหายได้ค่ะ (ดูรีวิวฉบับเต็มได้ที่ “เที่ยวชม “ละลุ” ดินแดนมหัศจรรย์ แกรนด์แคนยอนแห่งตะวันออก จังหวัดสระแก้ว”) ในทุก ๆ ปีละลุก็มีการจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเรื่อย ๆ ตามแต่ลมกับฝนจะช่วยกันตกแต่งชั้นดิน ทำให้การมาเยือนครั้งต่อไป รูปร่างของละลุอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอีก ซึ่งในบางพื้นที่จะมีละลุขึ้นอยู่กลางพื้นที่ทำนาของชาวบ้านในบริเวณนั้นอีกด้วย โดยสีน้ำตาลทองของละลุตัดกับสีเขียวของทุ่งนาก็จะมีความสวยงามไปอีกแบบที่หาดูไม่ได้ในกรุงเทพฯ ค่ะ พอเที่ยวชมละลุแล้วก็เดินทางไปเช็กอินเข้าพักที่โรงแรม “The VELO'S Hotel and Pumptrack” ซึ่งโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่มีแนวคิดจักรยานเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศไทย อยู่ห่างจากตลาดโรงเกลือ 7 กิโลเมตร ในอำเภออรัญประเทศ โดยด้านหน้าโรงแรมก็จะเป็นลานสำหรับปั่นจักรยาน เหมาะสำหรับนักปั่นจักรยานอย่างแท้จริง แต่ถ้าใครจะนำสเกตบอร์ดมาเล่นก็ไม่ว่ากันค่ะ (ดูรีวิวฉบับเต็มได้ที่ “รีวิว “The VELO'S Hotel and Pumptrack” โรงแรมจักรยานเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศไทย”) หลังจากพักจนหายเหนื่อยแล้วก็ออกไปกินอาหารเย็น ตอนแรกจะไปกินที่ร้าน “ครัวเจ๊โส่ย” เพราะตั้งใจว่าจะไปกินกระเฉดไฟแดงกับไก่ครีมมะนาวโดยเฉพาะ แต่เสียดายที่ร้านปิด เนื่องจากมีคนเหมากินทั้งร้าน น่าจะเป็นงานเลี้ยงฉลองอะไรสักอย่างนี่แหละ จึงไปกินที่ร้าน “ยายต๊ามอาหารเวียดนาม” แทน ซึ่งร้านนี้เป็นร้านอาหารเวียดนามร้านแรกในอรัญประเทศ และมีแค่ร้านเดียวไม่มีสาขานะคะ โชคดีมากที่ร้านยังไม่ปิด ได้เป็นลูกค้าโต๊ะสุดท้ายด้วย ถ่ายรูปรีวิวร้านได้อย่างสบาย ไม่ติดคนค่ะ 5555 (ดูรีวิวฉบับเต็มได้ที่ ““ยายต๊าม” ร้านอาหารเวียดนามเจ้าเด็ด แห่งแรกในอรัญประเทศ อร่อยสุดคุ้ม!”) อาหารที่เราสั่งไปก็จะมีจ๋าหย่อ (ปอเปี๊ยะทอด), บั๊นกัน (ก๋วยจั๊บญวน), ไข่กระทะที่เป็นอาหารชุด กินคู่กับขนมปังและโอวัลตินร้อน (เครื่องดื่มมีให้เลือกระหว่างกาแฟร้อนกับโอวัลตินร้อน), บั๊นก๊วน (ปากหม้อเวียดนาม) และกุ้งพันอ้อย หลังจากกินอาหารคาวแล้วก็ต้องปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่าง “ปอเปี๊ยะกล้วยหอมชีส ดิป ช็อก” ที่เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมลูกเล็ก ๆ บอกเลยว่าอร่อยสุด ๆ ต้องบอกเลยว่าเป็นร้านอาหารเวียดนามในจังหวัดสระแก้วที่เราประทับใจที่สุด เพราะนอกจากบรรยากาศภายในร้านจะสะอาด ปลอดโปร่งโล่งสบายแล้ว อาหารยังอร่อยทุกเมนูอีกด้วย ที่สำคัญราคาถูกจนน่าตกใจ คุ้มค่าที่ได้มากิน แถมการบริการยังดีมากอีกด้วยค่ะ 👍👍👍 วันรุ่งขึ้นหลังจากกินอาหารเช้าแบบ Buffet และเช็กเอาท์ที่โรงแรมแล้วก็มุ่งหน้าต่อไปยัง “อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม” หรือรู้จักกันในชื่อ “ปราสาทสด๊กก๊อกธม” ซึ่งปราสาทแห่งนี้นอกจากจะเป็นปราสาทขอมโบราณที่สำคัญของจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังเป็นปราสาทหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกอีกด้วย สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 14-15 สำหรับใช้ในการประดิษฐานรูปเคารพและการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อของศาสนาฮินดูค่ะ (ดูรีวิวฉบับเต็มได้ที่ “รีวิวเที่ยวชม “ปราสาทสด๊กก๊อกธม” ปราสาทขอมโบราณขนาดใหญ่แห่งภาคตะวันออก ณ จังหวัดสระแก้ว”) “ปราสาทสด๊กก๊อกธม” เป็นปราสาทหินเก่าแก่ที่มีอายุราวหนึ่งพันปีและมีโครงสร้างที่ค่อนข้างสมบูรณ์ นอกจากจะมีบารายที่เป็นแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณด้านนอกปราสาททางทิศตะวันออกแล้ว ภายในปราสาทสด๊กก๊อกธมยังมีทั้ง “ตัวปราสาท” ก่อด้วยหินทรายและศิลาแลงตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมเขมรแบบคลัง-บาปวน ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว 2 ชั้น, “เสานางเรียง” เป็นเสาหินเรียงรายไปตามทางเดินสู่ปรางค์ประธาน, “บรรณาลัย” ก่อด้วยหินทราย 2 หลังอยู่หน้าปราสาท ใช้เป็นที่เก็บตำรา คัมภีร์ และ “ปรางค์ประธาน” เป็นปราสาทหลังกลางที่มีสถาปัตยกรรมแบบขอมเป็นยอดปรางค์ 5 ชั้น ส่วนบริเวณรอบ ๆ ปราสาทจะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่มากมายเรียงรายตลอดทาง ทำให้เดินเที่ยวชมได้เพลิน ๆ อากาศไม่ร้อนมากนักค่ะ หลังจากเที่ยวชมปราสาทสด๊กก๊อกธมแล้วก็มุ่งหน้าต่อไปยัง “อุทยานแห่งชาติปางสีดา” เพื่อชมผีเสื้อ ซึ่งอุทยานแห่งชาติปางสีดาได้รับสมญานามว่าเป็น “ดินแดนผีเสื้อแห่งผืนป่าตะวันออก” เนื่องจากเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของผีเสื้อป่าหลากหลายสีสันมากถึง 400 ชนิด หากมาเที่ยวชมที่นี่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม ก็จะพบกับผีเสื้อหลากหลายชนิดมากที่สุดในประเทศเลยก็ว่าได้ โดยในอุทยานฯ จุดชมผีเสื้อทั้งหมด 12 จุดใหญ่ ๆ แต่จุดที่นิยมชมผีเสื้อมากที่สุดมีอยู่ 3 จุดด้วยกันได้แก่ “โป่งผีเสื้อ” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 1 กิโลเมตร, “น้ำตกปางสีดา” อยู่บริเวณลานหินของน้ำตก และ “ลานหินดาด” ที่อยู่ในป่าลึก ส่วนเราเลือกชมผีเสื้อที่ “โป่งผีเสื้อ” เนื่องจากสะดวกที่สุดแล้วค่ะ (ดูรีวิวฉบับเต็มได้ที่ “ไปดูผีเสื้อที่ “โป่งผีเสื้อ” ในอุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้วกันมั้ย?”) โป่งผีเสื้อถือเป็นจุดรวมตัวให้ผีเสื้อหลากสีสันนานาพันธุ์มารวมตัวกันเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวและให้นักท่องเที่ยวชมผีเสื้อและหามุมถ่ายรูปให้ได้ถ่ายรูปผีเสื้อได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งทางอุทยานฯ ได้ทำโป่งเทียมขึ้นบริเวณริมทางเพื่อให้ผีเสื้อมากิน โดยโอกาสที่จะพบเห็นผีเสื้อมากที่สุดคือในช่วงฤดูฝน หรือช่วงที่มีแดดหลังฝนตก และช่วงเวลาที่ผีเสื้อจะบินออกมามากคือตอนเช้าตั้งแต่ 09.00 - 11.00 น. แนะนำว่าให้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่กลมกลืนกับธรรมชาติ เพื่อให้ผีเสื้อมาเกาะ จะได้ถ่ายรูปกับผีเสื้ออย่างสวย ๆ ค่ะ ^^ พอชมผีเสื้อที่โป่งผีเสื้อในอุทยานแห่งชาติปางสีดาแล้วก็แวะกินอาหารกลางวันที่ร้าน “ครัวร่มไทร” ซึ่งร้านครัวร่มไทรตั้งอยู่หน้าอุทยานแห่งชาติปางสีดา สามารถจอดรถตรงข้ามร้านได้เลย โดยเมนูอาหารที่สั่งก็จะมีตำปลาร้าไม่ใส่ปู, ขนมจีน, ไก่ย่างครึ่งตัว, ปากเป็ดทอด และเส้นใหญ่ผัดขี้เมาทะเล บอกเลยว่าอร่อยทุกเมนู ยิ่งเมนูปากเป็ดทอดก็ยิ่งอร่อยจนต้องสั่งเพิ่มอีกจานค่ะ 5555 หลังจากกินอาหารคาวแล้วก็ต้องแวะกินของหวานที่ร้าน “Coffee Hills Café” ซึ่งร้านนี้นอกจากจะขายเบเกอรี่และเครื่องดื่มแล้วยังขายอาหารเมนูต่าง ๆ ด้วย โดยทางร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึง 2 ทุ่มครึ่ง บรรยากาศภายในร้านก็จะชิลล์ ๆ ส่วนราคาอาหาร ของหวาน และเครื่องดื่มอาจจะสูงไปนิดหนึ่ง แต่ก็เหมาะสมกับคุณภาพ รสชาติอร่อยกำลังดีค่ะ กินของหวานที่เป็นเค้กช็อกโกแลตรูปหมีเสร็จแล้วก็นั่งรถไปเช็กอินที่โรงแรม “HOP INN สระแก้ว” แม้ว่าโรงแรมแห่งนี้จะเป็นที่พักราคาประหยัด แต่ก็สะอาด ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอีกด้วย หลังจากเช็กอินแล้วก็นั่งเล่นให้หายเหนื่อยในห้องพัก จนกระทั่งตอนเย็นก็แวะมาที่ร้าน “Wood House เขาฉกรรจ์” เพื่อชมค้างคาวออกมาทำงาน เอ้ย!!! ออกมาหากินในเวลากลางคืนค่ะ 5555 ร้าน “Wood House เขาฉกรรจ์” เป็นร้านคาเฟ่ที่ขายทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และส้มตำ ซึ่งฉากหลังมีเขาฉกรรจ์ ส่วนบริเวณรอบ ๆ ร้านก็จะเป็นสวนดอกไม้สวย ๆ ที่จัดแต่งอย่างสวยงามให้ได้ถ่ายรูปกันหลากหลายมุมเลย หากใครแวะมาเที่ยวชมร้าน Wood House เขาฉกรรจ์ในตอนเย็นสักประมาณ 5 โมงครึ่ง - 6 โมงเย็นก็จะพบเห็นฝูงค้างคาวนับพัน ๆ ตัวบินออกมาจากถ้ำเขาฉกรรจ์ให้เราได้เห็นจากมุมไกล ๆ อีกด้วย หากใครแวะมาเที่ยวชมร้านในตอนเย็นสักประมาณ 5 โมงครึ่ง - 6 โมงเย็นก็จะพบเห็นฝูงค้างคาวนับพัน ๆ ตัวบินออกมาจากถ้ำเขาฉกรรจ์ให้เราได้เห็นจากมุมไกล ๆ อีกด้วยค่ะ พอดูฝูงค้างคาวที่ร้าน Wood House เขาฉกรรจ์แล้วก็ไปกินอาหารเย็นที่ร้าน “ประเทืองข้าวมันไก่” ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่หลังธนาคารกสิกรไทย สาขาสระแก้ว ถือเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดขายข้าวมันไก่และก๋วยเตี๋ยวไก่รสเด็ดมานานกว่า 20 ปี โดยเมนูที่เราสั่งก็จะเป็นข้าวมันไก่ผสมที่มีทั้งไก่ต้มและไก่ทอด จริง ๆ อยากลองกินก๋วยเตี๋ยวไก่ทอดที่เป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำแล้วโปะหน้าด้วยไก่ทอดเพิ่มอีกชาม แต่อิ่มท้องเกินเลยกินไม่ไหวค่ะ 5555 วันรุ่งขึ้นหลังจากทำธุระส่วนตัวแล้วก็แวะมากินอาหารเช้าที่ร้าน “Coffee Hills Café” เช่นเดิม ซึ่งอาหารเช้าที่เราสั่งก็จะมีก๋วยจั๊บญวน, ข้าวหน้าปลาไหล, กาแฟคาปูชิโน่ และซุปเห็ดทรัฟเฟิลที่เสิร์ฟพร้อมขนมปัง 2 ชิ้นค่ะ พอกินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็กลับมาเก็บกระเป๋าและเช็กเอาท์โรงแรม จากนั้นก็นั่งรถกลับเข้ากรุงเทพฯ แต่ก่อนจะถึงกรุงเทพฯ ก็แวะกินอาหารกลางวันในจังหวัดฉะเชิงเทรากันก่อน ซึ่งตอนแรกตั้งใจว่าจะไปกินราดหน้าที่ร้าน “เล้งกี่” แต่พอไปถึงแล้ว ปรากฏว่าคนแวะมากินร้านนี้เยอะมาก ๆ ต่อคิวไม่ไหว เลยเปลี่ยนมากินที่ร้าน “ครัวแม่ส้มเกลี้ยง” แทน เนื่องจากอ่านเจอในแอปฯ วงในว่าอาหารรสเด็ด บรรยากาศดี ติดริมแม่น้ำบางปะกงค่ะ เมนูที่เราสั่งไป ได้แก่ ส้มตำไทย, ต้มยำกุ้งน้ำใส, ข้าวผัดปู, ออส่วนกระทะร้อน, ผัดเรือโป๊ะ และหอยเชลล์ย่างเนยค่ะ บอกได้ว่าไม่ผิดหวังจริง ๆ เพราะอาหารอร่อยหลายอย่างมาก โดยเฉพาะเมนู “ต้มยำกุ้งน้ำใส” บอกเลยว่าน้ำต้มยำเข้มข้นมาก เผ็ด จัดจ้านถึงใจสุด ๆ แถมยังมีกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่มากตั้ง 3 ตัวในราคาแค่ชามละ 150 บาทเท่านั้น ส่วนอีกเมนูที่เด็ดไม่แพ้กันก็คือ "ออส่วนกระทะร้อน" เพราะหอยใหญ่แบบพอดีคำ ผัดได้เข้าเนื้อ ยิ่งจิ้มซอสพริกก็ยิ่งอร่อยค่ะ สำหรับใครที่รู้สึกเบื่อสถานที่ท่องเที่ยวแห่งเดิม ๆ ไม่ชอบไปเที่ยวในสถานที่ที่คนเที่ยวเยอะ ๆ อย่างบางแสน พัทยา หรืออยากไปเที่ยวสถานที่เที่ยวที่คนมาน้อย ๆ ลองแวะเข้ามาเที่ยวจังหวัดสระแก้วดูมั้ยคะ? แล้วจะรู้ว่าเที่ยวสนุกได้ไม่แพ้กันเลยล่ะค่ะ 😊😊😊 พิกัด: ร้านอาหารเวียดนามยายเต็ม, อ่างเก็บน้ำท่ากระบาก, ละลุ, โรงแรม The VELO'S Hotel and Pumptrack, ร้าน ยายต๊ามอาหารเวียดนาม, อุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม, อุทยานแห่งชาติปางสีดา, ร้านครัวร่มไทร, ร้าน Coffee Hills Café, ร้าน Wood House เขาฉกรรจ์, ร้านครัวแม่ส้มเกลี้ยง ออกแบบหน้าปกใน Canva โดย: Windy_55 (ผู้เขียน)เครดิตภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย: Windy_55 (ผู้เขียน)🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”