เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “กว๊านพะเยา” ภาพแรกที่ลอยเข้ามาในใจของใครหลายคน คงหนีไม่พ้นผืนน้ำกว้างใหญ่สุดสายตา ที่สะท้อนแสงทองของอาทิตย์ยามเช้า กับเงาของขุนเขาและเรือหางยาวที่ค่อย ๆ ลอยไปอย่างช้า ๆ ท่ามกลางสายลมเย็นของเมืองเหนือที่อบอุ่นด้วยรอยยิ้มของผู้คน กว๊านพะเยาไม่ได้เป็นเพียงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ของภาคเหนือเท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจของเมืองพะเยา เป็นพื้นที่แห่งชีวิต ศิลปะ ธรรมชาติ และเรื่องราวมากมายที่ผูกพันผู้คนกับสายน้ำมาหลายชั่วอายุ กว๊านพะเยา “กว๊านพะเยา” เป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย กินพื้นที่กว่า 12,000 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพะเยา รายล้อมด้วยเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน โดยเฉพาะด้านตะวันตกที่เป็นแนวของดอยหลวงพะเยา ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของแม่น้ำสายเล็กสายใหญ่ที่มาหล่อเลี้ยงผืนน้ำแห่งนี้ กว๊านพะเยาไม่ได้เกิดจากธรรมชาติทั้งหมด หากแต่เป็นแหล่งน้ำที่เกิดจากการสร้างเขื่อนกั้นลำน้ำอิงในปี พ.ศ. 2482 เพื่อใช้กักเก็บน้ำในการเกษตรและอุปโภคบริโภค แต่ความงดงามที่ปรากฏในปัจจุบันนั้น กลับกลายเป็นหนึ่งในภาพจำของเมืองพะเยาอย่างแนบแน่น จนยากจะเชื่อว่าครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นพื้นที่ชุมชนมาก่อน เช้าริมกว๊าน ยามเช้าที่กว๊านพะเยา เป็นช่วงเวลาที่งดงามราวบทกวี ฟ้าสีฟ้าอ่อนเริ่มถูกแต่งแต้มด้วยสีทองของแสงอาทิตย์ เสียงนกน้ำร้องคลอไปกับเสียงเรือหางยาวที่ค่อย ๆ เคลื่อนไปบนผืนน้ำ ชาวบ้านจำนวนหนึ่งออกหาปลาโดยใช้วิถีดั้งเดิม บ้างทอดแห บ้างวางลอบอย่างเงียบงัน บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความสงบที่หายากในยุคเร่งรีบ ในเช้าตรู่เช่นนี้ หากเดินไปยังบริเวณ “ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง” จะพบพระสงฆ์บิณฑบาตเรียงแถวเดินไปตามทางริมกว๊าน ภาพของผู้คนถือปิ่นโตใส่อาหาร รอถวายกับรอยยิ้มที่จริงใจ เป็นภาพเล็ก ๆ ที่เติมความอุ่นใจให้กับวันได้อย่างน่าประหลาด หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่ ร้านกาแฟและรถขายอาหารเช้าริมกว๊านเริ่มเปิดให้บริการ กลิ่นกาแฟคั่วลอยคลุ้งไปกับลมเย็น หลายคนเลือกมานั่งชิล ๆ ที่ร้านกาแฟริมกว๊าน เช่น “Cupcake Coffee”, “Kwan View”, หรือ “ร้านบ้านกาแฟริมกว๊าน” ที่เปิดรับลมธรรมชาติ มองเห็นวิวกว๊านแบบพาโนรามา ดื่มกาแฟถ้วยโปรดพร้อมมองเห็นเงาภูเขาสะท้อนในน้ำ เป็นเช้าที่เรียบง่ายแต่มีความสุขเกินคำบรรยาย ยามเย็นแห่งแสงสีทอง ถ้าเช้าของกว๊านพะเยาให้ความรู้สึกสงบ เย็นของที่นี่กลับเต็มไปด้วยความโรแมนติกและมีชีวิตชีวาไม่แพ้กัน ช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ผู้คนจะเริ่มออกมาเดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย หรือถ่ายรูปกันริมกว๊าน โดยเฉพาะตรงบริเวณ “ลานพญานาค” ซึ่งกลายเป็นจุดแลนด์มาร์กสำคัญของพะเยา พญานาคคู่นั้นตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำ ราวกับคอยปกปักรักษาผืนน้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ไว้ แสงอาทิตย์ยามเย็นเมื่อกระทบเกล็ดสีทองของพญานาค จะเกิดเป็นประกายระยิบระยับสวยงามจนแทบหยุดหายใจ หลายคนเลือกนั่งรอจนแสงสุดท้ายของวันหายลับหลังภูเขา เพราะช่วงนั้นเองที่ท้องฟ้าจะเปลี่ยนสีเป็นส้ม ชมพู ม่วง ไล่เฉดอย่างนุ่มนวล เป็นภาพที่ถ่ายอย่างไรก็ไม่สามารถเก็บความงามได้หมด อีกกิจกรรมยอดนิยมในช่วงเย็นคือการนั่งเรือชมพระอาทิตย์ตก ซึ่งมีบริการจากชาวบ้านท้องถิ่น ใช้เวลาไม่นานแต่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง น้ำสะท้อนแสงทองเป็นประกาย เสียงเรือแหวกผืนน้ำเบา ๆ ขณะลมพัดเย็นสบาย เป็นประสบการณ์ที่ตราตรึงในความทรงจำ วัดติโลกอาราม หนึ่งในจุดสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่กว๊านพะเยา คือ “วัดติโลกอาราม” วัดเก่าแก่ในสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนา ซึ่งปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำของกว๊านพะเยา มีเพียงพระเจดีย์บางส่วนที่โผล่พ้นน้ำให้เห็น นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือจากท่าเรือริมกว๊านไปเยี่ยมชมได้ ภายในใช้เวลาเดินทางเพียงไม่กี่นาที เมื่อถึงแล้วจะพบกับลานน้ำใจกลางกว๊านที่มีพระเจดีย์โบราณตั้งอยู่ พร้อมศาลาไม้ให้กราบไหว้สักการะพระพุทธรูปและขอพร ความเงียบของสายน้ำที่ล้อมรอบ ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังย้อนเวลากลับไปสู่ยุคเก่าของล้านนา ทุกปีในวันเพ็ญเดือน 12 จะมีพิธี “ลอยโคมบูชาเจดีย์ใต้น้ำ” ซึ่งชาวพะเยาจะพากันลอยโคมและจุดเทียนถวายเป็นพุทธบูชา แสงโคมที่ลอยอยู่เหนือผืนน้ำหลายร้อยดวง กลายเป็นภาพงดงามที่บอกเล่าศรัทธาและความผูกพันของผู้คนกับกว๊านแห่งนี้ ของอร่อยริมกว๊าน อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้กว๊านพะเยาน่าจดจำ คืออาหารท้องถิ่นที่แสนอร่อยและมีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะเมนูปลาน้ำจืดสด ๆ จากกว๊าน เช่น “ปลานิลเผาเกลือ”, “ต้มยำปลาคัง”, “ส้มตำปลาดุกฟู”, หรือ “ยำปลาสลิดแดดเดียว” ซึ่งร้านอาหารชื่อดังริมกว๊านหลายแห่งพร้อมเสิร์ฟให้ชิม เช่น “ร้านครัวกว๊านพะเยา”, “ร้านกว๊านพะเยาริเวอร์วิว”, และ “ร้านพะเยาวิว” ที่มีทั้งบรรยากาศดีและวิวสวย ช่วงค่ำที่ลมเย็นพัดเอื่อย ๆ การได้นั่งทานอาหารริมกว๊านพร้อมชมแสงไฟสะท้อนน้ำ เป็นช่วงเวลาที่เรียบง่ายแต่มีเสน่ห์ที่สุดของการมาเยือนพะเยา วิถีชีวิตและผู้คน แม้พะเยาจะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความเป็นกันเองของผู้คนที่ยิ้มง่าย ชาวบ้านส่วนมากยังคงดำรงชีวิตตามแบบวิถีล้านนา ทำเกษตร ทำประมง และสืบสานวัฒนธรรมดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นงานประเพณีสงกรานต์ล้านนา การฟ้อนเล็บ หรือการบูชาพญานาคริมกว๊าน หากได้มาเดินเล่นในตลาดเช้าพะเยา จะได้เห็นชีวิตจริงของผู้คนที่นี่อย่างใกล้ชิด ทั้งแม่ค้าขายผักพื้นบ้าน ปลาสดจากกว๊าน หรือขนมพื้นเมืองอย่าง “ขนมจ๊อก” และ “ข้าวแต๋น” ที่กลิ่นหอมอบอวลไปทั่วตลาด เป็นอีกมุมหนึ่งของกว๊านพะเยาที่เต็มไปด้วยชีวิตและความจริงใจ ค่ำคืนแห่งความสงบ เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า กว๊านพะเยาจะเปลี่ยนจากสีทองเป็นสีน้ำเงินเข้ม แสงไฟจากถนนและร้านอาหารริมกว๊านสะท้อนอยู่บนผืนน้ำอย่างเงียบสงบ เป็นช่วงเวลาที่หลายคนมักมาเดินเล่น เดินจงกรม หรือเพียงนั่งนิ่ง ๆ มองสายน้ำที่นิ่งเรียบ อากาศเย็นในค่ำคืนของพะเยา ทำให้ที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนใจมากกว่าเมืองท่องเที่ยวใด ๆ ไม่มีเสียงรถยนต์จอแจ ไม่มีแสงไฟจากตึกสูง มีเพียงสายลมเย็น เสียงน้ำกระทบฝั่ง และความรู้สึกผ่อนคลายที่หายไปจากชีวิตเมืองใหญ่ การเดินทางมาที่กว๊านพะเยา การเดินทางมายัง “กว๊านพะเยา” สะดวกมากจากเชียงรายหรือเชียงใหม่ โดยสามารถขับรถใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ถึงตัวเมืองพะเยา และกว๊านจะอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ใครที่ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถนั่งรถโดยสารประจำทาง หรือรถสองแถวจากสถานีขนส่งในเมืองได้เช่นกัน ภายในบริเวณกว๊านมีที่พักหลายรูปแบบ ทั้งรีสอร์ตติดน้ำ โฮมสเตย์อบอุ่น และโรงแรมสไตล์มินิมอล ที่ราคาย่อมเยาแต่ได้วิวสุดคุ้ม สรุป กว๊านพะเยาอาจไม่ได้มีชายหาดขาวหรือภูเขาสูงตระหง่านเหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่น แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์อย่างลึกซึ้ง คือความเรียบง่ายของธรรมชาติและผู้คน ผืนน้ำที่นิ่งแต่มีชีวิต ความสงบที่ไม่เงียบเหงา และบรรยากาศที่ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึก “เบาใจ” ได้โดยไม่ต้องพยายาม การได้ใช้เวลาช้า ๆ ที่ริมกว๊าน ส่องฟ้า ยินเสียงนก และมองเงาภูเขาในน้ำ อาจทำให้เราเข้าใจคำว่า “สุขแบบล้านนา” ได้อย่างแท้จริง — ความสุขที่ไม่ต้องใหญ่โต แต่เพียงได้อยู่กับสิ่งธรรมดาอย่างมีความหมาย #กว๊านพะเยา #เที่ยวพะเยา #เมืองแห่งสายน้ำ #มนต์เสน่ห์ล้านนา #ธรรมชาติแห่งความสงบ ----- เครดิตภาพ : เจ้าของบทความ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !