เนื่องจากเป็นทริปที่ไม่ได้ตั้งตัว เลยไม่ได้แพลนการท่องเที่ยวดีเท่าไร ด้วยเวลาอันจำกัดในสถานที่ท่องเที่ยวอย่างศรีราชา เลยไปเที่ยวเอาช่วงเย็นที่เกาะลอยศรีราชา หลายคนอาจคุ้นเคยดีว่าสถานที่แห่งนี้คือที่่ตั้งของท่าเรือสำหรับเดินทางไปต่อที่เกาะสีชัง แต่เนื่องจากช่วงที่ไปถึงนั้นเป็นช่วงหัวค่ำมากแล้วท่าเรือได้ปิดไปหมดแล้ว ก็ได้เห็นบรรยากาศแบบเหงา ๆ ไปอีกแบบ นอกจากท่าเรือแล้วที่เกาะลอยศรีราชายังมีวัดและสถานที่ศีกดิ์สิทธิ์ให้สักการะด้วย แต่เนื่องจากไปช่วงค่ำมากเกินไป จึงไม่สามารถเข้าไปได้ ก็ได้แต่สักการะศาลเจ้าแม่กวนอิมและศาลเจ้าพ่อกวนอูจากข้างนอกไปก่อน โดยวัดแห่งนี้เชื่อว่าก่อตั้งมานานกว่า 100 ปีแล้ว ชาวศรีราชาเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะอยู่ไม่ไกลจากชายฝั่งแต่กลับลอยเป็นอิสระไม่่ขึ้นกับผืนดินใหญ่ส่วนใดเลย และที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นคือช่วงที่ไปฝนฟ้ากำลังจะมาเลย ได้ชมวิวท้องทะเลไทยไปพร้อม ๆ กับประกายไฟแปลบปลาบจากฟ้าแลบฟ้าผ่า ถือเป็นประสบการณ์ที่คงหาไม่ได้อีกแล้วในชีวิต จริง ๆ ก็ไม่ได้กลัวฟ้ามากนักหรอกนะ กลัวฝนที่จะตามฟ้ามามากกว่า หากคุณมีเวลาใกล้ ๆ เกาะลอยนี้คือหอนาฬิกาที่เต็มไปด้วยแหล่งรวมของอร่อยมากมายเพราะพื้นที่บริเวณนี้คือเขตชุมชนเก่าแก่ของชาวศรีราชา แต่อย่างว่าว่ามีเวลาน้อยก็เลยไม่ได้ไปหาของอร่อยกินสักทีเลย หรือหากมาทันแดดก็สามารถไปเดินเล่นบริเวณสวนสาธารณะข้างสะพานข้ามเกาะได้ เพราะทางเทศบาลได้ปรับปรุงให้บริเวณดังกล่าวเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง มีทั้งบรรดาสมาชิกครอบครัวที่ใช้ที่นี้เป็นที่ทำกิจกรรมร่วมกัน หรือบรรดาคนทำงานมาใช้หลังเลิกงานออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงกันหลายคน จึงอาจกล่าวได้ว่าที่นี้เหมาะกับการมานั่งรับลมเย็น ๆ ได้ตลอดทั้งวัน นี่ถ้าฝนไม่ทำท่าจะไล่มาก็คงมีเวลาเดินเล่นรับลมบริสุทธิ์จากทะเลได้มากกว่านี้ หรือหาของอร่อยแถวหอนาฬิกาให้ฟินกว่านี้ก็ได้ บ่นด้วยความเสียดาย แต่ก็ดีใจที่ได้ประสบการณ์แปลกใหม่นะ