น่าจะตั้งแต่ปี 57 เคยมีความตั้งใจว่า "จะไม่ไปเที่ยวจีน" เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเท่าไรจากการตกเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ (ตอนนั้นไปเที่ยวญี่ปุ่น แต่ต้องมาต่อเครื่องที่เซี่ยงไฮ้เพื่อกลับไทย แต่ขากลับเกิดความล่าช้ามาจากสายการบิน ทำให้มาไม่ทันเครื่องที่กลับไทย แต่สายการบินก็รับผิดชอบในการจัดหาที่พัก รถรับ-ส่ง VISA แต่เวลาที่เสียไปใครจะรับผิดชอบ?) แต่ต่อมา เมื่อเราได้เดินทางไปหลากหลายประเทศ โดยเฉพาะการไปเที่ยว "อินเดีย 2 ครั้ง ใน 5-6 เมือง" และ "การเข้าด้อมซีรีย์จีน" เลยมีความคิดที่ว่า "ฉันต้องได้ให้หอไข่มุก ซักครั้งในชีวิต" เลยทำให้เกิดบันทึกการเดินทางในครั้งนี้ขึ้นมา และเมื่อมีจังหวะ โอกาส การเดินทางจึงได้เริ่มขึ้นในวันที่ 5 - 10 ธันวาคม 67 เราจองเครื่องไป-กลับ สายการบินไซน่าเซาท์เทิร์นแอร์ไลน์ ราคาประมาณ 5 พันบาท/คน แต่ไปพักเปลี่ยนเครื่องที่กวางโจว (ผ่าน ตม.ที่กวางโจว) .... ไทย - กวางโจว - เซี่ยงไฮ้ (ทั้งไปและกลับ) ด้วยความขาไป ใช้เวลารอเครื่องประมาณ 7 ชั่วโมง เลยได้รับสิทธิ์ในการเข้าพัก รร.ฟรี ตามเงื่อนไขของสายการบิน มีบริการรับ-ส่งฟรี (มี รร. ให้เลือกเยอะอยู่นะ เราสามารถเลือกได้เองตั้งแต่หน้าเว็บ หรือ มาเลือกหน้าเคาเตอร์ก็ได้) พอทำการใดๆ เสร็จแล้วพนักงานจะให้สติกเกอร์โรงแรมเรามาติดเสื้อ แล้วมานั่งรอที่เก้าอี้ ช่วงจังหวะนั้น จะมีคนมาทัก และพ่นจีนใส่หน้าเราแบบไม่ถนอมคนอ่อนด้อยภาษาแบบเราเลย จนได้ความว่า "รอก่อน และหากคนครบจะพาไปขึ้นรถไปโรงแรม" ..... เอาจริงๆ ใช้เวลานอนแค่ 2 ชั่วโมงเอง กว่าจะรอคนพร้อมกันไปขึ้นรถบัส กว่าจะถึง รร. อาบน้ำ พักผ่อน (แต่ก็ดีที่ว่าได้อาบน้ำแหละ) .... ใครที่เป็นเที่ยวบินเช้า ก็ต้องทำใจ เหมือนอย่างเรา ที่กว่าจะได้นนอนก็ ตี 2 ออกจาก รร ก็ตี 5 (มั้ง) (รร.มีขนมเป็นอาหารเช้าให้ด้วยนะ) .... ก่อนที่จะไปบอกเล่าเก้าสิบของประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยว อยากจะบอกว่า เราเรียกเซี่ยงไฮ้ = แต่คนอื่นเรียกชางไฮ "สายการบินไซน่าเซาท์เทิร์นแอร์ไลน์" เรารู้สึกว่าเป็นสายการบินที่ราคาไม่แพง แต่ full Service ดีเลยนะ มีอาหารให้ทาน มีน้ำหนักกระเป๋าตั้ง 25 กิโลได้มั้ง (ถ้าจำไม่ผิด) แต่แค่เสียเวลาเปลี่ยนเครื่องนิดหน่อย ก็ถือว่าได้แวะเที่ยวอีกเมือง (ทั้งที่ไม่ได้เห็นอะไรเลย) อ่อ!! ระหว่างทางจาก กวางโจว-เซี่ยงไฮ้ ใช้สนามบินภายในประเทศ และการที่เราเข้า domestic ของจีน ก็แอบมีปัญหาหน่อยๆ ในเรื่องของการผ่านการตรวจ ต้องรอคนมาคีย์ข้อมูล (คีย์อะไรไม่รู้อ่ะนะ) ... และเรามาถึงสนามบินหงเซี่ยว (แต่แอบเสียดายที่ไม่ได้นั่ง Maglev เพราะถ้าอยากเจอ Maglev ต้องไปสนามบินผูต่ง) เราก็นั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองปกตินิใช้เวลานานหน่อย แต่ก็เรื่อยๆ มาที่โรงแรม และโรงแรมก็สามารถเข้าเช็คอินได้เลย (เรามาถึงช่วงสายๆ เกือบเที่ยงๆ ได้มั้ง) วันแรกของเริ่มใช้ชีวิตที่เซี่ยงไฮ้ในวันลาพักร้อน : ต้นเดือนธันวาคม อากาศอยู่ที่ 15 องศา เย็นๆ สบายๆ ช่วงกลางวันไม่มีลมเท่าไร แต่ช่วงเย็นคือลมหนาวมากจ้าาา จริงๆ ตอนแรกที่เลือกไปช่วงต้นเดือนธันวาคม ไม่ได้เกี่ยวกับสภาพอากาศใดๆ เลย แต่เกี่ยวกับค่าตั๋วเครื่องบินและความสะดวกในวันเวลาของการเดินทางพอดี และนอกจากวันที่ไปจะเจออากาศเย็นแล้ว ยังเจอฝุ่น PM2.5 อีกนะ อากาศ 2 วันแรกที่ไป ฟ้าไม่สดใสเลย ถ่ายรูปก็โคตรไม่สวย สีท้องฟ้ามัวหมองมากมาย เราเริ่มต้นทริปด้วยการเดินถนนโบราณที่ Nanxiang ที่นี้มีทั้งของกิน ของฝาก ตรอกซอกซอยเยอะพอสมควร และมีร้านอาหารที่ดังพอสมควร แต่เราคนจริง ไม่กินค่า ไปกินและชิมอย่างอื่น เรื่อยๆตามถนน และเดินไปเรื่อยๆตามอารมคนเรื่อยจริงจัง ... อีกอย่าง ถนนเส้นนี้หากวนไปอีกด้านจะเจอพิพิธภัณฑ์ และมีห้องน้ำสาธารณะที่ยังเป็นห้องน้ำสมัยเก่าอยู่เลยนะ คือ แค่มีที่กั้นฉาก (ไม่มีประตู) และเป็นรางยาวๆ ให้ชะล้างไปพร้อมๆกัน >.,< ด้วยความเป็นวันเกิดด้วย เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิต เลยไปไหว้พระที่วัด "Longhua" ค่าเข้าวัดพวกเราไม่ได้เสียนะ แต่จ่ายค่าธูปเทียนจ่ายได้ทั้งเงินสด หรือจ่ายผ่าน alipay ก็ได้ ตามแต่ใครจะสะดวก ... ที่วัดนี้แมวเยอะมากกกก ใครที่เป็น "ทาสแมว" แนะนำให้ตามหาแมวในวัดได้เลย และด้วยความที่เราไปช่วงเย็นและมีความหิว เลยไปขอกินข้าวที่โรงอาหารของวัด ถ้าบ้านเราก็คงจะ "โรงเจ" รสชาติอาหารอร่อย สถานที่สะอาดพอสมควร เพราะมี พนง.เช็ดโต๊ะ ทำความสะอาด (เหมือน food court บ้านเราแหละ) แต่แค่ไม่ได้แลกคูปองเพื่อไปซื้อ แต่เป็นการหยอดเงินตามราคาอาหาร หรือ แสกนจ่าย (จะมีป้ายติดราคาไว้แบบง่ายๆ เพราะมีแค่ 3 ราคามั้ง) แล้วพนักงานไม่ได้มาดูนะ ว่าเราหยอดเงิน หรือ แสกนจ่ายจริงหรือเปล่า ... แต่เราจ่ายน๊าาาา เที่ยวที่ไหน ก็ต้องตามสายมูเตลูจ้าา.... เราไป Jing’an Temple ถือวันเป็นวัดเก่าในเมืองก็ว่าได้ และเคยอ่านเจอว่า วัดจิงอัน เคยเป็นโรงงานพลาสติกมาก่อน (วัด>โรงงานพลาสติก>วัด) ค่าเข้า 50 หยวน/คน .. สิ่งที่หลายๆคนทำ นอกจากจะมาไหว้พระแล้ว ทุกคนพร้อมใจกันโยนเหรียญให้เข้าไปในเจดีย์ธูปใหญ่ และภายในวัดก็มีห้องต่างๆ ให้เข้าไปไหว้ สักการะ .... และก็มีพวกเครื่องรางขายนะ เยอะแยะมากมาย เราชอบสถาปัตยกรรมหลังคามาก ... ไม่รู้ว่าปลาที่อยู่บนหลังคา เป็น "ปลาหลี่ฮื้อหัวมังกรโบราณ" รึป่าวนะ แล้วถ้าใครที่สังเกต ประเทศจีนเขาจะขึ้นป้ายการให้คุณค่าของเขาเอง "คุณค่าทางวัฒนธรรม" ของประเทศเขาที่ชัดเจนมาก เหมือนกับที่เขามีการจัดลำดับ A ของแหล่งท่องเที่ยวนั้นแหละ (ประเทศอื่นไม่ต้องมาจัดลำดับให้ฉัน ฉันจัดเองได้โดยผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการจัดระดับคุณภาพสถานที่ท่องเที่ยวแห่งชาติ) จะไม่ไปก็ไม่ได้นะ Yuyuan Old Street (ปักหมุดที่เดียวกับ Yuyuan Garden) แต่เราไม่ได้เข้าไปสวน แค่เดินเที่ยว กิน แถวๆถนนคนเดินตอนกลางคืนเท่านั้น แค่นี้ก็โคตรจะทัชใจพอสมควร เป็นสถานที่ที่เปิดไฟตอนกลางคืนสวยมากก สีโคตรแจ่ม และภายในซอกซอยก็จะมีการแสดง ดนตรีด้านบนของอาคาร ให้นักท่องเที่ยวได้ดู ได้ฟัง ส่วนของที่ขายก็หลากหลาย มีทั้งของฝาก ของแบรนด์เสื้อผ้า ร้านอาหารคาว อาหารหวาน ... และระหว่างทางจากสถานีรถไฟไปที่ Yuyuan ก็จะเจอกลุ่มคนมาเต้น ออกกำลังกาย โคตรจะเพลิน จริงๆ เราไปร่วมแจมเต้นได้นะ เหมือนเป็นเวทีสาธารณะ ที่ใครจะมาเต้น/ออกกำลังกายก็ได้ (ไม่ได้ถ่ายรูปมา) ขอแต่คุณมีลำโพงและเพลง ก็สามารถรวมกลุ่มกันเต้นออกกำลังกายได้เลย ปล.รูปภาพทุกภาพของบทความ ผู้เขียนเป็นคนถ่ายเองทั้งหมด ไม่อนุญาตให้ใครก็ตามนำไปใช้ก่อนได้รับอนุญาต ปล.2 เด๋วมาต่อใน EP.2 #เที่ยวจีน #เซี่ยงไฮ้ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !