สวัสดีค่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ หลังจากที่เราได้รีวิวทริปเที่ยว “ไปกาญจน์ไปกันฉันรักเธอ” ในบทความก่อนหน้านี้กันไปแล้ว วันนี้เราเลยจะมารีวิวเที่ยวกาญจน์ฯ ในทริป “ตัวอยู่ที่กาญจน์ ใจอยู่ที่เธอ” ซึ่งเป็นทริปเที่ยวจังหวัดนี้ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2563 ให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ได้อ่านกันต่อว่าเราไปเที่ยว พัก และกินที่ไหนบ้าง เผื่อว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ จะได้ตามรอยไปเที่ยวกันในช่วงวันหยุดยาว เกริ่นมาซะนาน เกรงว่าเพื่อน ๆ จะเริ่มเบื่อก่อนเลื่อนลงอ่านบทความ งั้นเราเริ่มเลยดีกว่าค่า! สองทริปก่อนหน้านั้นเรามักจะแวะไปกินอาหารกลางวันที่ “ร้านครัวจ่าพอง” จังหวัดนครปฐมก่อนเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรี แต่ทริปนี้นั่งรถไปกินอาหารมื้อเที่ยงที่ “ร้านโก๊ขิว ราชากบทอด” ในอำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรีเลยรวดเดียวให้รู้สึกหิวหน่อย ๆ จะได้กินอาหารอร่อย ซึ่งร้านนี้เป็นร้านอาหารป่าเก่าแก่และมีชื่อเสียงประจำจังหวัด โดยเมนูที่เราสั่งก็มีไก่ผัดเผ็ดเหน่อไม้ดอง, ทอดมันปลากราย และกบทอดกระเทียม รสชาติอาหารโดยรวมถือว่าอร่อยเด็ดเผ็ดถึงใจ ชอบสุดก็ไก่ผัดเผ็ดเหน่อไม้ดอง รสชาติจัดจ้านมาก กินไปดื่มน้ำไปค่ะ 5555 ระหว่างรอเช็กบิลอาหาร พี่เดินไปเข้าห้องน้ำหลังร้าน แมวก็ปีนเข้ามานั่งเก้าอี้แทน เพื่อจะกินอาหาร 5555 ด้วยความเอ็นดูบวกกับเราชอบแมวอยู่แล้ว (เราเริ่มชอบแมว เพราะการ์ตูนการ์ฟิลด์นี่แหละ) เราเลยไม่ไล่ ปล่อยแมวกินตามสบาย 🤣🤣🤣 จากนั้นเราก็เดินทางต่อไปเที่ยวชม “ถ้ำกระแซ” ซึ่งเรามาทางเส้นทางที่มายังรีสอร์ตสวนไทรโยค ระหว่างเดินไปยังถ้ำกระแซก็เสียวไปด้วย ไหนจะกลัวความสูง ไหนจะกลัวตกลงไปข้างล่าง แถมยังต้องระวังรถไฟอีก 5555 พอเดินบนรางรถไฟมาเรื่อย ๆ จนถึงถ้ำกระแซ ปากทางเข้าถ้ำมีป้ายแสดงความรู้/เรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับถ้ำแห่งนี้ว่าเป็นถ้ำขนาดเล็กและเคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งที่สร้างทางรถไฟสายมรณะและสะพานข้ามแม่น้ำแควค่ะ เมื่อเดินเข้าไปภายในถ้ำกระแซ ถ้ำค่อนข้างปลอดโปร่งและเบื้องหน้ามี “หลวงพ่อถ้ำกระแซ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ตั้งประดิษฐานให้ผู้คนได้กราบไหว้สักการะ หลังจากเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อถ้ำกระแซเพื่อเสริมสิริมงคลแล้วก็เดินออกมาข้างนอกถ้ำ เพื่อชมวิวสวย ๆ บริเวณโดยรอบ โชคดีที่คราวนี้มาเที่ยวได้ถูกจังหวะพอดีเลยได้ชมรถไฟแล่นผ่านถ้ำกระแซเลียบหน้าผาสูงชันบริเวณช่วงโค้งมรณะค่ะ พอเที่ยวชมถ้ำกระแซแล้วก็เดินทางไปเช็กอินเข้าพักที่โรงแรมแห่งเดิมนั่นคือ “โรงแรมมาร์กาญ รีสอร์ท” เข้าพักทุกครั้งที่มาเที่ยวจนกลายเป็นลูกค้าประจำของโรงแรมไปแล้ว 5555 เมื่อเช็กอินเข้าที่พักแล้วก็พักร่างให้หายเหนื่อยซะหน่อยในห้องพักหลังจากเดินทางมาไกล ตอนเย็นสักประมาณ 4 โมงครึ่ง - 5 โมง เราก็นั่งรถมากินอาหารเย็นที่ร้านคาเฟ่ “The Village Farm To Cafe'” ร้านคาเฟ่เดิมอีกเช่นกันค่ะ ถึงร้านคาเฟ่แล้ว เราก็นั่งหลบมุมนั่งโต๊ะที่ใกล้กับประตูด้านหลังร้าน ซึ่งสามารถชมวิวธรรมชาติสวย ๆ ที่มีภูเขาโอบล้อมและทุ่งหญ้าเขียวขจี โดยเมนูที่เราสั่งก็เป็นเมนูเดิมเช่นกันคือ “ซี่โครงหมูอบเท็กซัสขนาดเล็ก” กับ “ชุดไส้กรอกรวมย่าง” แบ่งกันกิน 3 คนพอดีอิ่ม ก่อนจะปิดท้ายด้วยของหวานสุดอร่อยอย่าง “วาฟเฟิลกรอบเมลอนซอฟต์ครีม” และเดินทางกลับที่พัก รีบอาบน้ำนอนเพื่อเก็บแรงเที่ยวในวันถัดไปค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็นั่งรถออกไปกินอาหารเช้าที่ร้าน “ป้ายูรแกงป่า” ซึ่งเป็นร้านอาหารป่าและร้านอาหารพื้นบ้านริมถนนแสงชูโต ใกล้สุสานสัมพันธมิตรดอนรัก โดยเมนูที่เราสั่งได้แก่ หมูหวาน, ไก่ผัดเผ็ดหน่อไม้ดอง, ไข่พะโล้ และผัดเผ็ดกระดูกอ่อน รสชาติอาหารอร่อยทุกจาน ชอบสุดก็ไก่ผัดเผ็ดหน่อไม้ดองกับหมูหวานนี่แหละ แถมราคาถูกด้วยค่ะ กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็มุ่งหน้าไปเที่ยวชม “น้ำตกเอราวัณ” ที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ท่ามกลางฝนตกปรอย ๆ พอไปถึงก็ถ่ายรูปป้ายก่อนเลยให้รู้ว่ามาเที่ยวน้ำตกจริง ๆ นะ ไม่ได้เที่ยวทิพย์ 5555 จากนั้นก็เดินตามเส้นทางธรรมชาติเข้าไปเรื่อย ๆ จนได้ยินเสียงน้ำตก ระหว่างทางจะมีป้ายบอกชื่อน้ำตกและระยะทางของน้ำตกแต่ละชั้นค่ะ เมื่อเดินไปถึงชั้นน้ำตกแล้วก็แอบผิดหวัง เนื่องจากคืนก่อนวันที่จะมานั้นฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำตกกลายเป็นสีน้ำตาลขุ่น จึงชมน้ำตกได้แค่เพียง 2 ชั้นล่างสุดเท่านั้น ส่วนน้ำตกชั้นที่ 3 ขึ้นไป เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชม เพราะอาจเกิดอันตรายได้ เสียดายสุด ๆ เอาไว้โอกาสหน้าค่อยมาเที่ยวชมใหม่แล้วกันเนอะ 😅😅😅 หลังจากผิดหวังที่ไม่ได้เที่ยวชมน้ำตกเอราวัณ เพราะมีน้ำป่าไหลหลาก พี่กับเราก็เดินมานั่งรถกอล์ฟ (ค่าบริการคนละ 30 บาท) ที่ลานด้านล่างของน้ำตกชั้นที่ 1 ใกล้กับห้องน้ำ เพื่อไปยังลานจอดรถของทางอุทยานฯ และเดินทางต่อไปยัง “เขื่อนศรีนครินทร์” ซึ่งเป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลองที่สร้างขึ้นบนแม่น้ำแคว โดยสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตความเป็นอยู่ ปัจจุบันเขื่อนศรีนครินทร์กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวหรือสถานที่พักผ่อนที่สวยงามในจังหวัดกาญจนบุรีค่ะ พอเดินทางมาถึงเขื่อนศรีนครินทร์ เราก็ชมวิวทิวทัศน์และสิ่งที่น่าสนใจบริเวณสันเขื่อน เช่น พระพุทธสิริสัตตราช (หลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์) พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางสมาธิที่ตั้งประดิษฐานบริเวณพลับพลาสันเขื่อน, กำแพงเขื่อนสูงลิ่ว เมื่อมองลงไปด้านล่างก็จะเห็นประตูระบายน้ำและแม่น้ำแม่กลองไหลคดเคี้ยวไปตามหุบเขา, อ่างเก็บน้ำที่มีทะเลสาบขนาดใหญ่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และมีเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ เสียดายที่ไม่ได้ชมสวนเวลารำลึกและนั่งเรือเข้าไปชมวิวทิวทัศน์ภายในเขื่อนที่มีเรือนแพต่าง ๆ คอยต้อนรับนักท่องเที่ยว หากมีโอกาสจะหาเวลามาพักค้างคืนในอ่างเก็บน้ำอย่างแน่นอนค่ะ เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน เราก็นั่งรถออกไปกินอาหารเที่ยงกัน แต่ระหว่างทางนั่งรถออกมาตรงปากทางสู่ถนนใหญ่ก็เห็นน้ำตกขนาดย่อมอยู่ข้างทาง เรารู้สึกว่าสวยแปลกแหวกแนวดีเลยลงมาถ่ายรูปสักหน่อย ซึ่งน้ำตกขนาดย่อมนี้คาดว่าน่าจะเป็นน้ำขังไว้ตามโขดหินหรือไม่ก็เป็นน้ำที่กักเก็บสะสมบนภูเขาค่ะ ถ่ายรูปน้ำตกขนาดย่อมเสร็จก็เดินทางไปกินอาหารกลางวันที่ “ร้านบ้านต้นน้ำ” ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยสไตล์บ้านสวนที่ตั้งอยู่ริมถนน ตรงข้ามกับเอราวัณรีสอร์ท โดยเมนูที่เราสั่งได้แก่ กุ้งทอดราดซอสมะขาม, ข้าวผัดกุ้ง, ต้มยำปลาคังน้ำใส และทอดมันปลากราย พอได้กินแล้วบอกเลยว่าอร่อยทุกจานจริง ๆ โดยเฉพาะเมนูกุ้งทอดราดซอสมะขามที่ถือเป็นเมนูเด็ดของร้านเลยทีเดียว ใครที่จะไปเที่ยวชมเขื่อนศรีนครินทร์หรือน้ำตกเอราวัณอย่าลืมเพิ่มพลังด้วยอาหารอร่อย ๆ กันที่ร้านนี้นะคะ รับรองว่าไม่มีผิดหวังแน่นอนค่ะ หลังจากเติมพลังยามบ่ายจนอิ่มแปล้แล้วก็กลับมานอนตากแอร์ในห้องพักตามสไตล์ “หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน” นอนเล่น ดูหนังฟังเพลงไปเรื่อย ไม่นานก็หลับ 5555 ตอนเย็นตื่นมาก็ถึงเวลาอาหารค่ำพอดี เราจึงนั่งรถไปกินอาหารมื้อเย็นที่ “ร้านครัวอนงค์” ซึ่งเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ชื่อดังประจำจังหวัดกาญจนบุรี โดยเราสั่งเมนูหมูคลุกฝุ่น, ไก่ไทยรวนเค็ม, ไข่เจียวสมุนไพร และผัดเผ็ดกระดูกอ่อนใบยี่หร่า รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยกลมกล่อมกำลังดีค่ะ กินอาหารคาวเสร็จแล้วก็ต้องล้างปากด้วยของหวานกันต่อที่ร้าน “Little Anong Coffee” ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าร้านภายในพื้นที่ร้านครัวอนงค์ แยกมาจากพื้นที่ร้านอาหารอีกที เนื่องจากลูกของเจ้าของร้านครัวอนงค์เป็นเจ้าของร้านคาเฟ่นี้นั่นเอง โดยเมนูของหวานที่เราสั่งก็มีวาฟเฟิลแอนด์ครีมกับลิตเติลฮันนีโทสต์ รสชาติไม่หวานมาก อร่อยกำลังดีเลย สำหรับใครที่อยากกินทั้งอาหารคาวรสอร่อยจัดจ้านและขนมหวานแก้เผ็ดในพื้นที่ใกล้ ๆ กันล่ะก็... แนะนำให้มากินเลยค่ะ วันรุ่งขึ้นหลังจากทำธุระส่วนตัวแล้วก็เดินทางไปชม “ต้นจามจุรียักษ์” เป็นอันดับแรกก่อนจะกินอาหารเช้า เพราะเกรงว่าตอนสาย ๆ จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมเยอะ ประกอบกับต้องการมาถ่ายรูปต้นไม้สวย ๆ และวิวทิวทัศน์โดยรอบแบบไม่ติดคน แต่ระหว่างทางนั่งรถไปชมต้นจามจุรียักษ์ ข้างทางก็จะเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจีและมีม้าออกมากินหญ้าบริเวณรั้วที่กั้นไว้ตามแนวถนน เราเลยถ่ายรูปสักหน่อยค่ะ ^^ พอเดินทางมาถึงต้นจามจุรียักษ์แล้ว รู้สึกดีใจมากที่มาเที่ยวเป็นคนแรก ๆ จะได้ถ่ายรูปสวย ๆ แบบไม่ติดคน 5555 ซึ่งต้นจามจุรียักษ์เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่อายุมากกว่า 100 ปี ลำต้นมีขนาดเท่า 10 คนโอบและสูงถึง 20 เมตร ส่วนกิ่งก้านใบตั้งพุ่มเขียวขจีให้ร่มเงาที่แผ่กระจายเป็นวงกว้างครอบคลุมพื้นที่กว่าหนึ่งไร่เศษและรากของต้นไม้แต่ละแขนงที่มีขนาดใหญ่ก็ยังแผ่ขยายไปทั่วอาณาเขตเช่นเดียวกับกิ่งก้าน และมีสะพานวงกลมแบบยกพื้นสูงเหนือพื้นดินล้อมรอบลำต้นไว้ให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน เพื่อหลบแดดหลบฝน หรือตากลมเย็น ๆ ใต้ต้นไม้ค่ะ หลังจากถ่ายรูปต้นจามจุรียักษ์จนจุใจแล้วจึงเดินทางไปกินอาหารเช้าที่ “ร้านหมอชู” ซึ่งเป็นร้านอาหารชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนมากเน้นอาหารป่า อาหารพื้นบ้าน และปลาแม่น้ำเป็นหลัก โดยเมนูที่เราสั่งได้แก่ ไก่ผัดเผ็ดหน่อไม้ดอง, ไข่คอนโด, กบผัดกะเพรา และกุ้งฝอยชุบแป้งทอด รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยกลมกล่อม มีทั้งอาหารเผ็ดจัดจ้านถึงใจกับอาหารแก้เผ็ดอย่างละครึ่ง เรียกได้ว่าตื่นขึ้นมาก็กินอาหารรสเผ็ดแต่เช้าเลยทีเดียวค่ะ 5555 กินอาหารคาวรสเผ็ดแต่เช้าก็ต้องกินของหวานหรือไอศกรีมแก้เผ็ดกันต่อที่ “ร้านสะพานนาคาเฟ่” ซึ่งเป็นร้านคาเฟ่สุดชิคที่เป็นบ้านแฝดสีขาวหลังคาหน้าจั่ว คล้ายโรงนาสไตล์โมเดิร์นแบบเรือนกระจกใส สามารถมองเห็นวิววัดถ้ำเสืออย่างเด่นชัด โดยเมนูที่สั่งก็มีไอศกรีมกะทิที่เสิร์ฟในลูกมะพร้าวกับน้ำพั้นช์ ถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ จนเพลินไปหน่อย พอเดินกลับมาที่โต๊ะ แม่กับพี่ก็กินไอศกรีมกะทิจนหมดแล้ว เราเลยอดกิน 5555 แต่ยังดีที่พี่ถ่ายรูปไอศกรีมกะทิส่งมาให้ และเหลือน้ำพั้นช์ไว้ให้เรา ไม่งั้นเราคงเซ็งน่าดูค่ะ 🤣🤣🤣 จากนั้นก็เดินทางกลับที่พัก เพื่อนั่งพักให้ท้องย่อยก่อนจะเก็บกระเป๋าเช็กเอาท์ออกจากที่พัก หลังจากเช็กเอาท์แล้วจึงเดินทางไปกินอาหารเที่ยงที่ “ร้านซุ่นเฮง” ซึ่งเป็นร้านผัดไทยเก่าแก่ที่เปิดขายมานานกว่า 70 ปีและมีชื่อเสียงประจำจังหวัด พอนั่งรถไปถึงร้านช่วงบ่ายโมงกว่า ๆ คนในร้านก็ยังเยอะอยู่ ไม่มีโต๊ะนั่ง เลยยืนรอสักพัก เมื่อได้โต๊ะนั่งแล้วก็เริ่มสั่งอาหาร โดยเราสั่งเมนูทอดมันปลากราย, ขนมเบื้องไข่, กระเพาะปลาน้ำแดง และผัดไทยกุ้งสด รสชาติโดยรวมถือว่าอร่อยกลมกล่อม หลังจากกินอาหารเที่ยงเสร็จแล้วก็นั่งรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพค่ะ รีวิวเที่ยวทริป “ตัวอยู่ที่กาญจน์ ใจอยู่ที่เธอ” จบแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? สำหรับใครที่วางแผนว่าจะไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี สามารถตามรอยเราจากบทความนี้ หรือคลิกดูข้อมูลได้ตามลิงก์ “สถานที่ท่องเที่ยว” กับ “ร้านอาหาร/ร้านคาเฟ่” ได้เลย ส่วนทริปเที่ยวเมืองกาญจน์ในทริปสุดท้ายของปี 63 เพื่อน ๆ อดใจรออ่านอีกนิด ไม่นานเกินรอค่ะ ^^ พิกัด: ร้านโก๊ขิว ราชากบทอด, ถ้ำกระแซ, โรงแรมมาร์กาญ รีสอร์ท, ร้านคาเฟ่ The Village Farm To Cafe', ร้านป้ายูรแกงป่า, น้ำตกเอราวัณ, เขื่อนศรีนครินทร์, ร้านบ้านต้นน้ำ, ร้านครัวอนงค์, ร้านคาเฟ่ Little Anong Coffee, ต้นจามจุรียักษ์, ร้านหมอชู, ร้านสะพานนาคาเฟ่, ร้านซุ่นเฮง ออกแบบหน้าปกใน Canva และ Photoshop โดย: Windy_55 (ผู้เขียน) เครดิตภาพประกอบบทความทั้งหมดโดย: Windy_55 (ผู้เขียน) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !