ช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ตัวผมเองได้ไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี เลยอยากที่จะแชร์ประสบการณ์การเที่ยวของผมเอง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังจะหาข้อมูลไปเที่ยว หรืออยากจะลองไปเที่ยว สำหรับการเที่ยวครั้งนี้ตัวผมเองนั้นไปเที่ยวเป็นเวลา2วัน1คืน(จริงๆอยากไปต่อมากเลย แต่ตั้งใจแค่อยากจะมากินดื่มริมแม่น้ำ1คืน) โดยจุดมุ่งหมายที่ตัวผมอยากมาพักผ่อนคือ แถวสะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นจุดพักรถที่มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่น้อยเลย เริ่มเดินทางการเดินทางไปเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีนั้น มีหลายเส้นทาง แต่ตัวผมเองเดินทางด้วยรถไฟโดยเริ่มจากนั่งMRTมาลงสถานีบางขุนนนท์ แล้วลงมาทางประตู1จะมีวินมอเตอร์ไซต์จอดอยู่ แล้วขึ้นวินไปลงสถานีธนบุรีได้เลยโดยเริ่มขึ้นจากสถานีธนบุรี-น้ำตก ขบวนที่ 257 ธนบุรี-น้ำตก ราคา25บาท โดยรถจะเริ่มออกเวลา 07:45 ถึงปลายทางที่ผมจะไปเที่ยวคือ สะพานแควใหญ่ 10:35 ใช้เวลาร่วมๆ3ชั่วโมง(แต่มีแอบเลทด้วยนะครับ ผมมาถึงก็จะ11โมงแล้ว) เริ่มเที่ยว แพลนที่ผมจะมาเที่ยวนั้นมีแค่3จุดหลักๆสะพานข้ามแม่น้ำแควพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2สกายวอร์คกาญจนบุรี(มีตลาดคนเดินด้วยนะ)สะพานข้ามแม่น้ำแควสะพานข้ามแม่น้ำแควจะเป็นจุดจอดรถชื่อว่า สะพานแควใหญ่ จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่นึง ของกาญจนบุรี เป็นสะพานที่มีประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่2 มีความคลาสสิค เป็นสะพานเหล็กขนาดใหญ่ แล้วเป็นไม้หมอนรองตัวรางไว้ ถึงจะเก่า แต่เป็นสะพานที่มีความแข็งแรงมาก เพราะต้องรับน้ำหนักของรถไฟอยู่ทุกๆวัน ณ จุดลงรถ จะมีตลาดมีแม่ค้าขายของกินอยู่ตลอดทาง ไม่หิวอย่างแน่นอน จุดสะพานข้ามแม่น้ำแคว เราสามารถที่จะเดินข้ามบนสะพานมาลงอีกฝั่งนึงของแม่น้ำได้(เมื่อเวลามีรถไฟมาไม่ต้องตกใจนะ เพราะรถไฟจะส่งสัญญาณ และจะมาช้าๆ และบนสะพานก็จะมีจุดให้เราหลบหลังเส้นสีแดง เพื่อหลบสะพานด้วยนะ) ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ จะมีตลาดค่ายเชลศึก(จะเปิดช่วงเย็น) มีร้านอาหารร้านข้าว มีวีหารพระโพธิสัตว์กวนอิม สุสานทหารจีนด้วยนะพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2จุดต่อมาคือ พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2 เดินจากจุดสะพานข้ามแม่น้ำแควมาได้เลย ไม่ไกลเท่าไหร่ พิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2 จะมีค่าตั๋วเข้าชม ผู้ใหญ่คนละ 50 บาท เด็ก 20 บาทนะ หลังจากเข้ามาแล้ว ในส่วนของด้านหน้าก็จะมีประวัติ และรูปเก่าๆ เล่าประวัติเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่2ในตอนนั้นว่ามีเรื่องราวที่มาเป็นอย่างไร(พอฟังเรื่องราวแล้ว รู้สึกได้เลยว่าสงครามมีแต่ความโหดร้ายและความสูญเสียเกิดขึ้น อย่าให้มีสงครามเกิดขึ้นเลยนะ!!) การเดินชม พิพิธภัณฑ์ จะมีลูกศรบอกทาง ให้เราเดินทางลูกศรได้เลย (ตอนที่ผมไปไม่มีคนนำเที่ยวนะ)พิพิธภัณฑ์นอกจากจะมีประวัติความเป็นมาของสงครมโลกครั้งที่2แล้ว ยังมีการขุดค้นพบกระดูก และค้นพบอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นหลักฐานสำคัญมาก เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ด้วยนะ ซึ่งเป็นหลักฐานของมนุษย์สมัยยุคหิน เช่น อุปกรณ์หิน เครื่องมือหินต่างๆสกายวอร์คกาญจนบุรีจุดต่อมาที่ผมมาเที่ยวคือ สกายวอร์คกาญจนบุรี ผมแนะนำให้มาช่วงเย็นนะ (จะเป็นตลาดคนเดินมีของกินอร่อยๆเพียบเลย และมานั่งกินของอร่อยๆริมแม่น้ำ ฟินๆ)ก่อนเข้าจะต้องซื้อตั๋วก่อนนะ คนละ60บาท จะได้ที่คลุมรองเท้าใส่ไว้เดินบนกระจก (ถ้าเก็บรองเท้าเอามาใช้ใหม่ครั้งหน้า จะเสียค่าตั๋วแค่ครึ่งราคาครับ) อุปกรณ์ที่ห้ามนำเข้าจะเป็นอุปกรณ์พวกขาตั้งกล้องต่างๆ หรืออุปกรณ์อะไรที่เสียงต่อการหล่นแล้วทำให้กระจกเสียหาย สามารถนำโทรศัพท์มือถือขึ้นไปได้สกายวอร์คกาญจนบุรีจะเป็นลักษณะ ทางเดินที่เป็นกระจกใส มองเห็นพื้นด้านล่างได้ จริงๆแล้วไม่น่ากลัวเท่าไหร่(ถ้าไม่ก้มมองนะ+5555) จะเป็นวิวมุมสูง สามารถเห็นแม่น้ำมุมกว้าง ถ้าเป็นช่วงเย็นแบบที่ผมมา ก็จะเห็นขอบฟ้าสวยๆ มีเรือแล่นผ่านแม่น้ำ สวยมากครับหลังจากเดินเสร็จแล้ว ก็ลงมาหาของกิน นั่งเพลินๆถึงค่ำได้เลย ตรงตลาด จะมีลานสเก็ต มีเวทีการทำกิจกรรมต่างๆ สว่างตลอดทาง ไม่มืดเลยครับBamboo Houseที่พักที่ผมเลือกพักคือ Bamboo House เป็นที่พักที่ดี ราคาถูก และวิวติดริมแม่น้ำเลยครับ คือดีมากๆ ที่พักมีหลายแบบมากครับเป็นแพ ลอยน้ำ(ผมพักอันนี้) เข้าพักวันละ400-600บาท ผมของผ่านAGODAครับ เป็นลักษณะเป็นแพ เป็นห้อง1ห้อง มีเตียงนอนได้2คน มีพัดลม,เตียง,หมอน,ผ้าห่ม,ผ้าเช็ดตัว,สบู่,WIFI ห้องน้ำของตัวนี้จะเป็นห้องน้ำรวมนะครับ ห้องน้ำสะอาดดีมาก แยกห้องอาบน้ำ ห้องน้ำเป็นสัดส่วน**ถ้าใครเมาคลื่นน้ำแนะนำห้องอื่นนะครับ เวลามีเรือผ่านตัวห้องจะโยกตามคลื่นเลย แต่ส่วนตัวผมไม่เมาคลื่นครับ ชอบมาก เปิดประสบการณ์+555ห้องแบบHip เป็นห้องพักที่ขึ้นมาจากน้ำหน่อยอยู่ด้านบนของที่พัก จะเป็นลักษณะเหมือนบ้านติดกันหลายๆหลัง จัดตกแต่งได้น่ารักมากครับ ด้านล่างจะเป็นส่วนเล็กๆ มีที่นั่ง มีค่าเฟ่ของทางที่พัก (จะมีแมวของทางที่พักด้วยนะ หลายตัวเลยครับ น่ารักมาก)อื่นๆก็จะมีอีกครับแต่ขอสรุปให้เลยคือ แบบHutคือจะเป็นบ้านหลังไม้ตรงสนามหญ้าใกล้ริมแม่น้ำ,คลาสสิคบ้านเป็นหลังมีเตียงใหญ่วิวธรรมชาติ,Deluxe Raft จะเป็นแพบนน้ำแต่ตัวนี้จะตกแต่งได้สวยความ มีที่นั่งด้านนอก ดูDeluxeสมชื่อครับ**ผมได้ถ่ายภาพวิวเวลากลางคืนมาให้ชมครับ สวยมากๆ จิบน้ำเก๊กฮวย นั่งข้างริมแม่น้ำชื่นใจ ผ่อนคลายมากๆเลยครับกลับบ้านนนหลักจากเที่ยวเสร็จแล้ว ก็เดินทางกลับบ้าน โดยกลับไปรอขึ้นรถไฟที่จุดพักรถสะพานแควใหญ่ได้เลย โดยรถไฟขากลับไปกรุงเทพ คือ 258 น้ำตก-ธนบุรี เวลาที่รถไฟจะมาถึงจุดพักรถสะพานแควใหญ่ จะอยู่ที่เวลาประมาณ 14.30(ตอนขากลับก็มีแอบเลทประมาณ15.00 T T) สามารถขึ้นรถไฟก่อนได้เลยเพราะตรงจุดนี้จะไม่มีที่ขายตั๋ว พอเวลาขึ้นก็หาที่นั่งได้เลยครับ เมื่อเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว ก็แจ้งได้เลยว่า ขอซื้อตั๋วลงสถานี จรัญสนิทวงศ์(ลงสถานีนี้จะสามารถเดินไปขึ้นMRTกลับได้เลย แนะนำว่าให้นั่งตู้ท้ายๆขบวนนะ เวลาลงรถไฟจะใกล้MRTมากที่สุด) ราคาตั๋วขากลับก็เท่ากับขามาเลยคือ 25บาท กำหนดการจะมาถึงกทมประมาณ17.30(แอบแลทไป18.00 T T)สรุปค่าใช้จ่าย จากทริปครั้งนี้ ไม่เยอะครับ ส่วนใหญ่จะหมดไปกับของกิน+5555ค่าเดินทางไปกลับ50บาท ค่าที่พักหาร2คน(ไปกับเพื่อน)คนละ300 600บาท ค่าตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์และสกายวอร์ค 110บาท ค่าเดินทางGrabไป-กลับ ที่พัก-สกายวอร์คหาร2คน คนละ70บาท 140บาทรวมค่ากินและค่าใช้จ่าย จบไปด้วย1ใบเทา ภายในงบ1000บาทครับ ถ้าไปคนเดียวก็ประมาณ1พันกว่าบาท ถือว่าได้เที่ยว+พร้อมพักผ่อน คุ้มมากครับ ภาพประกอบบทความทั้งหมดผู้เขียนถ่ายเองครับ อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !