ช่วงเทศกาลวันบุญวันออกพรรษาแต่ละท้องที่จะมีกิจกรรมตามประเพณีที่แตกต่างกันไป สำหรับชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงในตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี กิจกรรมหลักในงานบุญก็จะมีขึ้นวัดรับศีล ทำบุญ ใส่บาตร ในช่วงเช้าโดยฟังสัญญาณจากการเคาะเกราะที่วัด 3 รอบ และมาสวดมนต์ทำวัตรเย็นในช่วงค่ำของทุกวัน การแห่พุ่มปัจจัยไทยธรรมในคืนสุดท้าย ก่อนกรวดน้ำรับพร และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่แตกต่างจากงานบุญอื่นๆ ในรอบปี เช่น การไหว้เจดีย์ไฟ การทำทานปล่อยแพ (ทางน้ำ) การทำทานบนบกบนต้นไม้เล็กๆ (เสมือนต้นกัลปพฤกษ์ - มีแขวนขนม ของกิน ของใช้ให้เป็นทานแก่คนผ่านไปมา) การถวายพืชเกษตรและของจำเป็นแด่พระสงฆ์กลางลานวัด และกิจกรรมการปล่อยโคมลอย ทางภาคเหนือของไทยมีการโคมลอยในช่วงเทศกาลยี่เป็งหรือวันลอยกระทงที่นิยมปล่อยกันมาก แต่ทางงานบุญวันออกพรรษาในตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ก็จะมีการปล่อยโคมลอย ได้ทุกคืนระหว่างงาน (4 คืน 3 วัน) แต่ที่นิยมมากๆ จะเป็นช่วงคืนวันพระ (คืนที่ 3) เพราะมีกิจกรรมไหว้เจดีย์ไฟที่เชื่อว่าเป็นการต่อสะเดาะเคราะห์ ต่ออายุผู้ไปไหว้ ไปปักเทียน (พิธีทางพราหมณ์) และสักการะพระพุทธเจ้าในพุทธันดรนี้ด้วย (พิธีทางพุทธ) ใครที่อยากมาเห็นก็สามารถมาท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้ทุกๆ ปี ตามปฏิทินช่วงวันออกพรรษา การปล่อยโคมลอย (หรือภาษาถิ่นว่า มิโปว) ก็เป็นอีกกิจกรรมที่ชวนให้รู้สึกลุ้นทุกครั้งที่มีการปล่อยว่าจะโคมลอยจะขึ้นไหม จะไปทางไหน จะดับตอนไหน จะไหม้ก่อนไหม หรือจะหล่นเมื่อไหร่ เป็นอีกกิจกรรมที่เด็กๆ ก็ดูได้ ผู้ใหญ่ก็ดูได้ แต่กว่าจะได้โคมลอยสักลูกก็ต้องใช้เวลาทำเป็นวันเหมือนกัน เพราะมีขนาดใหญ่กว่าโคมลอยแบบภาคเหนือมากๆ โคมลอยในตำบลไล่โว่เดิมทีจะทำขึ้นมาเอง จะมีทรงเป็นลูกบอลลูนหรือทรงลูกมะละกอก็มี ใช้กระดาษว่าวหลากสีมาประกอบกันหรือใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ขนาด 200 แผ่น จึงมีขนาดใหญ่กว่าโคมลอยแบบทางภาคเหนือ ส่วนไส้โคมลอยเดิมทีจะทำมาจากผ้ามาสานและแช่ยางจากธรรมชาติใช้เวลาเป็นเดือนๆ และมาตากแห้งอีก ไส้โคมลอยก็จะอยู่ได้นาน ไม่หยด แต่ปัจจุบันการทำโคมลอยด้วยตนเองเริ่มน้อยลง ซื้อจากตลาดมาปล่อยกันเป็นส่วนใหญ่ เพราะไม่ต้องเสียเวลาทำด้วย ปีนี้ที่หมู่บ้านกองม่องทะ ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จึงอยากอนุรักษ์โคมลอยไว้ จึงมีการประกวดภายในหมู่บ้านขึ้น โดยใช้เกณฑ์จาก 4 คุ้มบ้านมาร่วมแข่งขัน มีถ้วยรางวัลให้ ครั้งแรกมีการส่งเข้าแข่งขันกันแค่ 2 คุ้มบ้านเท่านั้น ถือเป็นปีแรกที่มีการสร้างสีสัน เพื่ออนุรักษ์การทำโคมลอยขึ้น ไส้โคมลอยที่เคยทำมาจากผ้าที่ต้องแช่นานๆ ก็ปรับมาเป็นไส้กระดาษชำระ(ทิชชู่) เป็นม้วนแทน ใช้สูตรประยุกต์จากไส้โคมลอยแบบภาคเหนือ ใช้เวลาทำไม่นานแค่น้ำกระดาษชำระแช่น้ำมันกับเศษเทียนต้มผสม แล้วนำไปตากแห้ง สัก 1-2 ชั่วโมงก็ใช้งานได้แล้ว ส่วนตัวผู้เขียนชอบการปล่อยโคมลอยมาก เป็นความสุขที่หาได้แค่ปีละครั้ง ทุกครั้งที่มีการปล่อยโคมลอยในวันออกพรรษาก็จะรอดูจนหมด จนวันหนึ่งมีโอกาสได้ลองทำด้วยตนเอง จากการสังเกตคนเฒ่าคนแก่ที่เคยเห็น ลองมาทำจนช่ำชอง สามารถกะขนาดได้ เพราะโคมลอยประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนบน(หลังคา) ส่วนกลาง (ลำตัว) และส่วนล่าง (มีช่องปากสำหรับมัดเหล็กที่ยึดไส้โคมลอยไว้) ใหม่ๆ ก็จะกะไม่ถูก ระหว่างขนาดกระดาษกับไส้ ถ้าไส้โคมลอยใหญ่ไปก็ขึ้นลำบาก ถ้าไส้โคมลอยเล็กไปก็ขึ้นไม่ได้ ทุกวันนี้ก็สามารถกะขนาดที่พอดีกันได้มากขึ้น ดีใจที่มีเพื่อนรุ่นน้องอีกคนที่สนใจสืบสานด้วยกัน จึงทำให้เกิดกิจกรรมการประกวดโคมลอยขึ้นมาในครั้งนี้ แม้ว่าการทำโคมลอยจะไม่ค่อยมีคนทำกันแล้ว แต่ส่วนตัวก็ยังชื่นชม สนุกกับการทำในทุกๆ ปี แอบดีใจที่ยังมีเยาวชนบางคนในหมู่บ้านยังสนใจมาร่วมทำ และกลับไปทำด้วยตนเอง อย่างน้อยก็มีคนทำเป็นมากขึ้นเพื่อสืบสานกิจกรรมดีๆ ที่ต้องอาศัยศิลปะ ความอดทน ความสามัคคี การรู้จักแก้ปัญหาต่างๆ ได้ตั้งแต่การลงมือทำถึงการปล่อยไปสู่ท้องฟ้าในวันจริง เพราะโคมลอย หรือมิโปว เป็นอีกสัญลักษณ์ที่เป็นสีสันของงานบุญออกพรรษาเท่านั้น ไม่นิยมปล่อยในงานบุญอื่นๆ ปีไหนไม่มีปีนั้นก็เหมือนจะขาดอะไรไปเหมือนกัน มาร่วมกันอนุรักษ์โคมลอยจากฝีมือคนในชุมชน อีกกิจกรรมดีๆ เป็นสีสันของงานบุญในท้องถิ่น หากสิ่งนั้นไม่ได้ขัดกับข้อปฏิบัติในชุมชนหรือสังคมที่อาศัย ก็ขอให้สืบสาน เป็นอัตลักษณ์ของงานบุญนั้นๆ ให้คงอยู่ต่อเรื่อยไป ขอบคุณ Canva ใช้ตกแต่งภาพปก ทุกภาพประกอบโดยผู้เขียน อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !